เป็นข่าวฮือฮาพอสมควร สำหรับ วงการฟุตบอลไทย ในปัจจุบัน หลัง พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง “มาดามแป้ง” คุณนวลพรรณ ล่ำซำ Ceo บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ให้เป็น ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และทีมชาติชุดใหญ่ หลังจากที่มีการ ยกเลิกตำแหน่งนี้ไปพักนึง ก่อนกลับมาใช้อีกครั้ง ในปัจจบัน

โดย วิเคราะห์บอล UFA จะพาเพื่อนๆ ไปดูกันว่า ตำแหน่งผู้จัดการทีม ของทีมฟุตบอลชายไทย มีหน้าที่อะไรบ้าง แตกต่างจากชาวบ้านชาวช่องเขา อย่างไร ทำไมถึงต้องมี และที่กลับมามีตอนนี้ มีนัยยะสำคัญอะไรแอบแฝงหรือไม่

ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย มีไว้เพื่ออะไร

ก่อนที่จะมารู้หน้าที่ ตำแหน่งผู้จัดการฟุตบอล ของทีมชาติไทย เรามาดูกันก่อนว่า การแต่งตั้งครั้งนี้ที่ทาง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยไทย ได้ตัดสินใจเช่นนี้ เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจไม่น้อย

เพราะเหมือนจะเป็นการ ยอมรับแบบกลายๆ แล้วว่า ที่ผ่านมา เขาได้บริหารงาน ได้อย่างล้มเหลว ไม่สามารถพา ฟุตบอลทีมชาติไทย ก้าวเข้าใกล้คำว่า ประสบความสำเร็จ แถมนโยบาย และโปรเจ็คที่ทำมา กลายเป็นล้มเหล วแบบไม่เป็นท่า เหมือนจะยอมจำนนแล้ว เหลือตำแหน่งแค่ชื่อ แต่ไม่ยอมลาออก อย่างเป็นทางการ

เข้าเรื่องกันต่อ โดยตำแหน่ง ผู้จัการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย มีหน้าที่อะไรบ้าง ต้องบอกเลยว่า อาจจะเหมือน ผู้จัดการทีมชาติอื่น แต่ของไทยเรานั่น บอกเลยว่า มีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น

เริ่มจากอันดับแรก ผู้จัดการทีมชาติ ของทีมฟุตบอลไทย ต้องเป็นคนที่มีพาวเวอร์ ด้านการเงิน แบบเหลือเฟือ เพราะเขาเหล่านั้น ต้องรับผิดชอบ และพร้อมเปย์เงิน ให้นักเตะที่ติดทีมชาติ

ทั้งการจัดการต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่าย ด้านการเดินทาง การจัดหาที่พัก อาหารการกิน รวมไปถึงโบนัส และส่วนอื่นๆ ที่ผู้จัดการทีม ต้องจัดหา ไม่อย่างนั้นก็ควักกระเป๋า พร้อมเปย์เองทั้งหมด ไม่ว่าทีมชาติ จะมีรายการไหนก็ตาม

ยิ่งกับการที่ต้องออกเดินทาง ไปแข่งขันที่ต่างประเทศ ยิ่งต้องจ่ายเงินอย่างหนัก และต้องคอยประสานงาน ในเรื่องต่างๆ ภายนอกของทีมชาติ รวมถึงภายใน เกี่ยวกับการแข่งขัน และจัดหาความพร้อม

รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้ทัพทีมชาติฟุตบอล สามารถทำการแข่งขัน และเดินทางได้แบบไม่ต้องมาพะวงเรื่องอื่น เพื่อให้มีความสะดวกสบายมากที่สุดนั่นเอง

ซึ่งสำหรับวงการฟุตบอลไทย ตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติ ได้กลายเป็นวัฒนธรรม มาอย่างยาวนาน ก่อนที่จะมีการยกเลิกไป ในช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากที่ พลตำรวจเอก สมยศ เข้ามานั่งบริหารสมาคมฟุตบอล

ที่ผ่านมา เราจะเห็นผู้ที่มีอิทธิพล ทั้งนักการเมือง หรือบุคคลมีอำนาจ ด้านใดด้านหนึ่ง ที่กระเป๋าหนัก มารับหน้าที่ตรงนี้ คอยดูแล และพร้อมจ่ายเงิน แทบทั้งหมด เพื่อให้ทีมชาติ มีความพร้อมที่สุด สำหรับรายการแข่งขันรายการนั้น

โดยระบบนี้มีมาเป็น 10-20 ปีมาแล้ว ก่อนที่ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย คนปัจจุบัน จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ของระบบผู้จัดการทีม

โดยวางนโยบายว่า ผู้จัดการทีมชาติ ไม่ต้องมาเป็นคนออกเงินค่าใช้จ่าย โดยทางสมาคม จะรับผิดชอบเอง แต่เนื่องจากพิษเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 ทำให้การหาสปอนเซอร์ หรือการจัดการเรื่องการเงิน ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก จะให้รองบจากกกท. หรือส่วนอื่นจากภาครัฐ แน่นอนว่า ได้งบน้อยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพราะงบพวกนั้น พวกเขาเอาไปทำอะไรก็ไม่รู้

สุดท้ายก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง จึงต้องแต่งตั้ง มาดามแป้ง มาเป็นผู้จัดการทีมชาติไทย แถมยังให้สิทธิพิเศษ แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยการให้ มาดามแป้ง สามารถตัดสินใจได้เต็มที่ ว่าจะเอาใครมาเป็นเฮ้ดโค้ช ทีมฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และทีมชาติไทยชุดใหญ่ ได้อีกด้วย

เรียกได้ว่า เหมือนยกตำแหน่งนายกสมาคม ให้กลายๆ และ พ่อยศ ก็เหลือตำแหน่งนายกสมาคม แบบลอยๆ เพียงเท่านั้น แถมแทบจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว ยิ่งวาระของเจ้าตัวเหลือเพียง 2 ปี

ดูทรงแล้ว ก็เหมือนว่ารอ มาดานแป้ง เข้ามารับช่วงต่อ ในตำแหน่งนายกสมาคม ต่อจากเจ้าตัวเลย ซึ่งดูจากผลงานในการทำฟุตบอลหญิง ก็อาจจะดูเข้าตาอยู่ก็จริง

แต่หากมองดู สิ่งที่เจ้าตัวทำ กับสิงห์เจ้าท่า ที่ไปเอานักเตะมากองรวมกันมากมาย แต่ชอบแทรกแซงการทำงานของโค้ช จากตัวเขาและทีมงาน ดูแล้ว น่าหวั่นวิตกพอสมควร กับทีมชาติไทยในอนาคต

Posted in บทความฟุตบอล

ปัจจุบัน สถานการณ์ของทีมชาติไทยชุดใหญ่ ไม่ค่อยสู้ดีนัก หลังจาก ทีมชาติไทย ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ได้ตามเป้า จนในที่สุด สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ทำการปลด อากิระ นิชิโนะ กุนซือแดนอาทิตย์อุทัย เข้าจนได้ ซึ่งต้องนี้ ยังเป็นกระแสในโซเชี่ยล ที่ถกเถียงกันว่า จะเอาใครมาคุมทีมกันดี จะเป็นกุนซือชาวไทย หรือ ชาวต่างชาติ หรือจะให้สมาคมแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ซึ่งปัจจุบันแฟนบอลที่ตาม เชียร์บอลไทย น่าจะผิดหวังกันอย่างมาก

แต่วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA มีคำถามและคำตอบว่า ทำไมบอลไทย เราถึงต้องเชียร์

ทำไมเราต้อง เชียร์บอลไทย

แม้ทีมชาติไทย จะตั้งเป้าอย่างที่เคยวาดฝันกันมาตลอดว่า ต้องไปฟุตบอลโลกให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ทีมชาติไทยของเราไม่เคยเฉียดเลยสักครั้งเดียว ทำได้ไกลที่สุด แค่เพียงรอบ 12 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

แต่พอเข้ารอบแล้ว ก็ต้องอกหักทุกครั้งไป แพ้ยับ แพ้รัวๆ ยังเป็นรองชาติอื่นๆ ในทวีปเอเชียอยู่มาก ยิ่งในปัจจุบันยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งที่ บอลลีก มีการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างมาก

สโมสรหลายสโมสร มีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น สามารถผลิตนักเตะฝีเท้าดีมากมาย ขึ้นมาประดับในทีมชาติ แต่แล้วผลงานก็ไม่เป็นไปตามเป้า อีกทั้งยังดูถอยหลังลงคลองกว่าเดิม

จากเดิมที่เคยคิดว่าเดินหน้ามาบ้างแล้ว กลับกลายเป็นถอยหลัง ล้มหัวทิ่มแบบน่าอับอายเสียอย่างนั้น ซึ่งมันมีเหตุผลหลายอย่าง ที่น่าจะเกี่ยวข้องให้ผลงานทีมชาติ ถดถอยลงเพียงนี้

ฟอร์มจากฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบที่ผ่านมา ก็บ่งบอกได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นมาก นักเตะเล่นไม่เข้าแทคติกของโค้ช หรือไม่ก็สื่อสารกันไม่เข้าใจ เพราะโค้ชไม่ได้ใช้ล่ามฟุตบอล ที่เข้าใจภาษาฟุตบอลอย่างแท้จริง การทุ่มเทในสนาม ที่ทำได้ไม่เต็มร้อย

เพราะส่วนนึง นักเตะเหล่านั้น ได้รับค่าเหนื่อยที่น่าจะโอเวอร์เกินไป ที่สโมสรระดับเงินถุงเงินถัง ซื้อตัวและให้ค่าเหนื่อยมากกว่าความเป็นจริง ทั้งที่รายการลีก ทีมแชมป์ลีกได้เงินรางวัลไม่กี่สิบล้าน

แต่นักเตะไทยลีก ยิ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ ค่าเหนื่อยปาไปหลักแสนขึ้น ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาสามารถจ่ายกันได้อย่างไร ทั้งที่ดูแล้ว การทำทีมฟุตบอลไทยให้อยู่รอด ต้องใช้เงินมหาศาลอย่างมาก แถมกำไร ก็ถือว่าได้น้อย เว้นแต่จะปั้นนักเตะส่งออกกันอย่างเดียว

