พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังเป็นลีกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย หากย้อนไปในช่วงปี 2000 ต้นๆ ยังเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขับเคี่ยวแชมป์ลีกกับ อาร์เซนอล แต่การมาของ โรมัน อับราโมวิช ทำให้ เชลซี สถาปนาเป็นทีมแชมป์เต็มตัว ก่อนที่ ลิเวอร์พูล ที่ยังเป็นทีมใหญ่เสมอ ก็สอดแทรกลุ้นแชมป์ กลายเป็น บิ๊ก 4 แต่ปัจจุบันนี้ มีถึง 6 ทีม ที่เป็น big 6 พรีเมียร์ลีก

วันนี้ วิเคราะห์บอล UFA จะพามาดูกันว่า Big 6 ของวงการฟุตบอลอังกฤษ ในฤดูกาลปัจจุบัน นั้นเป็นทีมไหนกันบ้าง

big 6 พรีเมียร์ลีก มีใครบ้าง

ก้่อนจะมาดูว่า 6 ทีมในพรีเมียร์ลีก ที่เป็นทีมระดับหัวตาราง มีลุ้นแชมป์ เป็นทีมไหนบ้าง ทางทีมงานขอแนะนำ Ufabet เวปพนันออนไลน์ ที่มาแรงที่สุดในปัจจุบัน ให้ราคา อัตราการต่อรอง ค่าน้ำ ที่ดีที่สุด พร้อมการบริการสุดประทับใจ เข้าเรื่องกันต่อ มาดู 6 ทีมพรีเมียร์ลีก ในปีนี้กันว่า เป็นทีมไหนบ้าง

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นก่อน ปีนี้เสริมทัพหลักๆ เพียงแค่ แจ็ค กลิลิช แข้งชาวอังกฤษจอมทัพคนสำคัญของแอสตัน วิลล่า มาร่วมทีมด้วยราคา 117.50 ล้านยูโร

ส่วนที่ปล่อยไปหลักๆ ก็มี เอริค การ์เซีย และ เซร์คิโอ อเกวโร่ ไป บาร์เซโลน่า แบบไร้ค่าตัวหลังหมดสัญญากับทีม รวมถึง อันเจลิโน่ ไป แอร์เบ ไลป์ซิก และ แจ็ค แฮร์ริสัน ไป ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่ตัวหลักยังอยู่กันครบถ้วน

โดยพวกเขา เปิดหัว 3 นัดด้วยการชนะ 2 แพ้ 1 โดยไฮไลท์คือการ คืนฟอร์ม ถล่มโหด ใส่ อาร์เซนอล 5-0 ด้วยการทำทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอล่า และนักเตะมากฝีเท้าในคาถาของเขา ยังทำให้ เรือใบสีฟ้า ยังเป็นทีมเต็งแชมป์ อย่างไม่ต้องสงสัย

เชลซี

เจ้าของตำแหน่งแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ รองแชมป์ เอฟเอ คัพ โดยการทำทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ที่จะได้คุมทีมในซีซั่นนี้เต็มตัว โดย 3 เกมแรก ชนะ 2 เสมอ 1 ซึ่งก็ถือว่าทำผลงานได้ดี

โดยได้เสริมนักเตะ ดาวดังอย่าง โรเมลู ลูกากู กลับมาล่าตาข่ายให้กับทีมอีกครั้ง ด้วยราคา 115 ล้านยูโร และเพิ่งเติมแกร่งแดนกลางก่อนตลาดปิด ด้วยการยืมตัว ซาอูล ญีเกซ มาร่วมทีมแบบยืมตัว 1 ฤดูกาล

ส่วนที่ปล่อยไปมีมากหมายเหลือเกิน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นนักเตะในแผนการทำทีมอยู่แล้ว แต่หากนับในทุกตำแหน่ง เรียกได้ว่าแกร่งทั่วแผ่น จึงเป็นเต็งสองอย่างไม่ต้องสงสัย

ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล ยังคงเป็นทีมเต็งอย่างต่อเนื่อง โดยเกาะหัวตารางได้ตลอดในช่วงหลัง แต่การเสริมทัพในซีซั่นนี้ จัดมาเพียงแค่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ กองหลังจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยราคา 40 ล้านยูโร

ส่วนที่เหลือยังเป็นแกนหลักเช่นเดิม แต่การที่ได้ เวอร์จิล ฟานไดจ์ค ก็เหมือนกับได้นักเตะคนใหม่มาสู่ทีม เพราะเกมรับแน่นขึ้นเช่นเดิม ส่วนแดนกลาง เสีย จอร์จินิโอ ไวจ์นาดุม ไปให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบฟรีๆ

แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยระบบของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีมชุดหลัก ที่เล่นด้วยกันอย่างยาวนาน น่าจะทำให้ระบบที่แข็งแกร่งกับฟอร์มที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ พาให้ ลิเวอร์พูล มีลุ้นแชมป์ในปีนี้ โดยตอนนี้ แข่ง 3 นัด ชนะ 2 นัดและเสมอ 1 นัด ฟอร์มยังดูดีไม่เปลี่ยน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แมนฯ ยู เอาแค่ความรู้สึกของแฟนบอล จากการที่ได้เห็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับมาสวมชุดแข่งสีแดงสกรีนชื่อของเขาด้านหลังพร้อมหมายเลขเจ็ด เชื่อว่า แฟนบอล เร้ด เดวิล ก็ต้องไม่การสิ่งใดแล้ว

ส่วนการเสริมทัพปีนี้ บอกเลยว่า เนื้อๆ เน้นๆ จัดมาทั้ง เจดอน ซานโช่ ด้วยราคา 85 ล้านยูโร ที่จบมหากาพย์ตั้งแต่ปีก่อน ย้ายมาโรงละครแห่งความฝันได้เสียที ตามด้วย ราฟาเอล วาราน กองหลังจากเรอัล มาดริด ด้วยราคา 40 ล้านยูโร

และปิดท้ายด้วยการเซ็น คริสเตียโน โรนัลโด้ ด้วยราคา 15 ล้านยูโร จาก ยูเวนตุส โดยการทำทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จะได้ใช้ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว

โดยตอนนี้ แข่ง 3 นัด ชนะ 2 นัดและเสมอ 1 นัด น่าสนใจว่าเมื่อ โรนัลโด้ ได้ลงสนาม แล้วผลงานของทีมจะเป็นอย่างไรบ้าง จะมีอิมแพ็คมากแค่ไหน จะได้แชมป์หรือไม่

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

สเปอร์ส ของกุนซือคนใหม่ชาวโปรตุเกสอย่าง นูโน่ เอสปิริโต ซานโต้ อดีตกุนซือของ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ได้จัดการเสริมนักเตะหลายราย อาทิ คริสเตียน โรเมโร่ และ ปิแอร์ลุยจิ กอลลินี่ จาก อตาลันต้า แบบยืมตัว

ตามด้วย ไบรอัน กิล จาก เซบีย่า, เอเมอร์สัน รอยัล จาก บาร์เซโลน่า และ ปาเป้ ซาร์ จาก เม็ตซ์ โดยผลงาน 3 นัดของ สเปอร์ส คือ การรั้งอันดับ 1 ของตาราง ชนะรวด 3 นัด โดยไฮไลท์คือเกมที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ประตู

แต่สิ่งที่แฟนบอล ไก่เดือยทอง ดีอกดีใจ นั่นก็คือ การที่ แฮร์รี่ เคน กองหน้าคนสำคัญยิ่งของทีม ประกาศอยู่กับทีมต่อไป น่าสนใจว่า สเปอร์ส ปีนี้จะบินสูงมากแค่ไหนกัน

BIG 6 ทีมสุดท้าย

ก็ครบไปแล้วสำหรับ 5 ทีมที่แน่นอนว่าเป็น 1 ใน 5 ที่อยู่ในท็อป 6 อย่างแน่นอน แต่ทีมสุดท้ายที่อยู่ใน Big 6 มีโอกาสหลายทีมเหลือเกิน

ไล่ตั้งแต่ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่สถาปนามาอยู่โซนบนของตารางได้อย่างต่อเนื่อง จากการบริหารจัดการทีมที่ดี แมวมองที่เสริมทัพนักเตะอย่างเฉียบคม รวมถึงมี เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่คุมทีมอย่างยาวนาน ดูท่าว่าพวกเขาจะเป็นทีมเต็งที่จะได้ติด บิ๊ก 6 ทีมสุดท้าย

แต่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ของ เดวิด มอยส์ ที่กำลังคุมทีมทำผลงานได้ดีตั้งแต่ซีซั่นก่อนจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการเสริมทัพนักเตะที่ดีและขุมกำลังที่สุดอันตราย ทำให้พวกเขาก็มีโอกาสขึ้นมาเหมือนกัน

ยังไม่รวมกับ เอฟเวอร์ตัน อีกหนึ่งทีมที่ใช้ตังค์เก่งในการเสริมทัพ หรือจะ แอสตัน วิลล่า ที่ปีนี้เสีย กริลิช แต่ก็ใช้เงินได้เหมาะสม ยกเครื่องนักเตะใหม่หลายราย แถมทำผลงานได้ดีอีกด้วย

แต่เหมือนว่าทีมงานจะลืมทีไหนไปนะ อ๋อ ทีมแถวๆ ย่านลอนดอนเหนือ ที่ใช้เงินเสริมทัพไปถึง 156.8 ล้านปอนด์ ในการซื้อนักเตะเกรดบีมาเสริมทีม แต่ตอนนี้ผลงานอยู่ตำแหน่งหัวตาราง!

หัวตารางในการตกชั้น คืออันดับที่ 20 นอนจมบ๊วย แพ้ 3 นัดรวด โดนถลุงไป 9 ประตู ยิงไม่ได้สักลูก ดูแล้วปีนี้พวกเขาอาจจะมีโอกาสหลุดวงโคจรของ บิ๊ก 6 เว้นเสียแต่ว่ารีบปลดโค้ช ปลดบอร์ดบริหารกากๆ

รวมถึง เจ้าของทีม ขายให้คนที่มีใจรักในฟุตบอลจริงๆ มาบริหารทำทีมเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้น แฟนๆ เดอะ กันเนอร์ส ก็ได้แต่กอดความเจ็บช้ำวนไปไม่มีที่สิ้นสุด

Posted in บทความฟุตบอล

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม นี้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกฟุตบอลที่แฟนบอลทั่วโลก รอติดตามชมมากที่สุด รวมถึงแฟนบอล และขาเดิมพันฟุตบอล ในประเทศไทย ต่างรอคอย ดูบอลพรีเมียร์ลีก ที่กำลังจะเปิดทำการแข่งขัน อย่างเป็นทางการ โดยกระแสตอนนี้ ต้องยอมรับว่า สถานการณ์โลกปัจจุบัน จะทำให้ ทุกสิ่งทุกอย่าง ดูกร่อยลงไป พอสมควร ไม่เว้นแม้แต่วงการฟุตบอล

โดยช่วงนี้ จะทำอะไร ก็ต้องระมัดระวัง กันอย่างมาก เช่นเดียวกัน กับการดูบอล ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะนำเสนอว่า หาวิธีดูบอลพรีเมียร์ลีก ที่ไหนกันดี

ดูบอลพรีเมียร์ลีก ที่ไหนกันดีนะ?

