แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020/21 ตกมาเป็นของ “เรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ซีซั่นนี้พวกเขาออกสตาร์ทได้ไม่สวยงามเท่าไหร่ แม้จะมีการเสริมทัพพอสมควร โดยเฉพาะตำแหน่งกองหลังตัวกลาง ทั้งการเซ็น นาธาน อาเก้ เข้ามา แต่ก็ดูไม่มีผลดีอะไรกับทีม จนกระทั่งการเซ็นสัญญาคว้าตัว รูเบน ดิอาส กองหลังชาวโปรตุเกส จากสโมสรเบนฟิก้า ทีมดังจากลีกโปรตุเกส เข้ามาเสริมแนวรับ

ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและเป็นหัวใจสำคัญของแนวรับ ขาดไม่ได้สักนัด ทำผลงานได้ดีจนเป็นส่วนหนึ่งที่พาให้สโมสรก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์ลีกได้สำเร็จ โดยจบฤดูกาล ดิอาส ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อีกด้วย แถมยังเป็นฤดูกาลแรกที่เจ้าตัวเข้ามาเล่นในลีกสูงสุดอีกต่างหาก

วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพาทุกท่าน ที่มีเวลาจากการพักเดิมพัน ลงทุน หาอะไรเพลินๆ อ่าน โดยจะมาทำความรู้จักกับเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ พรีเมียร์ลีก คนล่าสุด ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง

แต่ก่อนจะไปทำความรู้จักเพื่มเติม ทางเราขอแนะนำเวปไซต์ Ufabet เวปไซต์เดิมพันตลอด 24 ชั่วโมง มีฟุตบอลให้เดิมพันกันอย่างมากมาย รวมถึงคาสิโนและเกมอื่นๆ อีกด้วยครับ บริการดีดุจญาติมิตรอยู่เสมอ เอาล่ะครับ เรามารู้จักกองหลังรายนี้กันดีกว่า

ประวัติของ รูเบน ดิอาส

รูเบน ดิอาส หรือชื่อเต็ม รูเบน ดอส ซานโตส กาโต อัลเวส ดิอาส โดยเขาเกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1997 ที่เมืองอมาโดร่า ที่ประเทศโปรตุเกส โดยเจ้าตัวเริ่มเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนให้กับสโมสร เอสเตรล่า ดา อมาโดร่า สโมสรท้องถิ่นภายในประเทศ

โดยเริ่มเล่นจากตำแหน่งกองหน้ามาก่อน หลังจากนั้นเจ้าตัวพัฒนาฝีเท้าอย่างโดดเด่นเจ้าได้เข้าร่วมกับสโมสร เบนฟิก้า ยอดทีมแห่งโปรตุเกสตั้งแต่เยาวชน จนอายุ 11 ปีเจ้าตัวได้เปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งกองหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งแจ้งเกิดอย่างแท้จริง

ต่อมาเจ้าตัวถูกดันขึ้นมาเล่น เบนฟิก้า บี และสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างต่อเนื่อง พัฒนาฝีเท้าอย่างก้าวกระโดด พาทีมชุดบีจบอันดับ 4 บนลีกรองสูงสุดของโปรตุเกสและเคยพาทีมทะลุรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูธ ลีก ได้ในฤดูกาล 2016/17

เจ้าตัวลงเล่นกับทีมชุดบี ทั้งหมด 54 เกมตลอดระยะเวลา 2 ปี รวมถึงติดทีมชาติชุดเยาวชนตั้งแต่ชุด 16 ปีและเคยเป็นกัปตันทีมชาติชุดเยาวชนรุ่น 19 ปีและรุ่น 20 ปีมาแล้วอีกด้วย ผ่านรายการสำคัญอย่าง ฟุตบอลยูโร ปี 2016 และ ฟุตบอลชิงแชมป์โลก ในปี 2017 อีกต่างหาก

ส่วนทีมชาติชุดใหญ่เจ้าตัวติดครั้งแรกเมื่อปี 2018 และรับใช้ชาติมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนผลงานกับ เบนฟิก้า ชุดใหญ่ เจ้าตัวได้เริ่มเล่นในปี 2016/17 โดยเกมนั้น เป็นรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งพบกับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเจ้าตัวได้ลงเล่นครบ 90 นาที ในการออกไปเยือน

หลังจากนั้นฤดูกาลถัดมา กองหลังดาวรุ่งก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้คว้าตัว วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ กองหลังรุ่นพี่ไปร่วมทีม ซึ่งนั้นเป็นการแจ้งเกิดของเขาอย่างแท้จริง ได้ลงเล่นเป็นตัวหลักแทบทุกนัด พัฒนาฝีเท้าได้อย่างก้าวกระโดด

แม้จะมีส่วนสูงเพียงแค่ 183 เซนติเมตร ซึ่งในตำแหน่งกองหลังถือว่าไม่ได้มีส่วนสูงที่มากนัก แต่การออกบอล การออกเกม และการแย่งสกัดบอล เจ้าตัวทำได้ดีอย่างมาก

ซึ่งในฤดูกาล 2017/18 ฤดูกาลแรกที่ขึ้นชุดใหญ่เต็มตัว แม้ไม่สามารถช่วยให้สโมสรประสบความสำเร็จคว้าถ้วยแชมป์มาประดับทีม แต่ก็มีส่วนช่วยให้ทีมเสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของลีกและสามารถคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีในฤดูกาลนั้นได้อีกด้วย รวมถึงยังพอทำประตูให้ทีมได้บ้างอีกต่างหาก

เบ็ดเสร็จแล้วนับตั้งแต่นั้นมา ดิอาส ยืดปักหลักแผงเกมรับภายใต้สนาม อิชตาดียูดาลุช เป็นเวลา 4 ฤดูกาล ลงเล่นไปทั้งหมด 133 เกม ยิงได้ 12 ประตู พาทีมคว้าแชมป์ลีก 1 สมัย ในฤดูกาล 2018/19 และ ซูเปอร์ตากา คันดิโด้ เด โอลิเวียร่า 1 สมัยในฤดูกาล 2018/19

ก่อนที่ รูเบน ดิอาส ในวัย 23 ปี จะย้ายเข้ามาร่วมสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 29 กันยายน ปีที่แล้ว ด้วยราคา 62 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญาร่วมทัพเป็นเวลา 6 ปี ซึ่งเป็นการตัดสินใจได้ถูกต้อง เจ้าตัวลงเล่นซีซั่นแรกในพรีเมียร์ลีก อังกฤษได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้เวลาปรับตัวไม่นานและเป็นกำลังหลักของ “เรือใบสีฟ้า” อย่างต่อเนื่อง

ลงเล่นทั้งหมด 50 นัดในฤดูกาลนี้ ยิงได้ 1 ประตู คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกและได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก ไปครอง ซึ่งนับว่าช่วงหลังยังหากองหลังที่ได้รับรางวัลนี้ได้ยาก แต่ฟอร์มของเจ้าตัวโดดเด่นเหลือเกิน สมควรอย่างยิ่งที่ได้รางวัลนี้มาครอง น่าเสียดายที่เขาและสโมสรไม่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ หลังแพ้ให้กับ เชลซี

แต่ก็น่าสนใจเหลือเกินว่า ซีซั่นหน้า กองหลังชาวโปรตุเกสจะยังรักษามาตรฐานฟอร์มการเล่นของตัวเองได้หรือไม่ ที่สำคัญอายุยังเพียงแค่ 23 ปี มีเวลาให้กอบโกยความสำเร็จภายใต้ยูนิฟอร์มสีฟ้าไปอีกนาน

Posted in บทความฟุตบอล