ซึ่งก็ต้องขายให้ได้กำไรกันอีกมหาศาล ซึ่งการให้ค่าเหนื่อยนักเตะเกินความจำเป็น อาจส่งผลอย่างมาก ให้นักเตะเหล่านั้น รู้สึกขาดความทะเยอทะยานและมีแรงจูงใจ เป้าหมายในการเล่นฟุตบอล

เพราะพวกเขาได้รับค่าเหนื่อยเยอะแล้ว เป็นซูเปอร์สตาร์แล้ว คงไม่ต้องเอาอะไรกันมาก แค่กลับไปเล่นให้สโมสร ก็มีเงินเยอะแยะเข้ามาในบัญชีแบบสบายๆ แค่เข้าซ้อม ลงสนาม ทำผลงานพอประมาณก็พอ

ทีนี้เมื่อขาดแรงจูงใจ ผลงานในทีมชาติ พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก ทำเท่าที่ทำได้ ไม่พร้อมที่จะซ้อมหนัก ตามโปรแกรม ขอเพียงแค่เตะให้มันผ่านไปก็พอ อย่างไรก็สู้ชาติอื่นๆ ที่ฝีเท้าเหนือกว่าไม่ได้อยู่แล้ว

สังเกตุได้เลยว่า นักเตะไทย ไม่พร้อมซ้อมหนัก ซ้อมโหด เมื่อมีอะไรไม่พอใจ พวกเขาก็ไม่เอากันแล้ว ดั่งเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับกุนซือชาวต่างชาติหลายราย ที่มีโปรแกรมการซ้อมที่จริงจัง แทคติกที่เข้มข้น ซ้อมกันจนกระอัดเลือด

สิ่งนี้ นักเตะรับไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องแยกทางกันไป จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ทุกวันนี้ แฟนบอลรู้ได้ชัดเจนว่า ฟุตบอลทีมชาติไทย ได้เดินถอยหลังกันอีกแล้ว ต้องตั้งต้นหากุนซือคนใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใคร สมาคมจะจัดการกันอย่างไร ก็ต้องมารอดูกัน

แต่ถ้าหากจัดการได้แย่อีกล่ะก็ มีสิทธิ์โดนด่าหนักกว่าเดิม เพราะแฟนบอลคีย์บอร์ด ได้ขัดรอไว้อยู่แล้ว อะไรไม่ได้ดั่งใจนิดหน่อย ขอให้ได้ด่า อดทนรอกันไม่ได้ ลืมไปว่า อะไรหลายอย่าง ต้องใช้เวลา ไม่ใช่ปุบปับสำเร็จได้เลย

ทุกอย่างต้องมีรากฐาน สโมสรและทีมชาติ ต้องมีแผนที่ควบคู่กันมากกว่านี้ ระบบเยาวชนและอะไรอีกหลายต่อหลายอย่าง ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ มันก็ส่งผลกระทบอย่างหนักกับวงการบอลไทย

ทั้งการจัดการทุกเรื่อง รวมไปถึงบอลลีก ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ไทยลีก หรือลีกสูงสุดของประเทศไทย จะเปิดฤดูกาลใหม่กลางเดือนนี้ ส่วนตอนนี้ก็มีการเปิดตลาดซื้อ-ขายรอบพิเศษ ให้แต่ละทีมเสริมทัพกันไป

แต่จากวิกฤตเชื้อโควิด-19 หลายสโมสรต้องแบกภาระหนักอย่างมาก ในการจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะ รายได้แทบไม่เข้า มีแต่รายจ่าย แฟนบอลก็มาดูเกมในสนามไม่ได้ สปอนเซอร์ก็ไม่กล้าเข้าลงทุน เพราะกลัวเจ็บตัวเหมือนกัน

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า สำหรับแฟนบอลสโมสร ยังคงติดตามกันอย่างเหนียวแน่นเช่นเคย สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าบอลไทย โดยเฉพาะทีมชาติไทยชุดใหญ่หรือชุดไหน ผลงานจะดูย่ำแย่ลงไป จะตกต่ำมากแค่ไหน

แต่เมื่อมีนักเตะที่เป็นตัวแทนของคนทั้งชาติลงแข่งขันแล้ว มันก็น่าเชียร์น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม เพราะเชื่อว่า นักเตะและทีมงานทุกคน คงทุ่มเทกันเต็มที่ หวังคว้าชัยชนะและทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อชาติ เพื่อแฟนบอลทุกคน

เพียงแต่ตอนนี้ ยังไม่เป็นไปตามที่หวัง ก็ต้องผิดหวังกันเป็นธรรมดา ล้มแล้วไม่เป็นไร แต่ลุกขึ้นมาใหม่ เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง เชื่อว่าศรัทธาของแฟนบอล คงไม่หายไปไหนแน่นอน

ดังนั้นคำว่า บอลไทยในสายเลือด จึงเป็นประโยคที่ใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ หากมีโปรแกรมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดไหนแข่งขัน ก็อยากให้ทุกท่าน ส่งแรงใจเชียร์กันติดจอ ลดคำด่ากราดต่างๆ ลงโซเชียลแบบไม่จำเป็น คุยกันด้วยเหตุด้วยผลกันดีกว่า

ไม่งั้นจะเสียสุขภาพจิตกันเปล่าๆ เพราะตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ ก็ย่ำแย่อยู่แล้ว เชียร์กันอย่างมีเหตุมีผลน่าจะเป็นการดีกว่า หรือถ้าอยากด่าทอลงโซเชียล สิ่งที่ทีมงานเราสนับสนุนอย่างมาก คือการด่า … พอแค่นี้ดีกว่า แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ

Posted in บทความฟุตบอล

เกิดเรื่องขึ้นอีกครั้งกับวงการฟุตบอลไทย เมื่อหัวเรือใหญ่ในการนำทัพช้างศึก อย่าง อากิระ นิชิโนะ กุนซือมากประสบการณ์ชาวญี่ปุ่น ถูกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ปลดออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ ทำให้ตอนนี้ เกิดกระแสหลายอย่าง โดยสำคัญที่สุด โค้ชทีมชาติไทย คนต่อไป ใครจะเหมาะสมที่จะมารับตำแหน่งนี้ดี

ซึ่งวันนี้ ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะมอบความคิดเห็นกันว่า โค้ชทีมชาติไทย ควรเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติกันดี

โค้ชทีมชาติไทย คนใหม่ ไทยหรือชาวต่างชาติ ?

ที่ผ่านมากุนซือของทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ มีทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย ที่ล้วนแต่ก้าวมาคุมบังเหียน พร้อมสร้างผลงานได้อย่างประทับใจ และ ผิดหวัง หลากหลายต่างกันไป

โดยโค้ชทีมชาติไทยที่ผ่านมา ที่ทำผลงานได้เป็นชิ้นเป็นอันมากที่สุด ก็ต้องเป็น “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ ศรีนาเมือง ที่แฟนบอลชาวไทยบางส่วน ยังไม่มูฟออน อยากให้กลับมาคุมทัพช้างศึกอีกครั้งก็ตาม

แต่คงลืมกันไปว่า สาเหตุที่ ซิโก้ โดนปลดออกจากสมาคม เป็นเรื่องอะไร นั่นก็คือผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องสัญญา ที่ต้องการนำบริษัทของตัวเอง ผูกเข้าในสัญญาด้วย

รวมไปถึง การคุมทีมในช่วงหลัง ที่เอาแต่นักเตะหน้าเดิมๆ มาติดทีม เล่นแผนแบบเดิมๆ เปลี่ยนตัวแบบเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลง จนมีกระแสว่าต้องการให้ออกจากตำแหน่ง จุดนี้ ก็ยังสงสัย ว่าทำไมลืมกันง่ายเหลือเกิน ทั้งที่ความเป็นจริง สมาคมก็ไม่ได้ต้องการจะปลดแต่อย่างใด เพียงแต่ให้สัญญาฉบับใหม่ มีความเป็นมืออาชีพเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเอง

ส่วนโค้ชทีมชาติไทยคนเก่าอย่าง ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน ก็เป็นโค้ชที่คุมทีมได้ดีพอประมาณ ดันนักเตะหลายคนเข้ามา แต่ผลงานก็ไม่สามารถทำได้ตามเป้า อย่างที่แฟนบอลคาดหวังไว้

มาทางด้านกุนซือต่างชาติ ก็มีหลายรายเหลือเกิน ที่เข้ามาทำผลงานให้ทีมชาติไทย พุ่งสูงขึ้น ยกตัวอย่างที่ปังมากที่สุด คงหนีไม่พ้น ปีเตอร์ วิธ กุนซือชาวอังกฤษ ที่พาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ได้อย่างมากมาย แต่ในช่วงหลังน่าจะหมดมุก บวกกับมีปัญหาภายในบ้างบางประการ จึงถูกปลดออกไป

ส่วนกุนซืออย่าง ปีเตอร์ รีด หรือ ไบรอัน ร็อบสัน 2 กุนซือชาวอังกฤษ เหมือนมาพักร้อนเสียมากกว่า ต่อมาในส่วนกุนซือ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมัน ที่เหมือนจะทำให้แฟนบอลไทย ล่วงรู้ว่า นักเตะทีมชาติ มีความใจสู้มากแค่ไหน

เพราะ เชเฟอร์ นำการฝึกซ้อมอันเข้มข้น แบบมหาโหด นำมาใช้กับทีมชาติ แถมตัวกุนซือชาวเยอรมันที่พกประสบการณ์มาอย่างมาก พร้อมมีความมืออาชีพ เจอสมาคมฟุตบอลไทยในสมัยนั้น ถึงกับไปไม่เป็น ทั้งที่เขามีแผนและระเบียบในการซ้อมต่างๆ แต่ก็ไม่ได้รับการประสานงานที่ดีจากสมาคมเลย