ต่อเนื่องจากด้านบน ด้วยสถานการณ์การระบาด ของเชื้อโควิด-19 ทำส่งผลอย่างหนัก ในประเทศไทยของเรา ที่วัคซีนดีๆ ยังไม่มีมาเสียที ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ ที่เหตุการณ์จะกลับมาปกติ จะได้ออกไปใช้ชีวิตปกติกันได้บ้าง แต่เมื่อเรายังทำอะไรไม่ได้นัก ก็ต้องกักตัว ดูแลตัวเอง รักษาความปลอดภัย เพื่อตัวเราเอง และคนที่คุณรัก

ดังนั้นการจะทำอะไร จะออกไปสังสรรค์ พบปะเพื่อนฝูง หรืออะไรก็แล้วแต่ มันยุ่งยากมากขึ้น และแทบจะเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับ กิจกรรมการดูฟุตบอล แน่นอนว่า ปกติ เราๆ ท่านๆ จะนัดกับเพื่อนฝูง ญาติ พี่น้อง ออกไปดูฟุตบอล ตามสถานบันเทิงต่างๆ หรือนัดรวมตัวเพื่อนฝูง ไปดูบอลกันที่บ้าน ใช้เวลาร่วมเชียร์ ร่วมชม สนุกสนานกันไป

แต่ทุกวันนี้อย่างที่ทราบกันว่า เราทำแบบนั้นไม่ได้ ดังนั้น พวกเรา พร้อมเสนอทางแก้ปัญหา ในการดูบอลพรีเมียร์ลีก ที่จะเปิดฉากขึ้นนัดแรก ในวันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม นี้กันครับ เริ่มจาก ขั้นแรก ตอนนี้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด อยู่ที่ ทรูวิชั่น

ซึ่งก็มี แพ็คเกจชมฟุตบอล หลายราคา ให้เลือกสมัคร ทั้งระบบเคเบิ้ล ที่สามารถดูได้ชัดเจน แต่ราคาต่อเดือน อาจจะสูงซักหน่อย หรือจะเป็น ทรูไอดี (True-ID) ที่เป็นระบบกล่องรับชม หรือจะดูใน แพลตฟอร์ม อื่นๆ ก็ทำได้เช่นกัน แถมราคายังเป็นแบบเหมาฤดูกาล ในราคา ไม่ถึง 2 พันบาท

อย่างไรก็ขอแนะนำ ให้สมัครกันครับ ดูของแท้ ใช้ของแท้ ดีกว่าดูของเถื่อน ราคาแต่ละแพ็คเกจ ก็อยู่ตามที่ท่าน จะสะดวกที่จะจ่าย ไหวเท่าไหนก็เท่านั้น ดูได้เหมือนกันครับ ต่อมา จะเลือกดูในมือถือ คนเดียวชิลล์ๆ หรือ แท็ปเล็ต ก็ย่อมได้

หากว่าดูคนเดียวแล้วเหงา ลองชวนครอบครัว มานั่งดูด้วยก็ได้ จะได้ใช้เวลากับครอบครัวไปด้วย ดูบอลกันไป คุยกันไป กินข้าว กินขนม ดื่ม กันเพลินๆ แล้วแยกย้ายกันพักผ่อน แต่ถ้าหากอยู่คนเดียว เหงาๆ ลองโทรหาเพื่อน วีดีโอคอล คุยกันไปดูกันไปก็ได้

ถ้าไม่จุใจ จะประชุมสาย ใช้โปรแกรมซูม หรือโปรแกรมอื่นๆ ที่สามารถเปิดกล้องพูดคุยกันก็ย่อมได้ครับ แล้วจะชนแก้วออนไลน์ พูดคุยกันเพลินๆ ชมบอลกันไป เพลินๆ ก็ได้ฟีลแปลกใหม่ดีเหมือนกัน

ก็เข้าใจว่าช่วงนี้ทำอะไรก็ไม่เหมือนเดิม เพราะมีการล็อคดาวน์ เลยเวลาก็ไม่สามารถ ขยับตัวออกไปไหนได้แล้ว ไม่งั้นจะโดนจ่าเรียกเอา ก็ต้องทำแบบนี้ครับ หรือ ใครที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว หรือถ้ายังไม่มั่นใจ

แต่หากมีการ อยากชวนชาวแก๊งค์ มาดูด้วย ก็แนะนำให้อยู่กันยาวๆ กักตัวกันไป 14 วัน ดูบอลได้สองอาทิตย์ กันไปเลย อยู่กันจนให้เบื่อกันไปข้างนึง ก็สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ตัวท่าน ว่าจะตกลงกันอย่างไร ซึ่งแนวคิดนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะดูที่ไหน ก็ไม่ต่างกัน ขอแค่เราได้ทำอะไรที่เป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลาย ดูฟุตบอลแล้ว ไม่เดือดร้อนใคร ดูแบบปลอดภัย ถูกลิขสิทธิ์ ก็ถือว่าดีแล้วนั่นเอง แต่ถ้าหากว่า ท่านที่ยังหา เวปพนันออนไลน์ ที่ยังไม่ตอบโจทย์เสียที

ทางเราขอแนะนำ ufabet เวปพนันออนไลน์ที่ดีที่สุด ไม่อั้นราคา พร้อมให้ราคาที่ดีกว่าใคร บริการตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อได้เลยที่ ufabet ที่เดียวเท่านั้น

Posted in บทความฟุตบอล

ฤดูกาลใหม่ ของศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ใกล้เปิดฉากขึ้นแล้ว ช่วงนี้ทุกสโมสร ก็ทำการฝึกซ้อมเตรียมทีม รวมถึงมีโปรแกรมอุ่นเครื่อง เพื่อเตรียมความพร้อม และ มีการพยายามเสริมทัพและปล่อยตัวผู้เล่นออกไป ซึ่งช่วงนี้หลายทีมก็วุ่นกับตลาดซื้อขายกันจ้าละหวั่น โดยทีมงานขอย้อนรอยเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ 6 สโมสรดังในพรีเมียร์ลีก กับ 5 นักเตะค่าตัวแพง ของแต่ละทีม มีราคาค่าตัวแพงติดกันเท่าไหร่บ้าง

5 นักเตะค่าตัวแพง ของ 6 สโมสรในพรีเมียร์ลีก

6 สโมสรในพรีเมียร์ลีก ที่ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA เลือกมามี แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โดยเรามาดู 5 นักเตะค่าตัวแพง ของแต่ละสโมสร มีใครกันบ้าง โดยขอเริ่มจาก

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

5. ซอน เฮือง-มิน, เอริก ลาเมล่า, เซร์ฆิโอ เรกิลอน, โรแบร์โต้ โซลดาโด้ และ สเตเฟ่น เบิร์กไวน์ 30 ล้านยูโรติดโผถึง 5 รายเลยทีเดียว สำหรับแข้งค่าตัวแพง อันดับที่ 5 ของ “ไก่เดือยทอง”

โดยเริ่มจาก ซอน เฮือง-มิน ปีกซ้าย ชาวเกาหลีใต้ ที่ว่ากันว่าเป็นนักเตะอันดับที่ 1 ของทวีปเอเชีย โดยเจ้าตัวย้ายจาก “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ข้ามฟากมากรุงลอนดอน มาเล่นให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในปี 2015 ปัจจุบันเจ้าตัวยังอยู่กับทีมเป็นคนสำคัญอยู่ในทุกวันนี้

ต่อด้วย เอริก ลาเมล่า แนวรุกจอมถ่อยชาวอาร์เจนไตน์ ย้ายจาก โรม่า ทีมจากกัลโช่ เซเรีย อา มาร่วมทีมในปี 2013 โดยค้าแข้งอยู่กับทีมถึงเกือบ 8 ปี ก่อนที่ล่าสุดเพิ่งจะย้ายไปร่วมทีม เซบีย่า

ตามมาด้วย เซร์ฆิโอ เรกิลอน แบ็คซ้ายชาวสเปน ย้ายตัวจาก เรอัล มาดริด มาร่วมทีม ไก่เดือยทอง เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาต้องปรับตัวกับทีมต่อไป

รายต่อมาเป็น โรแบร์โต้ โซลดาโด้ ดาวยิงชาวสแปนิช ย้ายจาก บาเลนเซีย มาซบตัก ไก่เดือยทอง แต่เหมือนฟอร์มจะไม่ค่อยโดนใจ โดยปัจจุบันอยู่กับ เลบานเต้

ปิดท้ายอันดับนี้กับ สเตเฟ่น เบิร์กไวน์ ปีกตัวจี๊ด ย้ายจาก พีเอสวี ไอนด์ โอลด์เฟ่น ในปี 2019 โดยเจ้าตัวก็ถือเป็นกำลังหลักให้กับทีมได้อย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน

4. จิโอวานี่ โล เซลโซ่ 32 ล้านยูโรโล เซลโซ่ ย้ายจาก เรอัล เบติส ทีมในศึกลาลีกา สเปน มาร่วมทีมในฤดูกาล 2020 โดยตั้งแต่นั้นจนปัจจุบัน เจ้าตัวเป็นกำลังสำคัญในแดนกลางของทีมได้อย่างลงตัว เป็นแข้งคนสำคัญคนหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว

3. มูสซ่า ซิสโซโก้ 35 ล้านยูโรมูสซ่า ซิสโซโก้ กองกลางที่โชว์ฟอร์มเด่นจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ก่อนจะย้ายมาจอย ไก่เดือยทอง ในปี 2015 โดยตัวเจ้าก็เป็นตัวหลักอย่างสม่ำเสมอ แต่ฟอร์มก็แล้วแต่บางช่วง บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะแย่ก็แย่ทั้งเกม โดยปัจจุบันยังคงค้าแข้งภายใต้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ต่อไป

2. ดาวิซอน ซานเชซ 42 ล้านยูโรดาวิซอน ซานเชซ กองหลังค่าตัวแพงระยับ ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซื้อตัวมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยราคา 42 ล้านยูโร ในปี 2017 แต่จนปัจจุบัน เจ้าตัวไม่สามารถเล่นได้คุ้มค่าตัวที่สโมสรเทงบจ่ายมาให้เลยแม้แต่น้อย แต่ยังมีสัญญาอยู่กับทีมหลายปี มีเวลาให้พิสูจน์ตัวเองอีกเพียบ

1. ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ 60 ล้านยูโรมิดฟิลด์ตัวเก่งรายนี้ ย้ายจาก “โอแอล” โอลิมปิก ลียง มาซบตัก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยราคา 60 ล้านยูโร เลยทีเดียว โดยเจ้าตัวใช้เวลาปรับตัวไม่นาน ก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยฤดูกาลนี้ น่าสนใจไม่น้อย ว่าเขาจะทำผลงานได้ดีมากแค่ไหน

อาร์เซนอล

5. โธมัส ปาร์เตย์ 50 ล้านยูโรโธมัส ปาร์เตย์ มิดฟิลด์ร่างใหญ่ทีมชาติกาน่า ย้ายจาก “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ด้วยราคาสูงถึง 50 ล้านยูโร ในปี 2020 โดยเจ้าตัวลงเล่นไม่เท่าไหร่ ก็เจออาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอด พอหายเจ็บมาเหมือนฟอร์มจะดี แต่จนตอนนี้ก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป

4. อเลซองดร์ ลากาแซตต์ 53 ล้านยูโร อเลซองดร์ ลากาแซตต์ ดาวยิงเคราเฟิ้ม สัญชาติฝรั่งเศส ย้ายจาก โอลิมปิก ลียง สโมสรที่ปลุกปั้นเขามาตั้งแต่อ้อนแต่ออด มาอยู่กับ อาร์เซนอล ด้วยค่าตัว 53 ล้าน ในปี 2017 ทว่าตั้งแต่ย้ายมา ยังถือว่าเจ้าตัวไม่สามารถเป็นดาวยิงตัวความหวังของทีมได้เลย โดยปัจจุบันส่อแววจะย้ายทีมหลังเหลือสัญญา 1 ปี

3. เบน ไวท์ 58.50 ล้านยูโรเบน ไวท์ กองหลังทีมชาติอังกฤษ ชุดลุยศึกยูโร 2020 เพิ่งย้ายจาก ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน มาเล่นให้กับอาร์เซน่อล เมื่อเร็วๆ นี้เอง ด้วยค่าตัวที่แพงระดับเป็นระดับสถิติสโมสร เจ้าตัวต้องแบกความกดดันในการยืนแผงแนวรับ เพื่อพิสูจน์ตัวเองกับสโมสรใหม่ในฤดูกาลนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

2. ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง 63.75 ล้านยูโรปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ศูนย์หน้าชาวกาบอง ถูกจารึกว่า เป็นนักเตะคนสุดท้าย อาร์แซน เวงเกอร์ ซื้อตัวมา ในต้นปี 2018 จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยราคา 63.75 ล้านยูโร โดยหลังจากนั้นเจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มสม่ำเสมอให้กับทีม ทว่าฤดูกาล 20/21 และจนถึงปัจจุบัน เหมือนเจ้าตัวจะหมดไฟและแรงจูงใจในการเล่นไปแล้ว โดยไม่สามารถโชว์ฟอร์มอย่างที่เคยทำได้อีกเลย