สุดท้ายผลงานก็เละ โดนล้วงลูก จนถูกปลดออกไป ส่วนในช่วงเกือบปัจจุบันอย่าง มิโลวาน ราเยวัช กุนซือคนแรกของสมาคมชุดใหม่ ก็ทำผลงานได้ไม่ตามเป้า ทีมเน้นรับมากเกินไป ซึ่งไม่เหมาะสมกับสไตล์และสรีระของนักเตะไทย สุดท้ายก็ล้มเหลวอย่างมาก นักเตะไม่เอาโค้ช จนโดนปลดกลางคัน

ซึ่ง ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ต้องมาคุมทัพกลางคันกลางศึก เอเชี่ยน คัพ 2019 ซึ่งก็พาทีมชาติไปไกลได้รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนที่จะโดนปลดออกไปอีก

และมาถึงกุนซือที่แฟนบอลไทยต่างความหวังอย่าง อากิระ นิชิโนะ ที่ติดจอรอลุ้นว่า ประสบการณ์ของเขาจะพาทีมชาติไทย ทะลุไปถึงรอบคัดเลือกรอบที่ 3 ในศึกฟุตบอลโลก ได้หรือไม่

สุดท้ายแล้วก็ไม่เป็นไปตามเป้า แถมระบบการจัดการ การสื่อสารของสมาคมชุดนี้ ยังแปลกๆ จนมีกระแสให้ลาออกจากสมาคม ซึ่งก็งงเหมือนกัน แต่ส่วนที่ผิด สมาคมก็ต้องรับผิดชอบเต็มๆ

สุดท้ายแล้ว อากิระ นิชิโนะ ถูกปลดอย่างที่ทราบกัน ปัจจุบันยังไม่ทราบว่า กุนซือต่อไปจะเป็นใคร ซึ่งในโลกโซเชียล ก็มีการคาดการณ์ต่างๆ นาๆ

แต่ถ้าความเห็นจากทีมงาน ufa.soccer ก็คงต้องขอตอบว่า หากเลือกได้ ขอเป็นกุนซือต่างชาติ ที่มีประสบการณ์ พอจะมีความรู้เรื่องฟุตบอลไทย นักเตะไทย มากๆ หน่อย

เพราะกุนซือคนก่อน เอาเข้าจริง เขายังไม่รู้จักนักเตะไทยดีพอ บวกกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ก็ทำให้อะไรยิ่งแย่กันไปใหญ่

หากกุนซือชาวต่างชาติ ก็ขอเป็นคนเอเชีย จะเป็นเกาหลีใต้ก็ได้ เพราะมีระเบียบวินัยที่จัด การซ้อมแบบสุดเข้มข้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็เข้าใจกันว่า ซูเปอร์สตาร์นักเตะไทย ที่ได้รับค่าเหนื่อยเป็นกอบเป็นกำ คงไม่อยากจะซ้อมหนักเกินตัว เพราะเคยชินกับการรับเงินได้ที่มากโข รวมถึงเป็นสตาร์ของสโมสร แค่นี้ก็สบายแล้ว

ไม่เชื่อก็ลองดูผลงานในสนามของเกมทีมชาติในยุคปัจจุบันได้เลย ว่ามีความทุ่มเทมากแค่ไหนกัน ไม่เหมือนตอนที่ขึ้นมาติดทัพใหม่ๆ แม้แต่น้อย นี่ก็คือคำตอบที่สำคัญ ว่าโค้ชชาวต่างชาติ มาคุมทีมชาติไม่ได้แน่ๆ ถึงมาก็ต้องถูกปลดออกอยู่ดี

ดังนั้น โอกาสที่จะเห็นโค้ชที่เป็นชาวไทย จึงมีความเป็นไปได้สูงในความเป็นจริง เพราะโค้ชกับนักเตะ สื่อสารกันง่าย และรู้กันดีอยู่แล้ว ว่านิสัย ลักษณะการเล่นเป็นอย่างไร นี่ก็หมายความว่า โอกาสที่ทีมชาติไทยจะไปสู่จุดที่ดีขึ้น มันไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

ต้องกลับมานับหนึ่งใหม่หรือเริ่มต้นจากติดลบ เดี๋ยวก็มีกระแสให้ไล่สมาคมอีก อะไรกันก็ไม่รู้ นี่ไม่รู้กันจริงๆ หรือว่า ตอนนี้ ขั้วฝั่งมีเพียงแค่ 2 ขั้วเท่านั้น ก็คือชุดปัจจุบันกับชุดก่อน ซึ่งชุดก่อน จำกันไม่ได้หรือว่า ผลงานเป็นอย่างไร

ยิ่งกับสัญญาอะไรต่างๆ ที่คลุมเครือเหลือเกิน มีปัญหากันยกใหญ่ การจัดการเละเทะขนาดไหน ลืมกันง่ายจริงๆ เข้าเรื่องกันต่อดีกว่า สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าใครจะมาคุมทัพทีมชาติไทย ยังไงก็ไม่ถูกใจแฟนบอลอยู่ดี

ตรงนี้ก็อยากให้ปรับกันด้วยสำหรับแฟนบอล ที่ใจร้อน อดทนความสำเร็จกันไม่ได้เลย จะเอาให้ได้ดั่งใจกันทุกอย่างคนเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างต้องใช้เวลา และทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลไทย ต้องไปในทิศทางเดียวกัน

ไม่ใช่คนนั้นจะเอาอย่างนี้ คนนี้จะเอาอย่างโน้น มันก็ฉุดรั้งให้ไปไหนไม่ได้เสียที รวมถึงสมาคมชุดปัจจุบัน ก็น่าที่จะจัดการอะไรให้เด็ดขาดกว่านี้ โดยเฉพาะการประกาศเรื่องต่างๆ ยังดูมีปัญหาจนน่าตำหนิอยู่บ้าง

สุดท้ายแล้วเชื่อว่า ไม่ว่าโค้ชคนไหนมาคุมทัพในช่วงนี้ ก็ไม่น่าจะทำให้ผลงานกระเตื้อง นอกจากจะเป็นกุนซือที่เอาจริงเอาจัง กล้างัดแบบไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนและมีใจรักที่จะทำทีมชาติไทย ก้าวสู่ไปความเป็นมืออาชีพ ทั้งการซ้อมและการแข่งขันจริงได้เสียที

Posted in บทความฟุตบอล

อย่างที่ทราบกันดีว่า อากิระ นิชิโนะ กุนซือที่พกประสบการณ์มาเต็มกระเป๋า จากดินแดนอาทิตย์อุทัย ได้ถูก สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ปลดจากตำแหน่ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย โดยให้เหตุผลว่า นิชิโนะ ไม่สามารถพาทีมชาติไทย เข้าไปถึงรอบ 12 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย

ซึ่งเราจะมาร่ายเหตุผลกันว่า ทำไมเขาถึงถึงล้มเหลว ในการนำทัพช้างศึก จนต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง เมื่อไม่นานมานี้

ทำไม อากิระ นิชิโนะ ถึงล้มเหลวในการเป็น หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย

มีสาเหตุต่างๆนาๆ ที่แฟนบอลชาวไทย ต่างวิเคราะห์กันว่า ทำไม อากิระ นิชิโนะ ถึงโดนปลด โดยมาฟังความคิดเห็น จากทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA กันบ้าง

โดยอันดับแรก นิชิโนะ มีเวลาที่จะดูฟอร์มนักเตะทีมชาติไทยได้น้อยเกินไป ด้วยความซวย จากการระบาดของ โควิด-19 ที่ทำให้ทุกอย่าง รวมถึงวงการฟุตบอลลีกของไทย ต้องเลื่อนการแข่งขัน มีปัญหาอย่างหนัก ในการเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลลีก

รวมไปถึง โปรแกรมต่างๆ ที่ได้วางแผนกันไว้ ต้องเปลี่ยนใหม่หมด ในช่วงเวลาที่จำกัด ทำให้ นิชิโนะ ไม่สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง นั่นเอง ไม่เว้นแม้กระทั่ง การเข้าแคมป์รวมนักเตะ ก่อนบินไปแข่งขันกันที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยังมีนักเตะติดโควิดเกือบครึ่งทีม แม้จะเรียกนักเตะไป 40 กว่าคนก็ตาม

ต่อมาคิดว่า นิชิโนะ ไม่รู้จักนักฟุตบอลไทยดีมากพอ ทั้งอุปนิสัยแต่ละคน รวมถึงสไตล์การเล่น และปัจจัยอื่นๆ ซึ่ง นิชิโนะ นำสูตรสำเร็จที่ตัวเองทำมาตลอด เอามาใช้ ซึ่งดูตอนแรกเหมือนจะได้ผล

แต่ไปๆ มาๆ ด้วยความไม่ต่อเนื่อง รวมถึงนักเตะก็ขาดความรู้ความเข้าใจ กับแท็คติกที่โค้ชป้อนให้ จนเป็นสาเหตุที่สำคัญ ที่ผลงานของทีมชาติไทย ไปไม่ถึงรอบ 12 ทีมสุดท้าย ต่อมา การเปลี่ยนล่าม ที่ไม่มีความรู้เรื่องฟุตบอลอะไรเลย

เพราะอาชีพ ล่ามฟุตบอล สำคัญมาก เพราะมีศัพท์เฉพาะทางหลายอย่าง ซึ่งการสื่อสารภาษาฟุตบอล ที่ นิชิโนะ ต้องการส่งต่อให้ล่ามฟุตบอล แปลให้นักเตะเข้าใจ กลับกลายเป็นเข้าใจกันไปอีกอย่าง แบบนี้ก็มีแต่พังกับพัง นั่นเอง

ซึ่งนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ นิชิโนะ โดนปลดก็เป็นได้ เพราะก่อนหน้านี้ มีลางมาแล้วว่าง ล่ามฟุตบอล ถูกปลดออกไปก่อนนั่นเอง ซึ่งเวลาต่อมา อาจจะหาล่ามฟุตบอลที่พอไว้ใจได้ ไม่มีจริงๆ นี่จริงอาจเป็นสาเหุตุหนึ่งก็เป็นได้

ต่อมา ต้องดูที่นักเตะทีมชาติเอง มีความตื่นตัว ทุ่มเทอย่างเต็มที่ พร้อมสู้ พร้อมตั้งใจฝึก สำหรับการลงเล่นในทีมชาติหรือไม่ เพราะผลงานในสนาม ดูชัดเจนเลยว่า นักเตะซูเปอร์สตาร์สต่างๆ ไม่เอาอะไรเลย ไม่มีสปิริต พร้อมวิ่งทุ่มเท หาชัยชนะเพื่อชาติอย่างเต็มที่

สาเหตุอาจจะมาจากการรับค่าเหนื่อยจากสโมสร ที่แพงเกินความจำเป็น จนอยู่ในเซฟโซนที่สบาย ไม่ต้องเหนื่อยอยากลำบากอะไร ขาดแรงจูงใจในการลงเล่นเพื่อทีมชาติก็เป็นได้ พอโดนนำไปสักประตูเดียว หลังจากนั้นก็รวนหมด คล้ายจะปล่อยจอย

แบบนี้จะเป็นผลเสียในระยะยาว หากยังไม่มีแนวคิดดีๆ ที่ต้องปลูกฝังกันใหม่ ว่าการติดทีมชาติ ไม่ใช่แค่เล่นให้มันผ่านไป ไม่อย่างนั้น วงการฟุตบอลไทย ก็มีแต่แย่ลงไปทุกวัน รวมไปถึงสโมสร ที่ใช้เงิบมือเติบกันเกินไป สักวันคงจะฟองสบู่แตก

ยิ่งทุกวันนี้ ผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้ทุกอย่าง มีปัญหากันเต็มไปหมด การใช้เงินแบบนี้ ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ลีก เกิดฟองสบู่แตกอย่างแน่นอน

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม ที่ อากิระ นิชิโนะ โดนปลด ไม่ว่าจะผลงานไม่เป็นไปตามเป้า ดั่งที่สมาคมตั้งไว้ หรือมีเรื่องราวอะไรที่มากมายกว่านั้น ที่มันอยู่ในก่อไผ่ ก็อย่าได้ไปใส่ใจ

เอาแค่ตอนนี้ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับบอลไทย เหมือนเดินมาผิดทาง เดินหน้าหนึ่งก้าว ล้มขมำหัวทิ่ม ถอยหลังไปสองสามก้าว มันก็ไม่ใช่เรื่อง ทุกอย่างมันต้องสอดคล้อง ไปในทิศทางเดียวกัน

นักฟุตบอล สโมสร สมาคม และ หัวเรือใหญ่เฮ้ดโค้ชที่กำหนดทิศทางการเล่นที่ชัดเจน ต้องร่วมมือร่วมใจ ปรับปรุงพัฒนาให้มันดีขึ้น ไม่อย่างนั้น จะเปลี่ยนอีกกี่ร้อยสมาคม หรือ เปลี่ยนอีกกี่สิบเฮ้ดโค้ช มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้ ถ้าหากว่ายังเป็นอยู่แบบนี้ ก็มีแต่สาละวันเตี้ยลงเท่านั้น

ดังนั้น ควรเริ่มกันใหม่ แฟนบอลก็เช่นกัน ไม่ถูกใจนิดหน่อยก็ส่งเสียงด่ากันแล้ว เอาเป็นว่าต่อจากนี้ ก็ต้องดูกันต่อไป ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จะดีขึ้นหรือไม่ ก็ต้องรอคอยอย่างอดทน และร่วมส่งแรงใจเชียร์กันต่อไป

Posted in บทความฟุตบอล

ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว หรือ เจ้าหนึ่ง ดาวรุ่งวัย 20 ปี ตำแหน่งกองกลาง ของสโมสร “ฉลามชลชลบุรี เอฟซี ทีมยักษ์หลับแห่งศึกไทยลีก ได้รับโอกาสในการบินไปทดสอบฝีเท้ากับ อัลคอร์ค่อน ทีมในศึกเซกุนด้า หรือ ลาลีกา 2 ซึ่งถ้าหากทดสอบฝีเท้าผ่าน จะได้รับการเซ็นสัญญาทันที

วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะนำพามารู้จักกับมิดฟิลด์ดาวรุ่งรายนี้ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง

ประวัติของ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว กับเส้นทางที่ไม่เคยง่าย

ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว มีชื่อเล่นว่า หนึ่ง เกิดวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2544 เมื่อเจ้าตัวลืมตาดูโลก ก็พบว่าตนเองเป็นโรค ธาลัสซีเมีย หรือโรคโลหิตจางชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นผลจากพันธุกรรม ส่วนอาการก็มีหลากหลายลำดับแตกต่างกันออกไป แต่เจ้าตัวมีอาการรุนแรงปานกลาง ผลที่ตามมาในช่วงวัยเด็ก ร่างกายอ่อนแอ ไม่สบายบ่อยและเหนื่อยง่ายมาก

แต่ครอบครัวและเจ้าตัวก็พยายามที่จะแก้ปัญหาด้วยการ ออกกำลังกาย ทั้งการออกไปวิ่งเล่นและการว่ายน้ำ จนมาถึงการเตะฟุตบอล ในขณะที่ หนึ่ง กำลังศึกษาอยู่โรงเรียนบุรารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ ก็เริ่มเตะฟุตบอลมากขึ้น พัฒนาฟอร์มการเล่น เสริมร่างกายให้แข็งแรง จนฝีเท้าไปเตะตา แมวมองของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยอดทีมแห่งไทยลีก จนได้ถูกให้ไปร่วมทดสอบฝีเท้าในชุดรุ่นอายุ 11 ปี ทั้งที่เจ้าหนึ่งอายุเพียง 10 ปีเท่านั้น

หลังจากการทดสอบฝีเท้าเสร็จสิ้น เจ้าหนึ่ง ได้รับการเซ็นสัญญากับเมืองทองฯ ในชุดเยาวชน โดยเซ็นสัญญาร่วมทีม 5 ปี ในขณะที่เจ้าตัวศึกษาอยู่ชั้นป. 5 เท่านั้น หลังจากนั้นไม่นาน ด้วยการขยันซ้อมและการดูแลที่ดีของครอบครัว ทำให้เจ้าหนึ่งหายขาดจากโรคธาลัสซีเมีย ได้สำเร็จ

ต่อมาเมื่อหมดสัญญา 5 ปี เจ้าตัวตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับทาง กิเลนผยอง ก่อนจะย้ายมาโรงเรียนท่าข้ามวิทยาคม เป็นหนึ่งในอคาเดมี่ของสโมสรชลบุรี เอฟซี ซึ่งต่อมาด้วยฟอร์มที่โดดเด่น เจ้าตัวกลายเป็นตัวหลักของโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง พัฒนาฟอร์มการเล่นได้ดียิ่งขึ้น โดยเล่นตำแหน่งกองกลาง มีสกิลการเลี้ยงที่ดี การจ่ายบอลที่ดี แต่ก็ยังมีจุดอ่อนหลายอย่างเช่นในเรื่องของร่างกายที่ยังบางเกินไปสำหรับนักเตะวัยนั้น

อย่างไรก็ตามในรายการฟุตบอล 7 สี ซึ่งเป็นเวทีฟลอร์หญ้าที่แจ้งเกิดของนักเตะไทยหลากหลายรุ่น เจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับโรงเรียน จนสามารถก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุด รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีและรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี แม้ไม่สามารถพาทีมชาติไทย รุ่นอายุ 19 ปี ไปเล่นรายการชิงแชมป์เอเชียได้ หลังจากตกรอบแรก แต่ผลงานการลงสนาม 3 นัด ก็ถือว่าเป็นผลงานที่ดี

หลังจากนั้นเจ้าตัวได้เซ็นสัญญากับ ชลบุรี เอฟซี พร้อมกับลงเล่นในทีมชุดบีไปก่อน สะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ในที่สุด วันที่ 28 เดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2561 เจ้าตัวได้ลงสนามให้กับ ชลบุรี เอฟซี ชุดใหญ่ ด้วยวัยเพียง 18 ปี ในเกมที่เสมอกับ ชัยนาท 0-0

หลังจากนั้นก็ได้ลงสนามในฤดูกาล 2017/18 ประมาณ 4 นัดในเกมลีก ก่อนที่ปีต่อมาได้ลงเล่นน้อยไปเสียหน่อย หลังจากนั้นถูกยืมตัวไปเล่นให้กับสโมสร บ้านบึง เอฟซี ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฤดูกาล 2020 “โค้ชเตี้ยสะสม พบประเสริฐ ได้เข้ามาคุมทัพ ฉลามชล

พร้อมกับมีนโยบายที่ตรงใจกับผู้บริหาร และประธานสโมสร ในการส่งเสริมแข้งดาวรุ่งฝีเท้าดี ขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ เพราะเห็นว่า นักเตะในสังกัด ชลบุรี เอฟซี เป็นหนึ่งทีมในไทยลีก ที่มีนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีที่สุดในประเทศ ทำให้นักเตะดาวรุ่งติดทีมชุดใหญ่หลายราย

รวมถึง เจ้าหนึ่ง เองก็ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่เต็มตัว พร้อมกับลงสนามในฤดูกาล 2020 รวม 20 นัดในเกมลีก พร้อมกับ ยิง 1 ประตูและ 1 แอสซิสต์ แม้กระดูกยังดูไม่ค่อยไหว แต่ได้ประสบการณ์ที่ดีกลับมา

ถือว่าเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้ดีเหมาะสมตามวัย พาทีมจบอันดับที่ 12 ของตาราง หนีตกชั้นได้สำเร็จ แม้ผลงานของสโมสรจะน่าผิดหวัง แต่แฟนบอลชาวไทยและกองเชียร์ทีมชลบุรี ก็ได้เห็นแล้วว่านักเตะดาวรุ่งของพวกเขาก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน

ต่อมาเมื่อจบฤดูกาล โอกาสสำคัญยิ่งก็มาถึงเจ้าหนึ่ง เมื่อสโมสร อัลคอร์ค่อน ทีมในศึกเชกุนด้า หรือ ลาลีกา 2 ได้ส่งหนังสือเชิญตัว ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ให้มาเดินทางร่วมซ้อมกับสโมสรในระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน ถึง วันที่ 31 กรกฏาคม นี้ โดยทาง ชลบุรี เอฟซี ยินดีปล่อยตัวให้ไปซ้อมได้อย่างเต็มที่ ส่วนเจ้าตัวก็กล่าวว่าพร้อมจะทำผลงานให้ดีที่สุด ทำให้สุดความสามารถ