1. นิโคลัส เปเป้ 80 ล้านยูโรปีกยึกยักชาว ไอวอร์รี่ โคสต์ ที่ ไอ้ปืนใหญ่ ซื้อตัวจาก “ตราหมา” ลีลล์ ด้วยราคาแพงระยับถึง 80 ล้านยูโร แถมยังเป็นผ่อนกันอีกด้วย ซึ่งใครก็ดูออกว่า ราคามันแพงเกินความจำเป็น โดย เปเป้ ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้คุ้มค่าตัวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งแฟนบอลคงจะขอเพียงแค่ เล่นให้ได้พอกับค่าตัวครึ่งนึงก็พอ

เชลซี

5. จอร์จินโญ่ 57 ล้านยูโรจอร์จินโญ่ มิดฟิลด์ผู้ปิดทองหลังพระ ย้ายจาก นาโปลี มาร่วมทีม เชลซี ด้วยราคาสูงถึง 57 ล้านยูโร โดยเจ้าตัวผ่านเสียงวิจารณ์อย่างมากมาย แต่ทองแท้ยังไงก็เป็นทองอยู่วันยันค่ำ ตอนนี้เป็นแข้งคนสำคัญที่ขาดไม่ได้ทั้งในสโมสรและทีมชาติ

4. เฟอร์นันโด ตอร์เรส 58.50 ล้านยูโรเฟอร์นันโด ตอร์เรส ทำแฟนบอลเดอะ ค็อปส์ ใจสลาย โดยย้ายจาก ลิเวอร์พูล มาซบตัก เชลซี ในปี 2011 ด้วยราคาสูงถึง 58.50 ล้านยูโร แต่ทว่า ด้วยอาการบาดเจ็บเรื้อรัง เจ้าตัวไม่เคยโชว์ฟอร์มได้คุ้มราคาค่าตัวได้เลย แต่ก็ยังมีส่วนร่วมกับทีมในการคว้าแชมป์ ในตลอดการค้าแข้งที่ เชลซี

3. คริสเตียน พูลิซิซ 64 ล้านยูโรคริสเตียน พูลิซิซ แข้งวอนเดอร์คิ๊ดส์ ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทีมด้วยราคา 64 ล้านยูโร ในปี 2018 โดยเจ้าตัวพัฒนาฟอร์มตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนบ้าง แต่ตอนนี้แสงเริ่มออกแล้ว มาดูกันว่าซีซั่นนี้เขาจะทำผลงานได้ดีแค่ไหน

2. อัลบาโร โมราต้า 66 ล้านยูโรอัลบาโร โมราต้า ศูนย์หน้าผมไม่เคยเสียทรง ย้ายจาก เรอัล มาดริด ด้วยราคา 66 ล้านยูโร ในปี 2017 แต่ทว่า เจ้าตัวไม่สามารถฝากผีฝากไข้ได้เลย ยิงทิ้งยิงขว้างอยู่อย่างนั้น จนผลสุดท้าย เชลซี ต้องปล่อยตัวไปให้ แอตเลติโก มาดริด ยืมตัวก่อนขายขาด โดยปัจจุบุน โมราต้า เล่นให้กับ ยูเวนตุส แบบยืมตัว 2 ฤดูกาล

1. เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า และ ไค ฮาเวิร์ตซ์ 80 ล้านยูโรเกป้า อาร์ริซาบาลาก้า โค้ช เอ้ย! ผู้รักษาประตูชาวสเปน ที่ย้ายจาก แอธเลติก บิลเบา มาเฝ้าเสาให้กับ เชลซี 80 ล้านยูโร ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของผู้รักษาประตูอีกด้วย

ทว่าด้วยแรงกดดันหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ เกป้า ปัจจุบันกลายเป็นมือสองของทีม โดย เชลซี ตอนนี้ ใช้งาน เอดัวร์ เมนดี้ นายทวารที่เพิ่งซื้อมาในฤดูกาลก่อน ลงเป็นมือหนึ่งแทน

ต่อกันที่ ไค ฮาเวิร์ตซ์ มิดฟิลด์อัจฉริยะ ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาร่วมทีมเชลซี ด้วยค่าตัวสูง 80 ล้านยูโร โดยเจ้าตัวช่วงแรกยังติดเกร็ง แต่ต่อมาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม มาปีแรก มีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส ลีก ได้อีกด้วย

ลิเวอร์พูล

5. ฟาบินโญ่ 45 ล้านยูโรฟาบินโญ่ มิดฟิลด์ตัวรับ ชาวบราซิเลี่ยน ย้ายมาจาก โมนาโก มาร่วมทัพ หงส์แดง ในปี 2018 ด้วยค่าตัว 45 ล้านยูโร ด้วยเจ้าตัวกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมอย่างรวดเร็ว เป็นกำลังสำคัญในแดนกลาง โดยปัจจุบันก็เป็นแข้งที่ขาดไปไม่ได้แล้วอีกด้วย

4. คริสเตียน เบนเตเก้ 46.50 ล้านยูโรคริสเตียน เบนเตเก้ ศูนย์หน้าชาวเบลเยี่ยม ที่คว้าตัวมาจาก แอสตัน วิลล่า ด้วยราคา 46.50 ล้านยูโร ทว่า เจ้าตัวไม่สามารถตอบแทนราคาค่าตัวที่ ลิเวอร์พูล จ่ายได้เลยแม้แต่แดงเดียว โดยปัจจุบัน เบนเตเก้ กำลังเล่นให้กับ คริสตัล พาเลซ

3. นาบี เกอิต้า 60 ล้านยูโรนาบี เกอิต้า มิดฟิลด์ตัวกลาง สัญชาติ มาลี ย้ายจาก แอร์เบ ไลป์ซิก มาจอยกับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวสูงถึง 60 ล้านยูโร ทว่า เกอิต้า เจอปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้ฟอร์มไม่เคยสม่ำเสมอจนฝากผีฝากไข้ไว่ได้เลย โดยปัจจุบันเจ้าตัวยังอยู่ในทีม แต่ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองกันต่อไป

2. อลิสซง เบคเกอร์ 62.50 ล้านยูโรอลิสซง เบคเกอร์ ผู้รักษาประตูชาวบราซิเลี่ยน ลิเวอร์พูล ไปคว้าตัวมาจาก โรม่า ด้วยค่าตัว 62.50 ล้านยูโร ในปี 2018 โดยหลังจากนั้น อลิสซง เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมมาโดยตลอด ด้วยผลงานการเซฟที่ยอดเยี่ยม จะมีฟอร์มหลุดบ้างประปราย แต่โดยรวมนี่คือผู้รักษาประตูมือดีคนหนึ่ง ที่ทีมเคยมีมาเลยทีเดียว

1. เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค 84.65 ล้านยูโรเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังที่มีแต่คำถามว่า ทำไม ลิเวอร์พูล ถึงกล้าซื้อให้ เซาแธมป์ตัน ด้วยราคาสูงถึง 84.65 ล้านยูโร แต่ทุกวันนี้ คงไม่มีใครถามคำถามนี้อีกแล้ว เพราะคำตอบมันจัดเจนมากๆ โดย ฟาน ไดจ์ค เป็นแข้งคนสำคัญมากที่สุดในแผงแนวรับและมากที่สุดของทีมได้เลย สถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในกองหลังที่แทบจะดีที่สุดในโลก ณ ช่วงนี้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

5. อังเคล ดิ มาเรีย 75 ล้านยูโรอังเคล ดิ มาเรีย ปีกขวา ชาวอาร์เจนไตน์ พกดีกรีอย่างเต็มเปี่ยม ย้ายจาก เรอัล มาดริด มาร่วมทัพ ปีศาจแดง ด้วยราคา 75 ล้านยูโร แต่เล่นได้เพียงแค่ปีเดียว ก็ได้ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งทำผลงานได้อย่างดีจนถึงปัจจุบัน

4. โรเมลู ลูกากู 84.70 ล้านยูโรโรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าชาวเบลเยี่ยม ที่ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยราคาสูงถึง 84.70 ล้านยูโร แต่ยิ่งเล่นยิ่งโดนด่า ฟอร์มก็ไม่ดีได้ดั่งราคาที่ซื้อมา เป็นเป้าให้แฟนบอลโจมตี สุดท้ายแล้ว เลยย้ายไป อินเตอร์ มิลาน พร้อมกับสถาปนาตัวเอง กลายเป็นศูนย์หน้าระดับโลกไปแล้ว

3. เจดอน ซานโช่ 85 ล้านยูโรเจดอน ซานโช่ ได้ย้ายมาร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สมใจสักที หลังรอคอยร่วมปี โดยย้ายจาก เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยราคา 85 ล้านยูโร โดยซีซั่นนี้มาดูกันว่า ซานโช่ จะเป็นแข้งคนสำคัญให้กับ เร้ด เดวิลส์ ได้หรือไม่

2. แฮร์รี่ แม็คไกวร์ 87 ล้านยูโรแฮร์รี่ แม็คไกวร์ ย้ายจาก เลสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สูงถึง 87 ล้านยูโร พร้อมโดนวิจารณ์อย่างหนักหน่วง แต่ปัจจุบัน แม็คไกวร์ เป็นแข้งคนสำคัญของปีศาจแดงและทีมชาติอังกฤษไปแล้ว โดยโชว์ฟอร์มได้อย่างบยอดเยี่ยม สมราคา

1. ปอล ป็อกบา 105 ล้านยูโรปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ที่เคยย้ายไปร่วม ยูเวนตุส แบบฟรีๆ แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปซื้อกลับมาด้วยราคา 105 ล้านยูโร ซึ่งบอกตามตรงว่าโคตรแพง

โดยปัจจุบัน ป็อกบา ยังอยู่กับ แมนฯยู แต่สัญญาที่เหลือหนึ่งปี ทำให้เจ้าตัวออกทรงอยากย้ายทีมเต็มทน เรียกว่าแฟนบอลปีศาจแดงและสโมสร ต่างปวดหัวกันไปตามๆ กัน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

5. ชูเอา คันเซโล่ 65 ล้านยูโรชูเอา คันเซโล่ แบ็คซ้ายทีมชาติโปรตุเกส ย้ายจาก ยูเวนตุส มา เรือใบสีฟ้า ด้วยราคา 65 ล้านยูโร ในปี 2019 โดยใช้เวลาปรับตัวร่วมฤดูกาล ก่อนที่จะหาฝั่งเจอและกลายเป็นกำลังสำคัญให้กับ แมนฯซิตี้ จนถึงปัจจุบัน

4. ริยาด มาห์เรซ 67.80 ล้านยูโรริยาด มาห์เรซ ปีกตัวจี๊ดชาวแอลจีเรีย ย้ายจากทีม เลสเตอร์ ซิตี้ มาจอยทัพ เรือใบสีฟ้า ในปี 2018 ด้วยราคาสูงถึง 67.80 ล้านยูโร โดยเจ้าตัวเป็นหนึ่งในขุนพลคนสำคัญของทีมได้อยู่เสมอ แต่ฟอร์มก็มาๆ หายๆ ไปบ้างบางที แต่ก็ได้รับลงสนามอยู่เรื่อยๆ

3. รูเบน ดิอาซ 68 ล้านยูโรรูเบน ดิอาซ นี่คือหนึ่งในการใช้เงินแก้ปัญหาอย่างแท้จริง โดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซื้อตัวจาก เบนฟิก้า ด้วยราคา 68 ล้านยูโร ในปี 2020 โดย รูเบน ดิอาซ เป็นหัวใจสำคัญในแผงเกมรับของเรือใบพันล้านได้อย่างลงตัว แม้จะเพิ่งมาเล่นเป็นฤดูกาลแรก

2. เควิน เดอ บรอยน์ 76 ล้านยูโรเควิน เดอ บรอยน์ เพย์เมกเกอร์แก้มแดง ชาวเบลเยี่ยม ย้ายจาก โวล์ฟสบวร์ก มาร่วมทัพ แมนฯ ซิตี้ ด้วยราคาสูงถึง 76 ล้านยูโร ในปี 2015 โดยทุกวันนี้ไม่มีอะไรกังขากับผลงานของ เดอ บรอยน์ อีกแล้ว โดยเจ้าตัวเป็นแข้งเบอร์ 1 ของทีมในตอนนี้เลยก็ว่าได้