ส่วนทาง “โค้ชเฮงวิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิค สโมสร ชลบุรี เอฟซี กล่าว อวยพรให้เจ้าตัวโชคดี พร้อมกับบอกอีกว่า การเดินทางครั้งนี้ของเจ้าหนึ่ง จะส่งผลดีอย่างยิ่งต่อตัวนักเตะและทีมชาติไทยในอนาคต

ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักเตะเยาวชนไทยได้รับประสบการณ์ที่ดีและมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเอง เพราะ หนึ่ง เองก็เป็นนักเตะที่ดี มีความมุ่งมั่น ทะเยอทะยานสูง แตกต่างจากนักเตะหลายๆ คนในชุดเยาวชน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาจะทำผลงานได้ดีในการเดินทางไปทดสอบฝีเท้า

ส่วน หนึ่ง ปัจจุบันได้ทำการฝึกซ้อมกับสโมสร อัลคอร์คอน ในรุ่นอายุ 18 ปี อย่างต่อเนื่อง โดยโค้ชก็คือ คาร์ลอส รูบิโอ ซานเชซ อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคต่างประเทศ ของสโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด นั่นเอง

ส่วนการซ้อมมือแรก เจ้าตัวเปิดเผยว่า การทดสอบความฟิตในช่วงวันแรกๆ หนักหน่วงอย่างมาก ที่ดีซ้อมกันเข้มข้นอย่างมาก จนผมแทบจะอาเจียนออกมา ส่วนล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม ที่ผ่านมา เจ้าหนึ่ง ได้มีโอกาสลงสนามทำการฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของสโมสรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ก็ขออวยพรให้ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ทำผลงานได้ดีจนได้รับการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะของสโมสรอัลคอร์คอน ให้ได้ตามที่ฝันครับ เพื่อเปิดโอกาสที่ดีให้กับตัวเองและเปิดโอกาสอนาคตของนักเตะทีมชาติไทย

Posted in บทความฟุตบอล

ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับ ผลงาน ทีมชาติไทย ในรายการ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 2022 ที่ ทีมชาติไทย ไปถึงไม่ถึงรอบต่อไป จอดอยู่เพียงแค่รอบ 2 โดยรั้งตำแหน่งรองบ๊วยไปครอง ใจสลายกันทั้งประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นการยกเครื่องกันครั้งใหญ่ หลังจบทัวร์นาเม้นต์นี้

วันนี้ ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA ขอพาทุกท่านย้อนรอย ผลงาน ทีมชาติไทย กับรายการ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โดยจะคัดผลงานปีไหน ทีมชาติไทย เราทำผลงานได้ดีที่สุดหรือแย่ที่สุด ในการแข่งขันปีนั้น

4 อันดับ ผลงาน ทีมชาติไทย ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบ 2

4. ฟุตบอลโลก 2022

อากิระ นิชิโนะ เฮ้ดโค้ชญี่ปุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลทีมชาติไทย ที่เคยคุมทัพทีมชาติญี่ปุ่น ลุยศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เมื่อปี 2018 มาแล้ว ทว่าผลงานกับทีมชาติไทย ออกแนวท่าดีทีเหลว ทั้งปัญหาโควิด-19 ที่ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้คุมทีมชาติ น้อยไปหน่อย รวมถึงกลับมาแข่งขัน ผลงานย่ำแย่ สุดน่าผิดหวัง

โดย ไทย อยู่กลุ่มเดียวกับ เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี ซึ่งดูจากสายแล้ว น่าจะผ่านไปได้ไม่ยาก เพียงแต่เป็นรองแค่ ยูเออี เท่านั้น เกมแรก ไทย เปิดบ้าน เสมอกับ เวียดนาม 0-0 ในชนิดที่ว่าน่าจะชนะ เกมที่สองบุกไปถล่ม อินโดนีเซีย 3-0 เกมที่สามสร้างประวัติศาสตร์ แฟนบอลมีเฮลั่น เปิดบ้านเฉือนเอาชนะ ยูเออี 2-1 ทว่าเกมต่อมาดันพลาดท่า บุกไปพ่าย มาเลเซีย 1-2 และปิดท้ายก่อนการแข่งขันถูกพักจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วยการบุกไปเสมอกับ เวียดนาม แบบไร้สกอร์เช่นเคย รวมผลงาน 5 นัด มี 8 คะแนน ส่วนสามนัดหลังสุด โคตรน่าผิดหวัง เตะสนามกลางที่ยูเออี ทำได้เพียงเสมอ อินโดนีเซีย 2-2 ตามด้วยการแพ้ให้กับ ยูเออี 1-3 และปิดท้ายแพ้ให้กับ มาเลเซีย 0-1 รวมแล้วมี 8 คะแนน หักลบกับโปรแกรมที่แข่งกับ อินโดนีเซีย เนื่องจากเพื่อนบ้านอาเซี่ยนโดนแบนจากฟีฟ่า เหลือ 5 คะแนน ยังดีที่ติดอันดับ 4 ที่ดีที่สุด

ทำให้สามารถได้โควต้าเข้าไปแข่งขัน ในศึก ฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2023 รอบคัดเลือก ได้สำเร็จ แต่ผลงานโดยรวมถือว่าเป็นครั้งที่น่าผิดหวังที่สุด ของ ทีมชาติไทย ในรายการ ฟุตบอลโลก โซนเอเชีย รอบที่ 2

3. ฟุตบอลโลก 1994

รอบนั้น ทีมชาติจากทวีปเอเชีย ได้โควต้าไปลุยศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้เพียงแค่ 2 ทีมเท่านั้น ซึ่งมีทีมที่เข้าแข้งขันทั้งหมด 29 ทีมในรอบนี้ โดย ทีมชาติไทย ในการนำทัพคุมทีมของ ปีเตอร์ สตูบเบ้ กุนซือชาวเยอรมัน

โดยทีมชาติไทย ของเรา อยู่กลุ่ม เอฟ ร่วมกับ ญี่ปุ่น, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี, บังกลาเทศ และ ศรีลังกา โดยนำแชมป์กลุ่มเข้าไปเล่นรอบต่อไป เลกแรก ทำการแข่งขันที่ ประเทศ ญี่ปุ่น ส่วน เลกสอง ทำการแข่งขันที่ ยูเออี ซึ่ง ทีมชาติไทย ของเราเก็บได้ 8 คะแนนจาก 8 นัด รั้งอันดับที่ 3 ตกรอบอย่างไม่ค่อยได้ลุ้นเสียเท่าไหร่ แต่ถือว่าผลงานโดยรวม ทำได้สุดฝีเท้าแล้ว โดยผลงาน เกมแรก ไทย บุกไปแพ้ ญี่ปุ่น 0-1, เกมที่สอง ไทย เฉือนชนะ ศรีลังกา 1-0 เกมที่สาม ไทย แพ้ ยูเออี 0-1 เกมที่สี่ ไทย ถล่ม บังคลาเทศ 4-1 เกมที่ห้า ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-1 เกมที่ 6 ไทย แพ้ ยูเออี 1-2 เกมที่ 7 ไทย ชนะ ศรีลังกา 3-0 และ เกมสุดท้าย ไทย ชนะ บังคลาเทศ 4-1 ซึ่งดูจากช่วงนั้น ไทย แพ้ ให้กับ ยูเออี และ ญี่ปุ่น แบบฉิวเฉียด

ซึ่งก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะดูเหมือนยุคก่อนทีมชาติไทยของเรา ทำผลงานได้ดีอย่างมาก ทั้งการเป็นเต้ยของ อาเซี่ยน ชนิดที่ชาติเพื่อนบ้านเทียบได้ยาก แต่ปัจจุบันช่างห่างไกลเหลือเกิน

2. ฟุตบอลโลก 2018

น่าจะเป็นครั้งที่ทำให้แฟนบอลชาวไทยใจเต้นมากที่สุด และ น่าจะเป็นครั้งที่มีความสุขมากที่สุด ในวงการฟุตบอล เพราะเป็นช่วงที่โซเชี่ยลสามารถติดตามได้ง่าย วาทะ การคอมเม้นต์ ข่าวคร่าวต่างๆ จึงเป็นกระแสอย่างหนักหน่วงไปพักนึงเลย เป็นช่วงเวลาดั่งฝันแห่ง ฟุตบอลไทย

โดยรอบนี้ ภายใต้การคุมของ “ซิโก้เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือที่สร้างกระแสฟุตบอลไทย ให้กลับมาได้รับความนิยมอย่างล้นหลามอีกครั้ง สนามแตกแทบทุกนัด โดย ไทย อยู่ กลุ่ม เอฟ ร่วมกับ อิรัก, เวียดนาม, ไต้หวัน และ อินโดนีเซีย แต่ อินโดฯ โดนแบนจากฟีฟ่า ทำให้ไม่ได้เข้ามาแข่งขันด้วย ระบบการแข่งเป็นการพบกันหมดแบบเหย้า-เยือน เช่นเคย ซึ่งทีมชาติไทย ผงาดเป็นแชมป์กลุ่ม ด้วยการมี 14 คะแนน จาก 6 นัด เกมแรก ไทย เปิดบ้านชนะ เวียดนาม 1-0 เกมที่สอง ไทย บุกไปชนะ ไต้หวัน 2-0 เกมที่สาม ไทย เปิดบ้านเสมอกับ อิรัก แบบสุดมัน 2-2 เกมที่สี่ ไทย บุกไปชนะ เวียดนาม 3-0 เกมที่ห้า ไทย เปิดบ้านเอาชนะ ไต้หวัน 4-2 ส่วนเกมสุดท้าย ไทยบุกไปเสมอ อิรัก 2-2

ทำให้ ไทย สามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จและสามารถผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม แบบอัตโนมัติในรายการ เอเชี่ยน คัพ ปี 2019 ได้สำเร็จ ทว่าผลงานรอบที่ 3 ไปไม่ถึงฝัน แต่ครั้งนั้นก็ทำให้แฟนบอลชาวไทย ได้ลุ้นพอสมควร