1. แจ็ค กริลิช 117.50 ล้านยูโรสดๆ ร้อนๆ กับ แจ็ค กริลิช มิดฟิลด์ตัวรุกสุดหล่อเท่ ชาวอังกฤษ ที่ทุบสถิติเป็นนักเตะค่าตัวแพงสูงสุดคนปัจจุบันในเกาะอังกฤษไปแล้ว

โดย เจ้าตัว เป็นกำลังสำคัญของ แอสตัน วิลล่า เสมอมา ก่อนย้ายมาร่วมทัพ เรือใบสีฟ้า ด้วยราคา 117.50 ล้านยูโร มาดูกันว่า กริลิช จะพกเอาฟอร์มเก่งมาเล่นให้กับ แมนฯ ซิตี้ กันได้ไหม

จบกันไปแล้ว สำหรับบทความฟุตบอล 5 นักเตะค่าตัวแพง ของ 6 สโมสรในพรีเมียร์ลีก ซึ่งหากเพื่อนๆ ไม่อยากพลาดบทวิเคราะห์ดีๆ จากพวกเรา อย่าลืมติดตาม ufa.soccer ที่จะมีบทความเกี่ยวกับวงการฟุตบอล มาอัพเดทให้เพื่อนๆ อ่านกันทุกวัน

Posted in บทความฟุตบอล

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือลีกเบอร์ต้นๆ ของอันดับโลก และเป็นลีกอันดับ 1 ที่แฟนฟุตบอลชาวไทย และ นักลงทุน ให้ความสนใจ ติดตามความเคลื่อนไหว รออย่างใจจดใจจอ มากที่สุด โดยก่อนที่ซีซั่น 2021/22 จะเริ่มเปิดฤดูกาล โผ เต็งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ก็ออกมาแล้ว

โดยทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพาทุกท่าน มาดูกันว่า มีทีมไหนบ้าง ที่มีโอกาสจะได้แชมป์ในซีซั่นนี้ โดยเทียบราคาจากเวปไซต์ที่ดีที่สุดใน การเดิมพัน Ufabet ครับ

เต็งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021/22

4. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, เลสเตอร์ ซิตี้

“ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ก่อนจะเปิดฤดูกาล ได้ตัวกุนซือ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีส อดีตกุนซือวูล์ฟแฮมป์ตัน วอนเดอร์เรอส์ เข้ามาคุมทีมในซีซั่นนี้

โดยขุมกำลังของพวกเขา ยังนำโดย แฮร์รี่ เคน กองหน้าตัวชูโรง แต่ก็มีข่าวลือว่าจะย้ายทีมไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งไม่รู้ว่าพวกเขาจะรั้งกองหน้ารายนี้ไว้กับทีมได้หรือไม่ ต่อมาเป็น ซอน เฮือง-มิน กองหน้าชาวเกาหลีใต้ คู่หูของเคน ที่เป็นอีกแข้งคนสำคัญ

นอกนั้นก็จะมี ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก มิดฟิลด์ตัวกลางพลังไดนาโม และ ฮูโก้ ยอริส นายทวารมือหนึ่งของทีม ส่วนนักเตะที่เสริมทัพเข้ามาก็มี ไบรอัน กิล ดาวรุ่งตัวจี๊ดชาวสเปน ย้ายมาจาก เซบีย่า โดยเป็นดีลสลับขั้วกับ เอริค ลาเมล่า พร้อมเงินอีก 25 ล้านยูโร

ส่วนแข้งที่ปล่อยไปก็มี ฮวน ฟอยต์ ย้ายไป บียาร์เรอัล แบบถาวร และ โทบี้ อันเดร์ไวเรลด์ ย้ายไปโกยเงินกับ อัล-ดูฮาอิล ทีมในประเทศ การ์ตา โดย ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ห่างการคว้าแชมป์มาหลายปี ยิ่งบอลลีกด้วยแล้ว ต้องย้อนกันไปยาวนานเลยทีเดียว

โดยพวกเขาถูกยกเป็นเต็งสี่ในซีซั่นนี้ อัตราราคา อยู่ที่ แทง 1 จ่าย 41 ไม่รวมทุนนั่นเอง

“จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ โดยยังมี เบรนแดน ร็อดเจอร์ส คุมบังเหียนอยู่ ซีซั่นที่แล้วพวกเขาแผ่วปลาย อดีดท็อปโฟร์ อย่างน่าเสียดาย ส่วนในขุมกำลังของพวกเขา ได้ขุมกำลังที่น่าสนใจมาสามราย

นำโดย พัทสัน ดาก้า กองหน้าดาวรุ่ง สัญชาติแซมเบีย จากสโมสร เร้ดบลู ซัลซ์บวร์ก มาร่วมทัพ ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร , บูบาการี่ ซูมาเร่ มิดฟิลด์ตัวรับตัวเก่ง จากสโมสร ลีลล์ มาร่วมทีม ด้วยราคา 20 ล้านยูโร

และ ไรอั้น เบอร์ทรานด์ แบ็คซ้ายชาวอังกฤษ ย้ายมาจาก เซาท์แธมป์ตัน แบบไร้ค่าตัว ซึ่งจับตาดูแข้งตัวใหม่ให้ดี ส่วนใหญ่ ยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ซื้อนักเตะนรายไหนมาแล้ว ย่อมปังน้อยกว่าแป็ก

ส่วนที่ปล่อยออกไปก็มี คริสเตียน ฟุคส์ หมดสัญญา ย้ายไป ชาร์ล็อตต์ ทีมใน อเมริกา และ เวส มอร์แกน กองหลังหนึ่งในตำนานชุดคว้าแชมป์ลีกในประวัติศาสตร์เมื่อฤดูกาล 2015/16 ก็ประกาศแขวนสตั๊ด อำลาทีมออกไป ส่วนขุมกำลังในทีมชุดนี้ ยังคงชุดเดิมๆ

นำโดย เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าตัวจี๊ดที่เข้าวัยเกษียนขึ้นมาอีกหนึ่งปี ยูริ ตีเลมองส์ มิดฟิลด์ตัวกลางที่ซัลโวประตูชัย พา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ในซีซั่นก่อน

โดย เลสเตอร์ ซิตี้ ถูกยกให้เป็นเต็งสี่ ร่วมกับ สเปอร์ส อัตราราคา เท่ากัน อยู่ที่ แทง 1 จ่าย 41 ไม่รวมทุน

3. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล

“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมรองแชมป์ลีก และ รองแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เมื่อซีซั่นก่อน ที่ตลาดซัมเมอร์รอบนี้ มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดในลีก ได้จัดการคว้าตัวสองผู้เล่นระดับคุณภาพที่เรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมาก

ด้วยการสมหวัง คว้าตัว เจดอน ซานโช่ ปีกขวาตัวเก่ง ชาวอังกฤษ จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยราคา 85 ล้านยูโร และ ราฟาเอล วาราน กองหลังดีกรีแชมป์โลก จาก เรอัล มาดริด ด้วยราคาประมาณ 40 ล้านปอนด์

นอกจากนี้ยังต่อสัญญากับ โอเล่ โอนาร์ โซลชาร์ กุนซือปลุกปีศาจ ให้อยู่โยงคุมทีมไปถึง ปี 2024 ซึ่งซีซั่นนี้ พวกเขาเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ รีบจัดการเติมผู้เล่นในตำแหน่งที่ควรเสริมได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ

แต่ในเรื่องการปล่อยตัวผู้เล่น ตอนนี้ข่าวที่ร้อนแรง คือ ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ตัวกลาง เหลือสัญญาอีกเพียงแค่ปีเดียว ยังไม่รู้บทสรุปใดๆ ออกมา นอกจากนั้นผู้เล่นคนอื่น ก็ยังมีเพียงแค่ข่าวจางๆ มาแค่นั้นเอง ยังไม่มีทรงว่าจะขายใครออกไป

ซึ่งทำให้ตัวเลือกในการเลือกผู้เล่นของ โซลชาร์ จะมีให้เลือกใช้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แทบล้นทีม นำโดย เอดิสัน คาวานี่, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์ และ มาร์คัส แรซฟอร์ด เป็นต้น ในส่วนของอัตราคา อยู่ที่ แทง 1 จ่าย 6.5 ไม่รวมทุน

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมอันดับที่ 3 ในซีซั่นก่อน ที่ฤดูกาลที่แล้ว เจอมรสุมปัญหาผู้เล่นคนสำคัญบาดเจ็บ จนผลงานเป๋ไปอย่างมาก โดยซีซั่นนี้ ในตลาดช่วงซัมเมอร์ พวกเขาเงียบมาก

หลังจากคว้าตัว อิบราฮิม่า โกนาเต้ กองหลังชาวฝรั่งเศส จาก แอร์เบ ไลปซิก ด้วยราคาถึง 40 ล้านยูโร มาขันตำแหน่งในรับ แต่ในส่วนการขาย ได้ปล่อยตัว มาร์โก้ กรูยิช ให้กับ ปอร์โต้ แบบยืมตัว พร้อมพ่วงอ็อปชั่นซื้อขายอีกด้วย

ตามมาด้วย แฮร์รี่ วิลสัน ไปให้ ฟูแล่ม 14 ล้านยูโร และ ตาอิโว อโวนียี่ ให้ ยูเนี่ยน เบอร์ลิน ด้วยราคา 6.5 ล้าน ยูโร ส่วนรายสุดท้ายเคลียร์กันไม่ลงตัว จอร์จิโอ ไวนาดุมจ์ กองกลางตัวเก่ง หมดสัญญากับทีม ย้ายไป ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบไร้ค่าตัว

ส่วนในข่าวเสริมทัพตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร แต่ เซอร์ดาน ชากิรี่ ปีกร่างตัน ส่อแววจะย้ายทีมออกไป

โดยทีมยังอุดมไปด้วยแข้งตัวหลักคนสำคัญ แบบครบครัน ไล่ตั้งแต่ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ เฟอร์มีโน่ และ เวอร์จิล ฟาน ไดรคจ์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังถูกยกมาเป็น เต็งสาม เท่ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่อริตลอดกาล ซึ่งอัตราราคา อยู่ที่ แทง 1 จ่าย 6.5 ไม่รวมทุน

2. เชลซี

“สีงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ทีมอันดับ 4 เมื่อซีซั่นก่อน กับ รองแชมป์เอฟเอ คัพ และก้าวไปเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งปัจจุบัน โธมัส ทูเคิ่ล เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน คุมทัพอยู่ และจะได้เป็นการคุมทีมอย่างเต็มซีซั่น

ในส่วนการเสริมทัพ ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก แต่พวกเขากำลังมองหากองหน้าอยู่ในขณะนี้ ในส่วนการขายผู้เล่น ได้ขาย ฟิกาโย่ โมโมริ ให้กับ เอซี มิลาน ด้วยราคา 29.20 ล้านยูโร, วิคตอร์ โมเซส ย้ายไป สปาร์ตัค มอสโกว์ และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ย้ายไป เอซี มิลาน 1 ล้านยูโร

ส่วนรายอื่นๆ ที่มีข่าวจะถูกปล่อยตัวออกไป ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ชัดเจนในตอนนี้ โดยขุมกำลังของพวกเขา จะถูกยกมาเป็นเต็งสองก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะเต็มไปด้วยแข้งที่มากฝีเท้าหลายราย

นำโดย ไค ฮาเวิร์ตซ์ จอมทัพอนาคตไกลชาวเยอรมัน, เมสัน เมาท์ ลูกหม้อของทีม, คริสเตียน พูลิซิซ ที่ฟอร์มโดดเด่นมากขึ้น และ จอร์จินโญ์ กองกลางตัวเก่งเพิ่มดีกรีแชมป์ยูโรกับ อิตาลี มาหมาดๆ ซึ่งเรียกว่าขุมกำลังแน่นเต็มเปี่ยม น่าสนใจอย่างมาก ว่าพวกเขาจะไปได้ไกลมากแค่ไหน แต่ตอนนี้ มีราคา อยู่ที่ แทง 1 จ่าย 6 ไม่รวมทุน

1. แมนเชสเตอร์ ซิตี้

“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ลีกจากซีซั่นที่ผ่านมา พ่วงกับตำแหน่งรองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พวกเขาต้องอกหัก ยังคงต้องรอคอยต่อไปสำหรับการคว้าแชมป์ในรายการนี้ โดยพวกเขายังมี เป็ป กวาร์โอล่า โคตรกุนซือเบอร์ต้นของโลกชาวสแปนิช คุมทัพอยู่

โดยข่าวเสริมทัพ ถือว่าเงียบผิดปกติ แต่ก็เริ่มมีงานออกมาเรื่อยๆ ว่าพวกเขาสนใจนักเตะมากฝีเท้าดาวดั่งประจำพรีเมียร์ลีก อย่าง แฮร์รี่ เคน และ แจ็ค กริลิช มาร่วมทีม ซึ่งก็ต้องทุ่มเงินกันมหาศาลเลยทีเดียว

ส่วนในรายที่ปล่อยออกไปก็มี อันเจลิโน่ ย้ายไป แอร์เบ ไลป์ซิก ราคา 18 ล้านยูโร ตามด้วย แจ็ค ฮาร์ริสัน ย้ายไป ลีดส์ ยูไนเต็ด 12.8 ล้านยูโร และ ลูคัส เอ็นเมชา ย้ายไป โวล์ฟสบวร์ก 8 ล้านยูโร

ส่วน เอริก การ์เซีย กองหลังดาวรุ่งชาวสเปน และ เซร์คิโอ อเกวโร่ กองหน้าตำนานของทีม ซึ่งทั้งคู่หมดสัญญาและย้ายไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า แบบไร้ค่าตัว

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังถูกยกให้เป็นเต็ง 1 เหมือนเดิม เพราะนักเตะของพวกเขามีประสบการณ์และฝีเท้า บวกกับ แผนการเล่นและฝีมือการทำทีมของ เป็ป นั่นเอง

โดยขุมกำลังหลักๆ นำโดย เควิน เดอ บรอยน์ เพย์เมกเกอร์แก้มแดง, ฟิล โฟเด้น ดาวรุ่งพุ่งแรง, แฟร์นันดินโญ่ กองกลางตัวเก๋า และ รูเบน ดิอาส กองหลังที่ปรับเวลาได้อย่างรวดเร็ว โดยอัตราราคา เต็งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อยู่ที่ แทง 1 จ่าย 6 ไม่รวมทุน

Posted in บทความฟุตบอล

“ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ช่วงหนึ่งพวกเขาเคยเป็นทีมเต็งแชมป์ มักทำผลงานได้เป็นอย่างดี มีนักเตะขวัญใจชื่อดัง ที่ทำให้แฟนบอลทั่วโลกหลงรักพวกเขาและติดตามเชียร์มากขึ้น แม้เวลาเหล่านั้นจะล่วงเลยมานานเกือบยี่สิบปีแล้วก็ตาม แต่สำหรับเหล่าสาวก เดอะ กันเนอร์ส ยังมีภาพจำที่ชัดเจน ว่าพวกเขาเคยมีช่วงเวลายิ่งใหญ่แค่ไหน โดยเฉพาะกับ แชมป์ไร้พ่าย ถ้วยทองที่ อาร์เซนอล คว้ามาได้ในปี 2003/04

สำหรับบทความนี้ วิเคราะห์บอล UFA จะมาพูดถึงตำนานบทนั้น ว่ามันมีความยิ่งใหญ่มากแค่ไหน โดยเอาใจสาวกเดอะ กันเนอร์ส ที่ปัจจุบันก็ไม่รู้ว่า ทีมรักทีมนี้ จะกลับไปสู่จุดนั้นได้อีกเมื่อไหร่

ที่มาของ แชมป์ไร้พ่าย

หลังจากที่เสียแชมป์ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อริยามนั้นที่เจอกันเมื่อไหร่ แทบใส่กันยับ ฤดูกาลถัดมาในปี 2003/04 อาร์แซน เวงเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส หมายมั่นที่จะพาทีมทวงบัลลังก์แชมป์กลับมาให้ได้

โดยได้เสริมทัพ คว้าตัว โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ปีกตัวจี๊ดวัย 20 ปีในขณะนั้น ที่ปัจจุบัน เรเยส ได้ล่วงลับไปแล้ว กับ เยนส์ เลห์มัน นายทวารจอมเก๋าจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาสั่งการแผนกองหลังอีกที รวมกับขุนพลเดิมที่นับว่าแกร่งมากในช่วงนั้น

นำโดย เธียร์รี่ อองรี ดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสร, เดนนิส เบิร์กแคมป์ ศูนย์หน้าสายคลาสสิค, โรแบร์ ปิแรส ปีกซ้ายสายยึกยัก ปาทริค วิเอร่า มิดฟิลด์ตัวรับพันธุ์ดุ และ จิลแบร์โต้ ซิลวา มิดฟิลด์ตัวรับที่เป็นมากกว่าตัวรับ เป็นต้น

โดย 38 นัดที่พวกเขาจะสร้างประวัติศาสตร์ เพียงแค่ 4 นัดแรกก็ชนะรวดมาได้ ก่อนที่จะสะดุดเสมอ 2 นัด หนึ่งในนัดนั้นคือการไปยันเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อมาพวกเขาชนะได้อีก 3 เกมติด ซึ่ง 2 เกมนั้น มีเกมที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล และ เชลซี ได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันคงเห็นกันได้ยากแล้ว

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรหยุดพวกเขาได้ เดินหน้าคว้าชัยชนะ สลับกับเสมอ เกมไหนยิงได้ประตูเดียว ท้ายเกมก็เริ่มพาบอลไปที่มุมธงกันแล้ว เรียกว่าหยุดพวกเขาอยาก แถมยังมีการเล่นแทคติกหลากหลายอย่าง ที่ทำให้คู่แข่งชนปวดหัว พร้อมกับลีลาเกมรุกอันสุดสะเด่า ที่ เวงเกอร์ ให้ปรัชญากับนักเตะ ให้สร้างสรรค์เกมรุกได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ผลสุดท้าย จบฤดูกาล เก็บไป 90 แต้มจากการลงสนาม 38 นัด แบ่งเป็น ชนะ 26 นัด เสมอ 12 นัด ดาวซัลโวคือ เธียร์รี่ อองรี ซัดไปถึง 30 ประตู ส่วนแอสซิสต์มากสุดเป็น โรแบร์ ปิแรส แอสซิสต์ไปถึง 14 ครั้งให้เพื่อนทำประตู และไม่แพ้แม้แต่นัดเดียว คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก แบบไร้พ่าย

ซึ่งปีนั้นถ้วยพรีเมียร์ลีก ได้จัดทำถ้วยพิเศษ ที่เป็นถ้วยขนาดเล็กสีทอง เพื่อมอบให้กับ อาร์เซนอล ที่ไม่แพ้ใครเลยตลอดฤดูกาลนั้น เพิ่มอีกใบ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในตำนานตลอดกาลแห่งศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เลยก็ว่าได้

เพราะปัจจุบันนี้ ยังไม่มีทีมไหนที่ทำได้เหมือนพวกเขา แต่ต้องยอมรับว่า ฟุตบอล พัฒนาการกันทุกปี ทั้งแทคติกใหม่ๆ ระบบการพัฒนาของตัวผู้เล่น ที่ปัจจุบันมีทั้ง การฝึกซ้อมที่ทันสมัย ระบบโภชนาการ รวมถึงฟิตเนส การดูแลร่างกายต่างๆ และระบบแผนการเล่นที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีฤดูกาลไหน ที่ทีมไหนจะทำได้อีก

เพราะทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าทีมใหญ่จะมีแค่ สามทีมเหมือนเมื่อก่อน ปัจจุบันมีถึง 6 ทีมเลยทีเดียว และ อาร์เซน่อล ก็กลายเป็นอดีตทีมใหญ่ไปแล้ว แม้ว่าจะมีแฟนๆ หนาแน่นอยู่ทั่วทุกมุมโลก มีการบริหารจัดการทีมที่ดี การเงินมั่งคงก็ตาม อีกทั้งทีมเล็กๆ ยังสามารถทำเซอร์ไพรส์ใส่ได้อยู่เสมอ

ดังนั้นหากจะกล่าวว่า แชมป์ไร้พ่าย ของ อาร์เซน่อล ยิ่งใหญ่แค่ไหน ถ้าเอาตามตรง ก็คือยิ่งใหญ่ เป็น 1 ในประวัติศาสตร์ตลอดกาล ของพรีเมียร์ลีก ก็ว่าได้ แต่มันเป็นได้เพียงอดีตเท่านั้น หากแต่ทุกคนให้ความสนใจในผลงานในปัจจุบันมากกว่า อีกทั้ง ถ้ามีทีมไหน สามารถทำแชมป์ไร้พ่ายได้อีก ก็เชื่อว่า ทีมนั้น จะได้รับการยอมรับมากกว่า

เพราะมันเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน ที่การแข่งขันฟุตบอล เข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีทีมไหนทำได้อย่าง อาร์เซน่อล เหล่าพลพรรค เดอะ กันเนอร์ส ก็ยังพอมีเรื่องคุยโม้โอ้อวดได้อยู่ว่า ทีมข้าเคยได้ถ้วยทองนะโว้ย

แต่อย่างไร คนเราก็ต้องอยู่กับปัจจุบัน อดีตก็คืออดีต แต่ก็สามารถจำได้ว่าครั้งนึง เคยประสบความสำเร็จมากแค่ไหนนั่นเอง ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกจดจำแบบไหน แต่ถ้าในฐานะของเหล่าสาวกปืนใหญ่ รวมถึงแข้งที่อยู่ในชุดประวัติศาสตร์นั้น ก็ยกให้ แชมป์ไร้พ่าย คือแชมป์ลีก ที่ดีที่สุดของ อาร์เซน่อล ยิ่งใหญ่ที่สุดในในของกูนเนอร์สทุกคน

Posted in บทความฟุตบอล

เพื่อนบ้านน่ารำคาญ คือคำพูดที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เคยกล่าวเอาไว้มานานนม ตั้งแต่เจ้าตัวยังคุมบังเหียนในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ด โดยหมายถึง สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองนี่เอง แต่ก่อน มีเพียง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ชิงความยิ่งใหญ่ ชนิดที่ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เทียบไม่ติด

แต่ทว่านับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงประธานสโมสร และนับตั้งแต่นั้นจนถึงทุกวันนี้ คอบอล สายแทงบอล นักเดิมพัน รู้กันดีว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะมาย้อนรอยคำพูดนี้รวมถึงเกล็ดความรู้ที่น่าสนใจ มาฝากทุกท่านกันครับ

เพื่อนบ้านน่ารำคาญ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

จากคำพูดที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยกล่าวถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งสมัยก่อน แมนซิตี้ เองนั้น เทียบไม่ติดกับ แมนยูฯ แม้แต่น้อย แต่เมื่อปี 2008 ชีค มันซูร์ หนึ่งในราชวงศ์ของอาบูดาบี ได้เทคโอเวอร์สโมสรสีฟ้าด้วยราคา 210 ล้านปอนด์ พร้อมกับทุ่มซื่อนักเตะหลายรายมาร่วมทีม ทั้ง โรบินโญ่, แว็งซอง กอมปานี, ไนเจล เดอ ยอง, ปาโบล ซาบาเลต้า, โจ และ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์

ซึ่งแม้ตอนนั้น แมน ซิตี้ เองจะเป็นทีมที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก เพราะผลงานไม่ค่อยจะอยู่ถึงกลางตาราง ออกไปทางท้ายตารางสลับกับหนีตกชั้น รวมถึงตกชั้นบ้างด้วยซ้ำ ส่วนประธานสโมสรก็ยังคงทุ่มซื้อนักเตะไม่อั้น พร้อมจ่ายด้วยราคาแพง แม้จะมีกระแสโดนวิจารณ์ว่า มีแต่การใช้เงินทุ่มซื้อความสำเร็จ