1. ฟุตบอลโลก 2002

นี่คือผลงานที่ดีที่สุดของ ทีมชาติไทย กับรายการ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 2 โดยนักเตะชุดนั้น มีแต่สตาร์ดัง แข้งทีมชาติ ประดับทีมอย่างมากมาย เป็นตำนานบทใหญ่ของทีมชาติไทยและเป็นความหวังอย่างมาก

ซึ่งรอบนั้น ไทย เราก็ทำได้ ด้วยการคุมทีมของ ปีเตอร์ วิธ กุนซือชาวอังกฤษ พาลูกทีมทำผลงานผงาดก้าวเป็นแชมป์กลุ่ม โดย ไทย อยู่ร่วมสายกับ เลบานอน, ศรีลังกา และ ปากีสถาน โดยเกมแรก ไทย บุกถล่ม ศรีลังกา 4-2 เกมที่สอง ไทย บุกถล่ม ปากีสถาน 3-0 เกมที่สาม ไทย บุกไปเฉือนชนะ เลบานอน 2-1 ซึ่งเป็นการชนะทีมจากตะวันออกกลางครั้งแรก ของ ไทย กับรายการนี้อีกด้วย เกมที่สี่ ไทย เปิดบ้าน ถล่ม ศรีรังกา 3-0 เกมที่ห้า ไทย เปิดบ้านถล่ม ปากีสถาน ยับ 6-0 ส่วนเกมสุดท้าย ไทย เปิดบ้าน เสมอ เลบานอน 2-2 ทำให้ ไทย จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม มี 16 คะแนนจาก 6 นัดที่ลงสนาม ซึ่งเป็นการเก็บแต้มที่มากที่สุด ตั้งแต่ที่ ทีมชาติไทย เคยได้เข้ามาแข่งขันในรอบนี้ด้วย แต่สุดท้ายรอบต่อไป เราก็ไปไม่ถึงฝันอีกเช่นเคย แต่ก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับแข้งรุ่นใหม่ จุดความหวังในการมุ่งมั่นกันต่อไป ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้ยังคงคลาสสิคสำหรับแฟนบอลชาวไทยรุ่นก่อนอยู่เสมอสุดท้ายแล้ว ปัจจุบัน กลายเป็นว่าเรากำลังถอยหลังลงคลอง ทั้งที่ลีกประเทศเรา ตัวนักเตะ ก็เริ่มมีศักยภาพที่ดีมากขึ้นแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่ขาดหายไปหลายอย่าง ซึ่งก็ต้องปรับปรุงกันต่อ ลุกขึ้นมาเดินหน้ากันต่อ หลายสิ่งหลายอย่างต้องใช้เวลา ระบบ แบบแผน คือสิ่งสำคัญ

เชื่อว่านี่ ไม่ใช่ยุคมืดของวงการฟุตบอลไทย เพราะเคยผ่านกันมาแล้ว ในช่วง 10 ปีก่อน แย่กว่าทุกวันนี้เยอะเลยครับ อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องช่วยกันให้กำลังใจกันต่อไปครับ

Posted in บทความฟุตบอล

สถานการณ์ตอนนี้ของฟุตบอล ทีมชาติไทย ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก แน่นอนว่าตกรอบคัดเลือกรายการฟุตบอลโลก ไปอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งปี 2022 เราจะไม่ได้เห็นทีมชาติไทยได้ไปบอลโลก เหมือนที่เคยได้รับความฝันลมๆ แล้งๆ มาตลอด ซึ่งหลังจากเกมกับ มาเลเซีย จบลงไป ทำให้เส้นทางในฟุตบอลโลก รอบ 2 จบลงอย่างเป็นทางการ

วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะสรุปสถานการณ์ ทัพช้างศึก กันครับ

เส้นทางของ ทีมชาติไทย ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก

ทัพช้างศึก เริ่มต้นเกมแรกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเค้าทำได้เพียงเสมอกับ เวียดนาม ในบ้านของตัวเอง ยังดีที่เกมต่อมาพวกเค้าสามารถบุกไปเอาชนะ อินโดนีเซีย มา 3-0 ทำให้การออกสตาร์ท 2 นัดแรกคว้ามาได้ถึง 4 คะแนน ซึ่งเป็นการแจ้งเกิดเต็มตัวของ สุภโชค สารชาติ กับทีมชาติไทย อีกด้วยครับ

ส่วนผลงานในเดือนตุลาคม 2562 หากจำกันได้ ทีมชาติไทย นั้นแข่งเพียงเกมเดียวเท่านั้น ซึ่งสามารถเอาชนะ ยูเออี จากประตูของ “เทพมุ้ยธีรศิลป์ แดงดา และวันเดอร์คิดส์อีกคนอย่าง “เจ้าบุ๊คเอกนิษฐ์ ปัญญา ทำให้ในขณะนั้น เส้นทางในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบสอง ของเรานั้นสดใสทันที

แต่เกมในอีกหนึ่งเดือนต่อมานั้น เปลี่ยนโมเมนตัมของเราไปอย่างหมดสิ้น เริ่มต้นด้วยการบุกแพ้ มาเลเซีย ทั้งๆ ที่ออกนำไปก่อนจากประตูของ “เมสซี่เจชนาธิป สรงกระสินธ์ แต่มาโดนทาง เสือเหลือง ยิงแซงแบบน่าเจ็บปวดใจ ต่อด้วยการบุกเสมอ เวียดนาม 0-0 ทำให้ตอนนี้ ไทย มีเพียง 8 คะแนนจาก 5 นัด เรียกได้ว่างานหยาบ

ก่อนที่โควิดจะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายยิ่งขึ้น หลังเกมที่ไทยจะได้เล่นในบ้านทั้งสองนัด ต้องไปแข่งกันที่ตะวันออกกลาง ซึ่งทั้งไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศ ตัวหลักจากเจลีก ทั้งสองคนก็มาไม่ได้ ไหนจะเทพมุ้ยที่สภาพร่างกายโรยรา จนเจ็บอดลงช่วยทีมชาติไทย และที่สำคัญคือความได้เปรียบในการเล่นในบ้านของตัวเอง

ทำให้ 3 นัดที่เหลือของทัพช้างศึกดูจะอาการหนักมา เสมอกับ อินโดนีเซีย ในเกมแรก 2-2 ทำให้โอกาสผ่านเข้ารอบนั้นแทบจะหมดสิ้นไป ครั้นชนะสองนัดที่เหลือ ก็ยังจะต้องลุ้นให้สถานการณ์เป็นใจ โดยต้องให้ทีมนำอย่าง เวียดนาม และ ยูเออี สดุดรัวๆ อีกด้วย

แต่สองเกมที่เหลือ ก็ยับเยินเหมือนเดิม เริ่มตั้งแต่พ่าย ยูเออี 1-3 ทำให้ความหวังของทีมชาติไทยหมดสิ้นลงไปทันที และเกมสุดท้ายกับ มาเลเซีย ก็ยังจะแพ้อีก 0-1 จากจุดโทษของ ซาฟาวี ราซิด ทำให้ 3 เกมที่เลื่อนมาแข่งในปี 2021 ทีมชาติไทยเก็บได้แต้มเดียว จากการเสมอกับ อินโดนีเซีย ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงคะแนนเดียวที่ อิเหนา เก็บคะแนนได้อีกด้วยครับ

บทสรุปของ ทีมชาติไทย ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก

ทีมชาติไทย จบเพียงอันดับที่ 4 ของกลุ่มจี ไม่ผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย โดยมีแต้มตามหลัง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แชมป์กลุ่มถึง 9 คะแนนและมีแต้มตามหลัง เวียดนาม อันดับสองอยู่ 8 แต้ม โดยตอนนี้ ไทย มี 9 แต้มเท่าเดิม

ยิ่งการที่แพ้ให้กับ มาเลเซีย ทำให้ตกมาอยู่อันดับที่ 4 โดยมี 5 แต้มตามเดิม แต่อย่างไรก็ตาม ทีมชาติไทย ไม่ต้องไปเล่นรายการ เอเชี่ยน คัพ รอบเพย์ออฟ

เพราะเทียบกันแล้ว ไทย เราเองอยู่ในกลุ่มทีมอันดับ 4 ที่ดีที่สุด ทำให้เกมรอบคัดเลือก เอเชียน คัพ ทัพช้างศึก จะได้ไปรอเล่นในเกมรอบคัดเลือกรอบ 3

จากปัจจุบันในการจัดอันดับทีมในรอบคัดเลือกนี้ เราอยู่อันดับ 7 ซึ่งเป็นโถที่ 2 เท่านั้น ดีที่เกมรอบคัดเลือกรอบนี้ไม่หินนัก โอกาสที่จะจบสองอันดับแรก แล้วไปวาดลวดลายในรอบสุดท้าย ยังคงมีความเป็นไปได้อยู่มากครับ

แม้เส้นทางในฟุตบอลโลก 2022 นั้นจบลงไปแล้ว แต่งานของทัพช้างศึกยังคงไม่จบลง แม้จะยังมีบททดสอบอีกมาก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องฟันฟ่าไป หากทีมชาติไทย ยังคงหวังในการไปเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย อยู่ละก็ มีแต่ต้องพยายามกันต่อไปครับ

Posted in บทความฟุตบอล

จากจะลุ้นเข้ารอบต่อไป แบบที่เคยทำได้ กลับกลายเป็นว่า ทีมชาติไทย ของเรา ตกรอบเรียบร้อยครับ หมดสิทธิ์เข้ารอบต่อไป หมดหวังจะไปลุยฟุตบอลโลกปี 2022 อย่างเป็นทางการแล้ว ได้แต่มอง เวียดนาม ชาติเพื่อนบ้าน แซงหน้ากันไป แต่อย่างไรก็ตาม โปรแกรมนัดสุดท้าย ที่ทีมชาติไทย จะฟาดแข้งกับ ทีมชาติมาเลเซีย ในวันอังคารที่ 15 มิถุนายน ที่สนามอัล มัคตูม ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยังมีผลต่อ ทีมชาติไทย กับ เอเชียน คัพ อยู่ครับ

ซึ่งจะเป็นอะไรนั้น ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะขออธิบายให้ฟัง เพื่ออย่างน้อยยังมีแรงใจส่งแรงเชียร์ไปให้ทัพนักเตะไทย ในการแข่งขันนัดสุดท้ายของรายการนี้

ทีมชาติไทย กับ เอเชียน คัพ รอบคัดเลือก

ไทย กับ มาเลย์ เพื่อนรักกอดคอตกรอบกันไปทั้งคู่แล้ว โดยทั้งสองทีมจะมีโปรแกรมดวลกันในวันที่ 15 นี้ แต่ที่สำคัญยังมีตั๋ว เอเชียน คัพ 2023 รอบคัดเลือก ซึ่งทีมไหนจบอันดับสาม จะได้ตั๋วใบนี้ไปนั่นเองครับ

ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดของทั้งสองทีม ทีมชาติไทย แข่ง 7 นัด มี 9 คะแนน ชนะ 2 นัด เสมอ 3 นัดและแพ้ 2 นัด ยิง 9 เสีย 8 ประตู อยู่อันดับที่ 3 ส่วน ทีมชาติมาเลเซีย มี 9 คะแนน แข่ง 7 นัด ชนะ 3 นัดและแพ้ 4 นัด ยิงได้ 9 ประตู เสีย 12 ประตู เรียกว่าสูสีกันพอสมควร เกมนี้จึง ไม่มีใครยอมใครอย่างแน่นอน ด้วยศักดิ์ศรี ฟุตบอลอาเซียน เตะกันลืมตายแน่นอน

เทียบกันแล้วต่างกันด้วยจำนวนประตูได้เสีย ส่วนเกมแรกที่ ไทย เจอ มาเลเซีย ผลปรากฏว่า ทีมชาติไทย แพ้ ทีมชาติมาเลเซีย 1-2 ชนิดที่ว่าช็อค แฟนบอลกันไป ผิดหวังกันทั้งประเทศ

ส่วนเกมนี้ กุนซือ ตัน เชง โฮ ออกมาสัมภาษณ์ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายในการเจอทีมชาติไทย เพราะพวกเขาได้พักมากกว่าเรา ส่วน ดาตุ๊ก ยูซอฟฟ์ ผู้จัดการทีมชาติมาเลเซีย กล่าวว่า เราต้องโฟกัส เกมที่จะเจอกับทีม เปรียบดั่งภารกิจเสี่ยงตาย ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น

โค้ชต้องเตรียมความพร้อมในนัดนี้และเอาชัยชนะฝากแฟนบอลให้ได้ โดยเราแพ้มาแล้ว 4 เกมติดต่อกัน รวมแมตช์อุ่นเครื่อง เราต้องการกู้ศักดิ์ศรีของเรากลับคืนมาและต้องการได้ไปเล่นในรายการเอเชี่ยน คัพ รอบคัดเลือก

ส่วนทางฝั่งทีมชาติไทย อากิระ นิชิโนะ ก็นำแข้งช้างศึกลงสนามฝึกซ้อมต่อเน่อง โดยเน้นเกมรุกเป็นพิเศษและการยืนตำแหน่งเกมรับ ที่เป็นปัญหาคาราคาซัง ส่วนการให้สัมภาษณ์ตอนนี้ กุนซือชาวญี่ปุ่น ยังไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

แต่สถานการณ์ล่าสุด นิชิโนะ จะเดินทางกลับญี่ปุ่น เพื่อทำธุระส่วนตัว และจะกลับมาส่งรายงาน สรุปผลงาน ให้กับทางสมาคมต่อไป ทว่า นักฟุตบอลทีมชาติ ในแคมป์บางส่วน ก็อัพเดท ชีวิต พร้อมแคปชั่น ผ่านทางแอ๊คเค้าท์ส่วนตัว แบบไม่หยุดหย่อน

ซึ่งก็ตามไปดูกันได้ครับ ส่วนการทำงานรอบนี้ ถือว่าเงียบ ข่าวคราวไม่ได้ถูกเปิดเผยอะไรมากนัก แต่ผลงานโดยรวมถือว่า น่าผิดหวังเป็นอย่างมาก

แต่เชื่อว่า ทีมชาติไทยก็หวังชัยชนะในเกมนี้เช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นจะผิดหวังมากไปอีกและอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลังจากจบรายการนี้ ซึ่งอย่างน้อยควรจบอันดับสาม เพื่อได้สิทธิ์ไปแข่งขันรายการ เอเชี่ยน คัพ รอบคัดเลือกนำมาฝากชาวไทยให้ได้

บทสรุป

ทีมชาติไทย ยังคงต้องหวังผลในเกมกับ มาเลเซีย อยู่ เพราะแม้โควต้าการไปคัดเลือก เอเชียน คัพ รอบ 3 จะได้ไปทั้งอันดับ 3 และอันดับ 4 แต่ผลแพ้ชนะ ยังคงมีผลต่อคะแนน ฟีฟ่าแรงค์กิ้ง ซึ่งจะยังมีผลต่อการจัดอันดับทีมในรอบคัดเลือกอยู่ดีครับ

Posted in บทความฟุตบอล

โควิด ระบายก็เครียดพอแล้ว แต่ว่า ผลการแข่งขันทั้งสองนัดล่าสุดที่ผ่านมา ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ของ ทีมชาติไทย ทำให้กระแสโซเชี่ยลรุกฮือเป็นไฟ แฟนบอลต่างผิดหวังกันทั้งประเทศ เพราะทีมชาติไทย ตกรอบอย่างแน่นอนแล้ว ทั้งที่ครั้งก่อน ทีมชาติไทย สามารถทะลุถึงรอบ 12 ทีมสุดท้าย มาแล้ว

ความผิดหวังครั้งนี้ สาเหตุเกิดจากอะไร การวางแผน แทคติกที่ผิดพลาด ของ อากิระ นิชิโนะ หรือ การติดโควิดของบุคลากรในการเข้าแคมป์ทีมชาติ จนเสียเวลาถึง 14 วัน หรือ นักเตะของเราไม่ดีพอ ตรงนี้หลายท่านก็ทราบกันอยู่บ้าง

แต่วันนี้ ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพูดถึง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีราทร บุญมาทัน ส่งผลกระทบต่อ ทีมชาติไทย ครั้งนี้อย่างไร

ผลกระทบจากการขาดสองนักเตะเจลีก ต่อ ทีมชาติไทย

ชนาธิป สรงกระสินธ์

นับว่าเป็นเรื่องที่เสียหายครั้งใหญ่ ทั้งที่มีข่าวดีว่า เจ้าเจ ได้ตกลงมาร่วมแคมป์ทีมชาติ ทว่าเกิดบาดเจ็บซ้ำขึ้นระหว่างการซ้อม ต้องพักฟื้นตัวประมาณสองสัปดาห์ ซึ่งความจริงแม้ว่าเกมแรกที่ ไทย พบ อินโดเนเซีย ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร มิดฟิลด์วัย 23 ปีจาก เลสเตอร์ ซิตี้ จะโชว์ฟอร์มได้อย่างดี แต่เอาเข้าจริง ธนวัฒน์ เองเพิ่งเข้าแคมป์ทีมชาติเป็นครั้งแรก ทำให้หลายจังหวะ ยังไม่เข้าใจกับเพื่อนร่วมทีม แม้ผลงานส่วนตัวในสนาม จะโชว์ฟอร์มแบบเหนือคลาส มากกว่าเพื่อนร่วมทีมก็ตามแตกต่างจาก เจ้าเจ ที่แม้เอาเข้าจริง การจ่ายบอล การออกบอล ก็ไม่ได้เหนือกว่า มิดฟิลด์จากเลสเตอร์ ซิตี้ มากนัก ทว่า เจ เอง รับใช้ชาติมาพอสมควร ผ่านประสบการณ์มาอย่างมาก ทำให้พอรู้นิสัย ใจคอเพื่อนร่วมทีม ว่าแข้งรายไหน มีนิสัยอย่างไร การเล่นในสนามเป็นอย่างไร ไม่ต้องปรับตัว มาพร้อมกับการที่ เจ้าตัวสามารถดึงตัวประกบได้อีกด้วย พร้อมสกิลเลี้ยงบอลแบบทะลุทะลวง อีกทั้งยังมีทีเด็ดจากแถวสอง ซึ่งสองเกมที่ผ่านมา ทีมชาติไทย ขาดตรงนี้อย่างมาก ไม่มีเพย์เมกเกอร์ ที่สร้างสรรค์เกมรุกได้อย่างเต็มที่ พร้อมลูกทีเด็ด เฉพาะทาง รวมถึงจังหวะยิงไกล ทำให้ การสร้างสรรค์เกมรุกของทีมชาติไทย ด้อยประสิทธิภาพอย่างมาก นี่ยังไม่พูดถึง ธีรศิลป์ แดงดา ที่ร้างกายไม่ฟิตสมบูรณ์ ทำให้เกมรุกย่ำแย่ไปอีก การขาดนักเตะประสบการณ์สูง ยิ่งกับทัวร์นาเม้นต์สำคัญแบบนี้ ยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ อย่างไรก็ตาม ทัพนักเตะไทย ที่ได้รับใช้ชาติชุดนี้ ก็ทำผลงานได้อย่างเต็มที่แล้วครับ แม้ผลการแข่งขันจะไม่เป็นใจ แต่ก็ต้องเชียร์กันต่อไป