แต่ตัวประธานสโมสรเอง ก็ไม่สนใจใดๆ แถมยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบเยาวชนของสโมสรอีกด้วย พร้อมกับสร้างสนามซ้อม ปรับปรุงให้มีมาตรฐานระดับสากล และพยายามเพิ่มฐานแฟนบอลให้ได้มากที่สุด อีกด้วย จากการทุ่มซื้อนักเตะ ในแบบพร้อมจ่ายไม่อั้น พร้อมดึงกุนซือมีประสบการณ์เข้ามาคุมทีม

แถมมีเรื่องเจ็บแสบในปี 2011 พวกเขาสามารถคว้าตัว คาร์ลอส เตเบซ ที่เพิ่งเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาหมาดๆ พร้อมขึ้นป้ายประกาศแกมเยาะเย้ยว่า ยินดีต้อนรับสู่ แมนเชสเตอร์

จนในที่สุด ฤดูกาล 2011/12 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปาดหน้าคว้าแชมป์ลีกเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ จากการทำประตูชัยนาทีสุดท้ายของ เซร์คิโอ อเกวโร่ ได้แชมป์อย่างยิ่งใหญ่ชนิดสะใจแฟนบอล แมน ซิตี้ อย่างมาก

หลังจากนั้นพวกเขาไม่ใช่แค่เพื่อนบ้านน่ารำคาญต่อไปแล้ว กลายมาเป็นคู่ปรับสำคัญตัวฉกาจ ขึ้นมาทันที หลังจากแต่ก่อนมี ลิเวอร์พูล เชลซี อาร์เซน่อล ในการแก่งแย่งคว้าแชมป์กันเท่านั้น แถมความนิยมของแฟนบอลท้องถิ่น ในเมืองแมนเชสเตอร์ ปัจจุบันก็ถือว่ายังไล่เรี่ยกัน

ทว่า กลุ่มทุ่นจากจีนได้ 13% จาก ชีค มันซูร์ ทำให้สโมสรเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นและพร้อมแพร่ขยายความนิยมอย่างมหาศาล โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มีประชากรมากที่สุดในโลก รวมถึงกลุ่ม ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป ซึ่ง ชีค มานซูร์ เป็นเจ้าของกิจการได้ซื้อกิจการหลายสโมสรทั่วโลกอีกด้วย

หลังจากนั้นต่อมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็กวาดถ้วยแชมป์เป็นว่าเล่น ทั้งแชมป์ลีก แต่น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่เคยได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถึงแม้ว่าจะพลาดถ้วยนี้ แต่การที่พวกเขาได้แชมป์อยู่บ่อยๆ รวมถึงมีนักเตะระดับสตาร์คับคั่งประดับทีม

อีกทั้งยังมี ยอดกุนซืออย่าง เป็ป กวาร์ดิโอล่า คุมทีมในปัจจุบัน ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นสโมสรยอดนิยม แห่งหนึ่งของโลกไปแล้ว นาทีนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักพวกเขาอีกต่อไป พร้อมกับโปรเจ็คต่างๆ อีกมากมายที่สโมสรไม่เคยขาดความทะเยอทะยาน ปัจจุบันพวกเขาเป็นทีมเต็งแชมป์ลีกมาโดยตลอด

แตกต่างกับทีมอย่าง อาร์เซน่อล ที่ร้างความสำเร็จถ้วยใหญ่ๆ มานาน ความนิยมจึงตกไป กระแสแฟนบอลทั่วโลก ห่างหายไปพอสมควร ไม่เว้นแต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ร้างแชมป์ลีกไปนาน แต่ยังดีที่มีความสำเร็จจากช่วงเก่าก่อน ประคองให้พวกเขา ยังเป็นทีมที่มีชื่อเสียงเบอร์ต้นของโลก แม้ว่าแฟนบอลของพวกเขา ยังหนาแน่นอย่างมาก

แต่ไม่แน่ว่า ประโยค เพื่อนบ้านน่ารำคาญ จะตกเป็นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นได้ หากพวกเขายังไม่สามารถกลับมาคว้าแชมป์ลีกหรือถ้วยใหญ่ๆ ได้อีกครั้ง

Posted in บทความฟุตบอล

แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020/21 ตกมาเป็นของ “เรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ซีซั่นนี้พวกเขาออกสตาร์ทได้ไม่สวยงามเท่าไหร่ แม้จะมีการเสริมทัพพอสมควร โดยเฉพาะตำแหน่งกองหลังตัวกลาง ทั้งการเซ็น นาธาน อาเก้ เข้ามา แต่ก็ดูไม่มีผลดีอะไรกับทีม จนกระทั่งการเซ็นสัญญาคว้าตัว รูเบน ดิอาส กองหลังชาวโปรตุเกส จากสโมสรเบนฟิก้า ทีมดังจากลีกโปรตุเกส เข้ามาเสริมแนวรับ

ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและเป็นหัวใจสำคัญของแนวรับ ขาดไม่ได้สักนัด ทำผลงานได้ดีจนเป็นส่วนหนึ่งที่พาให้สโมสรก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์ลีกได้สำเร็จ โดยจบฤดูกาล ดิอาส ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อีกด้วย แถมยังเป็นฤดูกาลแรกที่เจ้าตัวเข้ามาเล่นในลีกสูงสุดอีกต่างหาก

วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพาทุกท่าน ที่มีเวลาจากการพักเดิมพัน ลงทุน หาอะไรเพลินๆ อ่าน โดยจะมาทำความรู้จักกับเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ พรีเมียร์ลีก คนล่าสุด ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง

แต่ก่อนจะไปทำความรู้จักเพื่มเติม ทางเราขอแนะนำเวปไซต์ Ufabet เวปไซต์เดิมพันตลอด 24 ชั่วโมง มีฟุตบอลให้เดิมพันกันอย่างมากมาย รวมถึงคาสิโนและเกมอื่นๆ อีกด้วยครับ บริการดีดุจญาติมิตรอยู่เสมอ เอาล่ะครับ เรามารู้จักกองหลังรายนี้กันดีกว่า

ประวัติของ รูเบน ดิอาส

รูเบน ดิอาส หรือชื่อเต็ม รูเบน ดอส ซานโตส กาโต อัลเวส ดิอาส โดยเขาเกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1997 ที่เมืองอมาโดร่า ที่ประเทศโปรตุเกส โดยเจ้าตัวเริ่มเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนให้กับสโมสร เอสเตรล่า ดา อมาโดร่า สโมสรท้องถิ่นภายในประเทศ

โดยเริ่มเล่นจากตำแหน่งกองหน้ามาก่อน หลังจากนั้นเจ้าตัวพัฒนาฝีเท้าอย่างโดดเด่นเจ้าได้เข้าร่วมกับสโมสร เบนฟิก้า ยอดทีมแห่งโปรตุเกสตั้งแต่เยาวชน จนอายุ 11 ปีเจ้าตัวได้เปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งกองหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งแจ้งเกิดอย่างแท้จริง

ต่อมาเจ้าตัวถูกดันขึ้นมาเล่น เบนฟิก้า บี และสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างต่อเนื่อง พัฒนาฝีเท้าอย่างก้าวกระโดด พาทีมชุดบีจบอันดับ 4 บนลีกรองสูงสุดของโปรตุเกสและเคยพาทีมทะลุรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูธ ลีก ได้ในฤดูกาล 2016/17

เจ้าตัวลงเล่นกับทีมชุดบี ทั้งหมด 54 เกมตลอดระยะเวลา 2 ปี รวมถึงติดทีมชาติชุดเยาวชนตั้งแต่ชุด 16 ปีและเคยเป็นกัปตันทีมชาติชุดเยาวชนรุ่น 19 ปีและรุ่น 20 ปีมาแล้วอีกด้วย ผ่านรายการสำคัญอย่าง ฟุตบอลยูโร ปี 2016 และ ฟุตบอลชิงแชมป์โลก ในปี 2017 อีกต่างหาก

ส่วนทีมชาติชุดใหญ่เจ้าตัวติดครั้งแรกเมื่อปี 2018 และรับใช้ชาติมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนผลงานกับ เบนฟิก้า ชุดใหญ่ เจ้าตัวได้เริ่มเล่นในปี 2016/17 โดยเกมนั้น เป็นรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งพบกับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเจ้าตัวได้ลงเล่นครบ 90 นาที ในการออกไปเยือน

หลังจากนั้นฤดูกาลถัดมา กองหลังดาวรุ่งก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้คว้าตัว วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ กองหลังรุ่นพี่ไปร่วมทีม ซึ่งนั้นเป็นการแจ้งเกิดของเขาอย่างแท้จริง ได้ลงเล่นเป็นตัวหลักแทบทุกนัด พัฒนาฝีเท้าได้อย่างก้าวกระโดด

แม้จะมีส่วนสูงเพียงแค่ 183 เซนติเมตร ซึ่งในตำแหน่งกองหลังถือว่าไม่ได้มีส่วนสูงที่มากนัก แต่การออกบอล การออกเกม และการแย่งสกัดบอล เจ้าตัวทำได้ดีอย่างมาก

ซึ่งในฤดูกาล 2017/18 ฤดูกาลแรกที่ขึ้นชุดใหญ่เต็มตัว แม้ไม่สามารถช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จคว้าถ้วยแชมป์มาประดับทีม แต่ก็มีส่วนช่วยให้ทีมเสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของลีกและสามารถคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีในฤดูกาลนั้นได้อีกด้วย รวมถึงยังพอทำประตูให้ทีมได้บ้างอีกต่างหาก

เบ็ดเสร็จแล้วนับตั้งแต่นั้นมา ดิอาส ยืดปักหลักแผงเกมรับภายใต้สนาม อิชตาดียูดาลุช เป็นเวลา 4 ฤดูกาล ลงเล่นไปทั้งหมด 133 เกม ยิงได้ 12 ประตู พาทีมคว้าแชมป์ลีก 1 สมัย ในฤดูกาล 2018/19 และ ซูเปอร์ตากา คันดิโด้ เด โอลิเวียร่า 1 สมัยในฤดูกาล 2018/19

ก่อนที่ รูเบน ดิอาส ในวัย 23 ปี จะย้ายเข้ามาร่วมสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 29 กันยายน ปีที่แล้ว ด้วยราคา 62 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญาร่วมทัพเป็นเวลา 6 ปี ซึ่งเป็นการตัดสินใจได้ถูกต้อง เจ้าตัวลงเล่นซีซั่นแรกในพรีเมียร์ลีก อังกฤษได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้เวลาปรับตัวไม่นานและเป็นกำลังหลักของ “เรือใบสีฟ้า” อย่างต่อเนื่อง

ลงเล่นทั้งหมด 50 นัดในฤดูกาลนี้ ยิงได้ 1 ประตู คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกและได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก ไปครอง ซึ่งนับว่าช่วงหลังยังหากองหลังที่ได้รับรางวัลนี้ได้ยาก แต่ฟอร์มของเจ้าตัวโดดเด่นเหลือเกิน สมควรอย่างยิ่งที่ได้รางวัลนี้มาครอง น่าเสียดายที่เขาและสโมสรไม่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ หลังแพ้ให้กับ เชลซี

แต่ก็น่าสนใจเหลือเกินว่า ซีซั่นหน้า กองหลังชาวโปรตุเกสจะยังรักษามาตรฐานฟอร์มการเล่นของตัวเองได้หรือไม่ ที่สำคัญอายุยังเพียงแค่ 23 ปี มีเวลาให้กอบโกยความสำเร็จภายใต้ยูนิฟอร์มสีฟ้าไปอีกนาน