ธีราทร บุญมาทัน

ตรงนี้ผู้เขียนคิดว่า หนักกว่าการขาดหายไปของ เจ ชนาธิป สงกระสินธ์ เพราะลางมาไม่ได้ดีตั้งแต่ โปรแกรมอุ่นเครื่องแล้ว เกมรับรั่วเหลือเกิน รั่วจนแบบต้องอุทานว่า อะไรกันครับเนี่ย!! นอกจาเซ็นเตอร์ที่โคตรเหวอ ตำแหน่งที่เป็นปัญหาอันใหญ่หลวง เรียกได้ว่า เป็นบ่อน้ำมันชั้นดี จนประเทศอาหรับยังอาย นั่นก็คือแบ็คซ้ายนั่นเองครับ แมตช์ แรก อากิระ นิชิโนะ ได้ใช้ เอร์เนสโต้ ภูผา แบ็คซ้ายสมุทรปราการ ซิตี้ ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทัพ บีจี ปทุม เอฟซี โชว์ฟอร์มได้โคตรย่ำแย่ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมเสียประตูโดยเฉพาะแมตช์แรก ที่เจอกับ อินโดนีเซีย เรียกได้ว่า ชิบหายกันเลยครับท่าน ไม่รู้จะตื่นสนามไปไหน ยืนตำแหน่งมั่วหมด ถึงขั้นโดนเปลี่ยนออกช่วงครึ่งหลัง แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว ใจจริงไม่อยากจะโทษอะไรเจ้าตัวมากครับ แต่เกมแบบนี้ ไม่น่าจะพลาด ทั้งที่เป็นตัวหลักตลอดในการสวมเสื้อ สมุทรปราการ ซิตี้ แท้ๆ ซึ่งตำแหน่งนี้เอาเข้าจริง ยังมี เจ้าพี ศศลักษณ์ ไหประโคน แต่ นิชิโนะ กลับไม่ใช้งานเสียอย่างนั้น แบบนี้เราจะไม่นึกถึง ธีราทร บุญมาทัน ได้อย่างไร เพราะสกิลของเขา คลาสของเขา เรียกได้ว่าเบอร์หนึ่งทีมชาติไทยในตำแหน่งแบ็คซ้าย เป็นแข้งเบอร์ต้นๆ ของประเทศไทย ประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึงครับ เคยเจ็บหนักมาก่อน แต่น่าเสียดาย ที่เจ้าตัวเป็นห่วงเรื่องอนาคตของตัวเองระหว่างสโมสร รวมถึงครอบครัวด้วย ตรงนี้อยากให้แฟนๆ เข้าใจครับ แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ ไม่อย่างนั้นผลการแข่งขันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ เพราะทีเด็ดเรื่องการออกบอล จ่ายบอลตัดผ่านแนวรับ รวมถึงลูกเซ็ตพีทต่างๆ เจ้าตัวทำได้ดีอย่างมากครับ แถมอ่านเกมขาด นิ่งอย่างมาก ถ้าติดทีมชุดนี้ ก็เป็นกัปตันนั่นเอง นำน้องๆ ฝ่าฟันในศึกสำคัญครั้งนี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ครั้งหน้าค่อยว่ากันใหม่ สุดท้าย ผิดหวังกันไปครับ กับ ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกครั้งนี้ รอไปกันไปอีกแล้ว

บทสรุป

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องร่วมส่งแรงใจเชียร์กันต่อไปครับ ไม่ใช่ว่าเรามาผิดที่ผิดทาง หากไม่ดูผลงานแค่ในสนาม ดูผลงานนอกสนาม ถือว่าสมาคมกำลังปรับเปลี่ยนให้มันถูกต้อง เข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่าสักแต่ด่าครับ อดีตก็คืออดีต แถมเป็นอดีตที่ฉาบฉวยครับ ตอนนั้นด่าสาปส่งกัน ตอนนี้มาคิดถึง ผู้เขียนคิดว่ามันแปลกประหลาด และ คิดว่า ข้อมูลหลายๆ อย่าง มันชัดเจนมากครับ ว่าอะไรเป็นอะไร

อย่างไรก็ตาม อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปครับ แต่ถ้ามันย่ำแย่จริงๆ จะดราม่า เดือดดาล ก็คงไม่แปลก แต่อยากให้อยู่ในขอบเขต ช่วงนี้ สถานการณ์มันแย่ไปหมดครับ เก็บเน็ตไว้อย่างอื่นดีกว่า หรือเก็บเน็ตเปลี่ยนจากแรงด่ามาเข้าเวป ufabet ดีกว่า คุณจะมีโอกาสได้รับทรัพย์ ซึ่งมีประโยชน์มากกว่าไปพ่นมลพิษบนโลกโซเชียลครับ

Posted in วิเคราะห์บอลวันนี้

หลังจากที่สวมเบอร์สิบ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่นัดแรกที่ติดทัพ ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย แม้ผลการการแข่งขันจะทำให้แฟนบอลผิดหวังไปตามๆกัน หลังทำได้เพียงเสมอกันไป 2-2 แต่ความหวังใหม่ก็ได้เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น เมื่อ “เจ้ากันต์ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดแสนประทับใจ ทั้งการออกบอล การจ่ายบอล การหาช่อง คลาสฟุตบอลของเขาเหนือกว่าเพื่อนร่วมชาติ แม้จะมีอายุเพียง 21 ปี ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวกำลังค้าแข้งให้กับ “จิ้งจอกสีน้ำเงินเลสเตอร์ ซิตี้ ยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีก ซึ่งเคยมีชื่อติดบนม้านั่งสำรองในเกมชุดใหญ่ ที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาแล้ว

วันนี้ ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับมิดฟิลด์อนาคตใหม่ของ ทีมชาติไทย รายนี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง

ประวัติของ “เจ้ากันต์”ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร

ธนวัฒน์ ซึ่งจิตถาวร เป็นคนสุพรรณบุรี ตั้งแต่กำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2000 ก่อนที่ครอบครัวและเจ้าตัวจะย้ายไปอยู่ประเทศฝรั่งเศส ตอนที่มิดฟิลด์รายนี้อายุ 6 ขวบ

หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล และทางครอบครัวก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งอันที่จริงเจ้าตัวเล่นตั้งแต่สมัยยังอยู่ที่ประเทศไทย จนได้เริ่มต้นได้ลงเล่นระดับเยาวชนกับ อาแอส นอยน์เคิร์ช สโมสรระดับท้องถิ่น

ต่อมาเจ้าตัวทำผลงานได้ดี จนไปเตะตาแมวของจากสโมสร น็องต์ซี่ ทีมระดับ ลีกเดอซ์ ฝรั่งเศส หรือลีกรองสูงสุดของประเทศฝรั่งเศส ทำให้ทางสโมสรได้เจรจาดึงตัว เจ้ากันต์ มาร่วมทีม

โดยเจ้าตัวค้าแข้งให้กับ น็องต์ซี่ ในชุดเยาวชนเป็นเวลาถึง 7 ฤดูกาล ในช่วงนั้น เจ้ากันต์ สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนถึงขั้นติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดเยาวชน ตั้งแต่ รุ่นอายุ 16 ปี และ 17 ปี

ซึ่งเจ้าตัวเคยได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติฝรั่งเศส ชุดยู-17 มาแล้วอีกด้วย หลังจากนั้นเจ้าตัวก็พัฒนาฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ จนสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมี คุณอัยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เป็นประธานสโมสร ได้ทำการดึงตัวมิดฟิลด์ดาวรุ่งผู้นี้มาร่วมทีมชุดเยาวชน ในปี 2020 นั่นเอง

โดยมิดฟิลด์ร่างเล็กที่อายุได้ 21 ปี ได้เป็นแข้งตัวหลักทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ชุดเยาวชน โดยแข่งขันในพรีเมียร์ลีก 2 (คล้ายลีกสำรองในยุคก่อน) ซึ่งอยู่ในการคุมทัพของ สตีฟ บีเกิ้ลโฮล ซึ่งให้โอกาสมิดฟิลด์สัญชาติไทยได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง

ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่เกมพรีเมียร์ลีก 2 ที่ เลสเตอร์ ซิตี้ พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2020 โดย เจ้ากันต์ ซัดสองประตูพาพลพรรคจิ้งจอกชุดเล็ก เอาชนะ ปีศาจแดง ได้ 4-2 อีกด้วย

ซึ่งฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง มาพร้อมกับการอ่านเกม อ่านจังหวะได้เด็ดขาด การจ่ายบอลและการสอดขึ้นมาทำประตูได้ ทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือทีมชุดใหญ่ ตัดสินใจมอบโอกาสครั้งสำคัญให้กับ เจ้ากันต์ โดยให้ขึ้นมาซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่อีกด้วย

จนเจ้าตัวมีโอกาสติดชื่อเป็นตัวสำรองในกับที่ เลสเตอร์ ซิตี้ พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันที่ 5 เมษายน ปีนี้นั่นเอง สำหรับไอดอลหรือบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจให้เจ้าตัว นั่นก็คือ อันเดรส อิเนียสต้า มิดฟิลด์ระดับตำนานของทีมชาติสเปนและสโมสรบาร์เซโลน่า รวมถึง ชนาธิป ทรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเล็ก แข้งรุ่นพี่ทีมชาติไทยและสโมสร คอนซัปโดเล่ ซัปโปโร

ในส่วนของการติดทัพทีมชาติไทยชุดใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อ อากิระ นิชิโนะ เฮ้ดโค้ชชาวญี่ปุ่น ได้ตัดสินใจเรียก ธนวัฒน์ ซึ่งจิตถาวร ติดธงเป็นครั้งแรก โดยหลังจากการซ้อม นิชิโนะ ได้เอ่ยปากออกมาชื่นชม เจ้ากัน ชนิดที่ว่าแฟนบอลชาวไทยได้ตั้งความหวังไว้สูงที่แล้ว ซึ่งจากเกมที่พบอินโดนีเซีย

แม้ผลการแข่งขันจะไม่เป็นดั่งใจ แต่ชาวไทยก็ได้เห็นกับตา ว่ามิดฟิลด์วัย 21 ปีรายนี้ ฝีเท้าเป็นอย่างไร ซึ่งทำให้ความหวังแห่งทีมชาติไทยได้ถือกำเนิดขึ้นมากลายๆ ตรงนี้ก็อยู่ที่ว่า อีกสองโปรแกรมที่เหลือ เจ้าตัวจะยังรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองได้หรือไม่

ที่สำคัญแข้งรายอื่นภายใต้สีเสื้อฟุตบอลทีมชาติไทย จะสามารถเค้นฟอร์มเก่ง คว้าชัยชนะ 2 นัดที่เหลือเพื่อการเข้ารอบต่อไปในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก

ซึ่งเราในฐานะชาวไทยก็ร่วมส่งแรงใจช่วยกันเชียร์ เป็นกำลังใจให้นักกีฬา ทำผลงานได้อย่างเต็มที่ นำความสุขกลับคืนสู่บ้านเราในช่วงที่อะไรก็แย่ไปหมดแบบนี้

Posted in บทความฟุตบอล