Posted in บทความฟุตบอล

ปิดม่านกันแล้วครับ สำหรับฤดูกาลสุดยากลำบาก กับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งช่วงท้ายฤดูกาลสนุกเข้มข้นเหลือเกิน ได้ลุ้นกันสนุกยันนัดสุดท้าย แน่นอนว่า มีทีมที่สมหวังและผิดหวังกันอยู่แล้ว ซึ่งนอกจากนี้ ทางลีกจะพักผ่อนประมาณร่วมสองเดือน ทาง นักลงทุน และ แฟนบอล ที่เป็น เซียนบอล หรือ กูรูฟุตบอล จะขาดลีกใหญ่ในการ เดิมพันฟุตบอลออนไลน์ อีกด้วยครับ ถือว่าเหงาหงอยกันไปสักพัก ถือว่าได้พักสมองกันบ้างครับ แต่สำหรับนักลงทุนตัวยง ทางเวป Ufabet ซึ่งเป็น เว็บไซต์เดิมพันฟุตบอลออนไลน์ ที่น่าเชื่อถือที่สุด ยังมีเกมฟุตบอลทุกลีกให้ลงทุนกันต่อครับ แบบจุใจเช่นเคยครับ ที่สำคัญเดือนหน้าก็เป็นช่วงเวลาของ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป ที่เลื่อนมาเตะปีนี้ และ ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ส่วนวันนี้ ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA ขอนำเสนอบทสรุป และภาพรวมของหนึ่งในลีก ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ว่า แชมป์ตกเป็นของทีมใด, ทีมไหนบ้างที่ได้ไปบอลยุโรป และทีมใดตกชั้นบ้าง

ทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บัลลังก์แชมป์ ด้วยการมี 86 แต้มเหนือรองจ่าฝูงทีมอริร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 12 คะแนน คว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ รวมแล้วคว้าแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 7 ของสโมสร ยิงได้ 83 ประตู มากที่สุดในลีก เสีย 32 ประตู น้อยที่สุดของลีก ชนะ 27 นัด เสมอ 5 นัดและแพ้ 6 นัด ส่วนถ้วยอื่นๆ ก็สามารถคว้าแชมป์ลีก คัพ โดยเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แต่ เอฟเอ คัพ ไปได้ไกลที่สุดแค่รอบรองชนะเลิศเท่านั้น ส่วนอีกถ้วยที่มีลุ้นซึ่งเป็นรายการที่พวกเขารอคอยมาโดยตลอด นั่นก็คือ ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยเข้าไปชิงชนะเลิศกับทีมร่วมลีก เชลซี นั่นเอง ทำให้พวกเขามีลุ้นคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ และน่าจะเป็นการอำลาทีมที่สวยงามสำหรับ เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ กองหน้าตำนานของทีมอีกด้วย ส่วนผลงานในลีกซีซั่นนี้ มาเงียบๆ อย่างสม่ำเสมอ แต่ช่วงต้นซีซั่นพวกเขามีปัญหาเรื่องเกมรับ ทั้งที่เซ็น นาธาน อาเก้ แต่ก็ยังไม่ช่วยอะไรได้ จนการเข้ามาของ รูเบน ดิอาซ ก็พลิกโฉมแนวรับของพวกเขา ไม่ว่ากองหลังรายนี้ยืนคู่กับใคร ก็ทำให้ฟอร์มดีไปด้วย ทีนี้เลยบินไกลยาวๆ ส่วนแนวรุกและแดนกลางเล่นกันได้ดีอยู่แล้ว ไม่มีใครแบกใคร แข้งรายหลากผลัดกันโชว์ฟอร์มเก่ง ในยามที่ทีมต้องการประตู ไม่ว่าจะเป็น สเตอริ่ง, มาเรซ และ โฟเด้น ดาวรุ่งลูกหม้อของทีมที่ซีซั่นนี้เด่นมากๆ น่าจะได้รางวัลส่วนตัวติดมือ ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ ซีซั่นเจ็บนานไปหน่อยเลยเงียบไปบ้าง เช่นเดียวกับ อเกวโร่ ที่โรยราเต็มที่ แต่ก็กดสองประตูในเกมสุดท้าย ปิดฉากเกมลีกอย่างยิ่งใหญ่ ทีมของยอดกุนซือ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ก็สามารถคว้าแชมป์ได้ในที่สุด

ทีมที่สมหวัง ได้ไปลุยฟุตบอลยุโรป

1.ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก – ชัดเจนว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บโควต้าทีมแรก ตามด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เกาะรองจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น แต่ก็ไม่ดีพอที่จะเบียดแซงคว้าแชมป์ อันดับสามเป็น ลิเวอร์พูล ที่มาแรงในช่วงปลายฤดูกาล ซึ่งจากชัยชนะนัดสุดท้าย ทำให้พวกเขาแซงขึ้นมาจบในอันดับ 3 แบบให้แฟนๆ อย่าง เดอะ ค็อปส์ ได้ชื่นใจหลังจากเหนื่อยมาทั้งฤดกาล ส่วนอันดับ 4 อย่าง เชลซี ที่แม้ช่วงหลังจะฟอร์มแผ่วไปมาก เกมสุดท้ายดันพ่ายแต่ผลคู่อื่นเป็นใจทำให้พวกเขาจบอันดับที่ 4 ซึ่งฉิวเฉียดเหมือนกัน สรุปแล้วทั้ง 4 สโมสรได้โควต้าแบบสมศักดิ์ศรีและซีซั่นหน้าก็มีลุ้นว่าพวกเขาจะทำได้ดีจะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะดูแล้วยุคนี้ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก กลับไปเขย่าถ้วยยุโรปอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง

2. ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก – แต่ละทีมที่ได้สิทธิ์ไปเล่น ล้วนแต่เป็นทีมเต็งในซีซั่นหน้าได้เลย เริ่มจากทีมอันดับที่ 5 โดยมีเจ้าของสโมสรเป็นคนไทย นั่นก็คือ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เกมนัดท้ายดันพ่าย เลยตกจากอันดับที่ 4 มาอยู่อันดับที่ 5 แบบเศร้าใจ น่าเสียดายที่พวกเขาเกาะท็อปโฟร์มาเป็นเวลานานแต่สุดท้ายก็ยื้อไม่ไหว ส่วนอันดับที่ 6 เป็น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งน่าสนใจมากๆ เพราะซีซั่นนี้ทีมย่านลอนดอนทำผลงานได้ดีมาก จนขึ้นมาอยู่อันดับนี้ได้อย่างน่าภูมิใจ

3. ยูฟ่า คอนเฟอร์เรนซ์ ลีก – เป็นรายการใหม่ของทาง ยูฟ่า โดยให้ทีมอันดับที่ 7 ได้ไปแข่ง นั่นก็คือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หลังจากชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ในเกมส่งท้ายก็ทำให้พวกเขาอยู่อันดับที่ 7 โดยมีคะแนนนำหน้าทีมอันดับที่ 8 โจทย์รักอย่าง อาร์เซน่อล ซึ่งพวกเขามีอันดับเหนือกว่าอีกแล้ว ก็สะใจกันไปตามสูตร

ทีมที่ต้องอกหัก ตกชั้น

สำหรับพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ทีมน้องใหม่มีเพียง ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เกาะอันดับที่ 9 ของตารางอย่างสวยงาม ทว่า ฟูแล่ม โดยการคุมทีมของ สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ จบอันดับที่ 18 มี 28 คะแนน และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ของกุนซือ แซม อัลลาไดซ์ ไม่สามารถพาทีมหนีตกชั้นแถมยังเสียสถิติส่วนตัว พาทีมจบอันดับที่ 19 มี 26 คะแนน ตกชั้นกันไปหลังจากเพิ่งขึ้นมาซีซั่นเดียว ส่วนทีมที่แย่ที่สุดตกชั้นไวสุดแบบน่าผิดหวัง ทั้งที่ซีซั่นก่อนทำได้ดีอย่างมาก นั่นก็คือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด จบบ๊วยของลีก มี 23 คะแนนเท่านั้น ซึ่งไม่รู้ว่าตกไปลีกรองแล้วพวกเขาจะพลิกฟื้นกลับมาใหม่ได้หรือไม่ อย่างไรก็ต้องคอยเอาใจช่วยกันต่อไป

สำหรับซีซั่นนี้เป็นอะไรที่ยากลำบากต่อเนื่อง โควิดยังระบาดทั่วโลก โปรแกรมปั่นป่วน การใช้ชีวิตเปลี่ยนไป บางทีถ้าสถานการณ์ปกติ ก็น่าคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้ เพราะแฟนบอลเข้ามาเชียร์กันในสนามได้ ทำให้นักเตะมีกำลังใจ ผิดกับตอนที่ผลงานแย่ หันไปมองบนสแตนด์ มีเพียงแต่ความว่างเปล่า แต่อย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินกันต่อ มีทั้งสมหวัง ผิดหวัง ปะปนกันไป ตราบใดที่ทุกฤดูกาลยังเริ่มต้นใหม่ได้ ก็ต้องมาสู้กันใหม่ ส่วน ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA ก็จะยังคงจะนำเสนอ ข่าวสาร, บทความ และการ วิเคราะห์บอล อื่นๆ เพื่อเป็นเป็นแนวทางให้กับผู้อ่านเป็นประจำเช่นเคยครับ แล้วกลับมาพบกันใหม่

Posted in วิเคราะห์บอลวันนี้

หอเกียรติยศ พรีเมียร์ลีก หรือ Premier League Hall of Fame ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นรางวัลเกียรติยศ ให้กับนักเตะที่ผลงานในสนามได้อย่างยอดเยี่ยม คว้าโทรฟี่กับสโมสรต่างๆ มากมาย และมีส่วนในการอุทิศตนแก่วงการฟุตบอล โดยนับผู้เล่นที่ทั้งยังค้าแข้งอยู่หรือแขวนสตั๊ดไปแล้ว ตั้งแต่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปี 1992 จนมาถึงปัจจุบัน โดยปีนี้ ได้ประกาศครบ 8 รายชื่อแล้ว โดยแต่ละราย ล้วนเป็นผู้เล่นระดับตำนานกันทั้งนั้น ส่วนจะเป็นใครบ้างนั้น วันนี้ ทีมงาน วิเคราห์บอล UFA จะเปิดเผยรายชื่อ และ ประวัติ ผลงานและความสำเร็จ ของแข้งทั้ง 8 ราย ส่วนจะเป็นใครกันบ้าง มาติดตามไปพร้อมกันครับ

รายนามผู้เล่น ที่เข้าสู่หอเกียรติยศของ พรีเมียร์ลีก

  1. อลัน เชียเรอร์

ดาวยิงสัญชาติอังกฤษ ฉายา “เดอะ ฮ็อตช็อต” คืนนักเตะคนแรกที่เข้าสู่หอเกียรติยศ ซึ่งก็สมศักดิ์ศรีจริงๆ เพราะผลงานเจ้าตัวก็บ่งบอกได้อย่างดี ประวัติ พา “กุหลาบเพลิงแบล็กเบิร์น โรเวอร์ส คว้าแชมป์ลีกในปี 1994/95 ก่อนที่จะย้ายกลับดินแดนฐานเกิดกับ “สาลิกาดงนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แม้จะไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือ แต่เจ้าตัวครองสถิติ ยิงประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดยยิงไป 260 ประตู จากการลงสนาม 441 นัด ตลอด 14 ฤดูกาล คว้าดาวซัลโว 3 สมัย และเป็นผู้เล่นคนเดียวที่ยิงได้เกิน 100 ประตู ให้กับ สองสโมสรอีกด้ว

เชียร์เลอร์ พรีเมียร์ลีก

2. เธียร์รี่ อองรี

นักเตะที่แฟนๆ ตั้งฉายาว่า “เดอะ คิงส์” ผู้สร้างปรากฏการให้กับลีกและสโมสรที่เจ้าตัวรับใช้จนเป็นตำนานกับ อาร์เซน่อล พาทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย และสร้างตำนานแชมป์ไร้พ่ายในปี 2003/04 คว้ารางวัลดาวซัลโว 4 สมัย ซัดประตูได้เกิน 20 ลูก เป็นเวลา 5 ฤดูกาลติดต่อกัน อีกทั้งยังเป็นดาวซัลโวอันดับ 1 ของ อาร์เซน่อล โดยทำได้ทั้งหมด 228 ประตู ปัจจุบันเจ้าตัวยังมีรูปปั้นหน้าสโมสรอีกด้วย

เธียร์รี่ อองรี

3. เอริค คันโตน่า

ตัดสินใจย้ายข้ามฟากจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด มาซบอก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากนั้นทุกก้าวย่างคือตำนาน พาสโมสรต้นสังกัด คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถึง 4 สมัย ลงสนามให้ทั้งหมด 182 นัด ยิงได้ 82 ประตู มาพร้อมลุคแบ๊ดบอย และ ปกเสื้อที่ชูตั้งขึ้น ด้วยมาดและผลงานอันสุดเท่ ทำให้เขาเป็นตำนานของสโมสรและก้าวเข้าสู่หอเกียรติยศแบบไม่มีอะไรต้องสงสัย

เอริค คันโตน่า

4. รอย คีน

รอย คีน ยอดมิดฟิลด์ที่ไม่ยอมให้ใครทำร้ายลูกทีมตัวเอง ด้วยความห้าว ดุดัน ทำให้มีทั้งคนรักและคนชัง แต่โดยรวมยังเป็นที่รักของแฟนๆ ปีศาจแดง อยู่ดี แม้การย้ายทีมของเจ้าตัว จะทำให้ เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ไม่พอใจอย่างมากก็ตาม โดยเจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 7 สมัย กัปตันผู้มีคาแรคเตอร์มุ่งมั่นและพุ่งพล่าน พาทีมประสบความสำเร็จได้อย่างมากมาย ตลอด 480 นัด ภายใต้สีเสื้อสีแดง

รอย คีน

5. แฟร้งค์ แลมพาร์ด

โคตรมิดฟิลด์ ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ลงสนามให้กับ เชลซี 648 นัด ล่อไป 211 ประตู ติดท็อปดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกอีกด้วย และ เป็นดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรอีกต่างหาก โดยเจ้าตัวพาสโมสรคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 3 สมัย พร้อมกับแชมป์อื่นๆ อย่างมากมาย โดยเมื่อแขวนสตั๊ดก็ได้กลับมาคุมสโมสรเชลซีอีกด้วย แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ จนถึงขั้นโดนปลดออกไป ทว่าสักวันนึงแฟนๆ สิงบลู ก็หวังว่า เจ้าตัวจะกลับมาอีกครั้ง

แฟร้งค์ แลมพาร์ด

6. เดนนิส เบิร์กแคมป์

“ไอซ์เบิร์ก” ผู้ซึ่งหวาดกลัวเครื่องบิน นี่คือนักเตะที่ย้ายเข้ามาก่อนที่ อาร์แซน เวงเกอร์ เข้ามาคุม อาร์เซน่อล ด้วยซ้ำ โดยกองหน้าสายเทคนิค แม้ไม่มีความเร็ว แต่ยามสัมผัสบอล การจ่ายบอล และ จังหวะการสังหารประตู แทบทุกลูกล้วนสวยงามไปหมด โดยเจ้าตัวคว้าแชมป์พรีเมียร์ให้กับ อาร์เซน่อล 3 สมัย โดยเจ้าตัวยังมีรูปปั้นหน้าสนามเหย้าเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมอีกด้วย

เดนนิส เบิร์กแคมป์

7. สตีเว่น เจอร์ราร์ด

ตำนานของ ลิเวอร์พูล อย่างไม่ต้องสงสัย ทุกสิ่งที่อย่างที่เจ้าตัวทำให้กับสโมสรแห่งนี้ มีมากมายเหลือเกิน แม้จะไม่เคยสัมผัสโทรฟี่พรีเมียร์ลีกสักสมัยก็ตาม แต่มิดฟิลด์สายเลือดสเกาเซอร์แท้ๆ จะเป็นตำนานของที่นี่ตลอดไปและแฟนๆ ต่างรอคอยให้เจ้าตัวกลับมาสโมสรอีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีม โดยเจ้าตัวลงสนามให้ลิเวอร์พูล 504 นัด ยิงได้ 121 ประตู พ่วงด้วยรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือน 6 สมัย รวมถึงติดทีมยอดเยี่ยม 20 ปี ของพรีเมียร์ลีก

สตีเว่น เจอร์ราร์ด พรีเมียร์ลีก

8. เดวิด เบ็คแฮม

ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าพ่อลูกนิ่งรายนี้ จะเข้าสู่หอเกียรติยศได้สำเร็จ เพราะทุกอย่างที่เป็นเขา มันเหมาะสมเหลือเกิน รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง ความฮ็อตความดังไม่ต้องพูดถึง ไม่ว่าเจ้าตัวจะทำอะไรก็แทบจะเป็นกระแสทั่วโลก ณ ขณะนั้น ส่วนในสนาม ฉายา มิดฟิลด์เท้าช่างทอง ไม่ได้มาเพราะโชคชั่ว เท้าขวาของแกไม่ว่าจะฟรีคิกหรือการเปิดบอล แม่นเหลือเกิน เจ้าตัวคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6 สมัยและต่อด้วยแชมป์อื่นๆ อย่างมากมาย น่าเสียดายที่เจ้าตัวมีปัญหากับ เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน จนถึงขั้นย้ายหนีไปอยู่กับ เรอัล มาดริด

เดวิด เบ็คแฮม พรีเมียร์ลีก
Posted in วิเคราะห์บอลวันนี้

ปฎิเสธไม่ได้ว่า การทำประตูกับผู้รักษาประตู นั้นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันสิ้นเชิง แต่ภาพที่เราคุ้นเคยกันดีในช่วงท้ายเกม คือภาพที่ผู้รักษาประตูข้ามฝั่งขึ้นมารอโหม่งทำประตูในช่วงท้ายเกม ซึ่งต้องยอมรับว่านานทีปีหน จะมีผู้รักษาประตูที่สามารถขึ้นมาทำประตูได้ (ไม่นับการขึ้นมายิงลูกจุดโทษหรือฟรีคิก) โดยในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกขวัญใจชาวไทย เคยมีผู้รักษาประตูเพียง 6 นายเท่านั้น ที่สามารถเบิกสกอร์ให้กับต้นสังกัด วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพาเพื่อนๆ ไปดูกันว่า มีใครกันบ้าง จะเป็นคนที่เพื่อนๆ คิดรึเปล่า ดังนั้นไปชมได้พร้อมๆ กันเลยครับ

6 ผู้รักษาประตูที่เคยทำประตูได้ใน พรีเมียร์ลีก

  • ปีเตอร์ ชไมเคิ่ลแอสตัน วิลล่า
ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล พรีเมียร์ลีก

นายด่านฉายา “ยักษ์แดน” มือกาวที่เป็นแข้งระดับตำนานของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเจ้าตัวทำประตูทำประตูในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยเกมนั้นเป็นเกมที่พวกเขาพ่ายให้กับ เอฟเวอร์ตัน 1-3 ในฤดูกาล 2000/01 โดย ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ทำประตูได้จากลูกเตะมุม โดยซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้งเข้าไปอย่างสวยงาม ส่วนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย สมัยที่เจ้าตัว เฝ้าเสาสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ แมนยู เจ้าตัวเคยทำได้ 2 ประตูจากลูกเตะมุม แต่ไม่ใช่เกมลีกแต่อย่างใด

1 ตุง กับ แอสตัน วิลล่า
2 ประตูกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  • แบร็ด ฟรีเดลแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
แบร็ด ฟรีเดล พรีเมียร์ลีก

ผู้รักษาประตูชาวอเมริกัน นับได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นระดับตำนานของพรีเมียร์ลีก โดยเจ้าตัวเฝ้าเสาให้กับหลายต่อหลายทีม เป็นเวลาร่วมสิบปีบนเวทีนี้ โดยไฮไลท์สำคัญอยู่ในเกมที่ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส พ่ายให้กับ ชาร์ลตัน แอธเลติก 2-3ในฤดูกาล 2003/04โดยเจ้าตัวซัดจังหวะเก็บตกตรงหน้ากรอบเขตโทษ แม้จะช่วยให้ทีมไม่รอดจากความพ่ายแพ้ แต่ประตูนี้ก็เป็นประตูประวัติศาสตร์ของเจ้าตัว

แบร็ด ฟรีเดล ตวัดตามน้ำเข้าประตู
  • พอล โรบินสันท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
พอล โรบินสัน

พอล โรบินสัน อดีตผู้รักษาประตูมือ 1 ทีมชาติอังกฤษ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โดยเจ้าตัวมีจุดเด่นเรื่องการเปิดบอล ที่รุนแรง ระยะทางไกลและโด่งมาก ในฤดูกาล 2006/07 ในเกมที่พบกับ วัตฟอร์ด มือกาวชาวอังกฤษ เปิดฟรีคิกจากแดนตัวเอง แต่ลูกฟุตบอลมีความรุนแรงมากโดยนายทวารของคู่ต่อสู้กะจังหวะพลาด ทำให้เป็นประตูอย่างสวยงาม โดยเกมนี้จบลงด้วยชัยชนะของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อีกด้วย เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เจ้าตัวเคยทำประตูให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในศึก ลีก คัพ ได้อีกด้วย

จากฟรีคิกธรรมดา กลายเป็นได้ประตูอย่างสวยงาม
อีกหนึ่งโขกกับตอนเป็นดาวรุ่งให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด
  • ทิม ฮาวเวิร์ดเอฟเวอร์ตัน
ทิม ฮาเวิร์ด

อดีตนายทวารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีช่วงเวลาล้มเหลวในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ในถิ่นกูดิสัน พาร์ค เจ้าตัวยึดตัวจริงได้ยาวๆ โดยไฮไลท์ของเจ้าตัว คือเกมที่ เอฟเวอร์ตัน พบกับ โบลตัน วอนเดอร์เรอร์ส โดยเจ้าตัวเปิดบอลสุดรุนแรงจากกรอบเขตโทษตัวเอง ลูกฟุตบอลลอยโด่งกระเด้งจนนายทวารคู่แข่งกะจังหวะพลาด ทำให้ลูกฟุตบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างสวยงาม จนเพื่อนร่วมทีมกรูกันเข้ามากอดแสดงความดีใจกันเลยทีเดียว

เป็นประตูที่เท่ห์ เอามากๆ
  • อัสเมียร์ เบโกวิชสโต๊ค ซิตี้
อัสเมียร์ เบโกวิช

อัสเมียร์ เบโกวิช ผู้รักษาประตูทีมชาติ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ในสมัยเฝ้าเสาให้กับ สโต๊ค ซิตี้ อดีตสโมสรที่เคยโลดแล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีกเกือบสิบปีก่อน ไฮไลท์สำคัญของเจ้าตัวคือเกมที่พบกับ เซาแธมป์ตัน เพียงเวลาไม่ถึงนาที เบโกวิซ รับบอลจากเพื่อน ก่อนเปิดสาดยาวโดยหวังจะให้กองหน้าของทีมเก็บบอล แต่ด้วยความแรงของลูกฟุตบอล ทำให้นายทวารคู่แข่งกะจังหวะพลาด บอลกระเด้งข้ามหัว เข้าไปอย่างสวยงาม ซึ่งประตูนี้ได้รับรางวัล กินเนส บุ๊ค อีกด้วย

รุนแรงเหลือเกิน
  • อลิสซอน เบ็คเกอร์ลิเวอร์พูล
อลิสซอน เบ็คเกอร์ พรีเมียร์ลีก

คนล่าสุดจะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก อลิสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูชาวบราซิลเลี่ยน ที่ปีนี้เจอกับวิบากกรรมมากมาย ทั้งอาการบาดเจ็บ การเล่นที่ผิดพลาด หรือกองหลังตัวหลักเจ็บยกทีม รวมถึงต้องมาเสียคุณพ่อไปจากอุบัติเหตุแบบไม่มีวันกลับ ทำให้ฟอร์มปีนี้ของพ่อหมีแห่งถิ่นแอนฟิลด์มีข้อผิดพลาดมากเหลือเกิน แต่ในเกมกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในขณะที่เวลากำลังจะหมดลง พร้อมกับโอกาสของ ลิเวอร์พูล ในการกลับไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย เจ้าตัวก็ขึ้นมาโหม่งลูกเปิดของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เข้าไปแบบสุดสวย พาทีมเอาชนะไปได้ 2-1 เก็บสามแต้มสำคัญต่อลมหายใจในการลุ้นไปเล่นถ้วยบิ๊กเอียร์ในปีหน้า และเป็นผู้รักษาประตูคนแรกของ หงส์แดง ที่สามารถทำประตูได้ พร้อมกับเป็นโกล์คนแรกที่โหม่งทำประตูได้ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกด้วย

Posted in วิเคราะห์บอลวันนี้