รู้จักกับ “ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก” รายการชิงแชมป์ยุโรปที่หลายคนมองข้าม

หากให้พูดถึงถ้วยแชมป์ที่เป็นความฝันสูงสุดของนักฟุตบอลในระดับสโมสร ทุกคนแทบจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” อย่างไรก็ตามยังมีรายการชิงแชมป์ยุโรประดับรองลงมาที่แฟนบอลทั้งหลายต่างคุ้นชื่อเป็นอย่างดีคือรายการ “ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก” ในอดีตบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรปต่างไม่ให้ความสำคัญกับถ้วยเล็ก แต่ช่วงหลังความนิยมกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การแข่งขันที่เข้นข้นขึ้น ยิ่งการเพิ่มรางวัลแชมป์เป็นตั๋วไปลุยถ้วยใบใหญ่ได้แบบอัตโนมัติความจริงจังในการลงสนามของแต่ละสโมสรที่เข้าร่วมยิ่งสูงขึ้นด้วย ครั้งนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จึงจะขอพาเพื่อนๆไปทำความรู้จักกับรายการ ยูโรป้า ลีก ให้มากกว่าเดิมกันครับ

ประวัติความเป็นมา

เดิมทีการแข่งขันฟุตบอลประจำปีระหว่างสโมสรฟุตบอลจากประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรประดับสองมีชื่อว่า “ยูฟ่า คัพ” ซึ่งเป็นไปตามชื่อขอผู้ดูแลอย่าง สหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่านั้นเอง การแข่งขันครั้งแรกถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1971 โดยมีรูปแบบการแข่งขันแบบแพ้คัดออกอย่างเดียวเท่านั้น ต่อมาในปี 2004 ได้มีการเพิ่มการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มเข้ามาเสริมด้วย จนกระทั่งภายใต้การนำของประธานสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป มิเชล พลาตินี่ ที่เข้ามารับตำแหน่งในปี 2007 ก็มีแนวคิดให้รายการชิงแชมป์สโมสรระดับสามอย่าง ยูฟ่า อินเตอร์โตโต้ คัพ ยุบการแข่งขันจึงได้มีการรวบเข้ากันกับรายการ ยูฟ่า คัพ ในฤดูกาล 2009/2010 และได้เปลี่ยนชื่อรายการมาเป็น ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก อย่างที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้รูปแบบการแข่งขันการคัดตัวแทนสโมสรของแต่ละประเทศให้ดูที่ตามค่าสัมประสิทธิ์ของยูฟ่าก่อน โดยประเทศที่มีค่าสัมประสิทธิ์ตั้งแต่ระดับ 7-9 ส่งทีมเข้าร่วมได้ 4 ทีม(3 ทีมจากอันดับ 1 ทีมจากแชมป์บอลถ้วย) ส่วนประเทศอื่นๆนอกเหนือจากนั้นส่งทีมเข้าร่วมได้ 3 ทีม (2 ทีมจากอันดับ 1 ทีมจากแชมป์บอลถ้วย) และมี 3 ประเทศที่เป็นกรณีพิเศษคือ อันดอร์รา และ ซานมารีโน ที่เอาแชมป์ และ รองแชมป์รายการฟุตบอลถ้วยเข้าร่วม ส่วน ลิกเตนสไตน์ ส่งได้เฉพาะทีมที่ชนะเลิศฟุตบอลถ้วยเท่านั้น

• การแข่งขันรอบคัดเลือกแข่งขันแบบแพ้คัดออกทั้งหมด 3 รอบ
• การแข่งขันรอบเพย์ออฟจะเหลือทั้งหมด 42 ทีม
• การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มจะมีสโมสรที่เข้าร่วมทั้งหมด 48 ทีม มาจาก 12 ทีมที่ชนะเลิศฟุตบอลถ้วยจากสมาคมอันดับที่ 1–12, 1 ทีมที่จบอันดับสี่ของลีกในประเทศจากสมาคมอันดับที่ 5, 4 ทีมที่จบอันดับห้าของลีกในประเทศจากสมาคมอันดับที่ 1–4, 21 ทีมที่ผ่านรอบเพย์ออฟ และ 10 ทีมที่ตกรอบจากแชมเปียนส์ลีกรอบเพลย์-ออฟ โดยจะเอาทีมแชมป์กลุ่ม และรองแชมป์กลุ่มผ่านเข้าไปสู่รอบต่อไป
• การแข่งขันรอบน็อคเอาท์ มีทีมที่เข้าร่วมทั้งหมด 32 ทีม มาจาก 24 จากรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านการคัดเลือก และ 8 ทีมที่จบอันดับสามในแชมเปียนส์ลีกรองแบ่งกลุ่ม แข่งกันแบบเหย้า-เยือน เรื่อยๆ จนเหลือเพียง 2 ทีมสุดท้าย
• รอบชิงชนะเลิศ แข่งขันแบบนัดเดียวจบ ลงเล่นกันที่สนามกลางที่ผ่านการคัดเลือกจากยูฟ่า

ทำเนียบแชมป์ ยูโรป้า ลีก

• เซบีย่า เป็นทีมที่เก็บไปได้มากที่สุดในขณะนี้(2020) ได้ไปทั้งหมด 6 ครั้ง
• สโมสรที่ครองถ้วยแชมป์ได้ 3 ครั้งมีทั้งหมด 4 ทีมคือ อินเตอร์ มิลาน, ลิเวอร์พูล, ยูเวนตุส และ แอตเลติโก มาดริด
• สโมสรที่ได้แชมป์ 2 ครั้งมีมากถึง 8 ทีมคือ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค, ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์, เฟเยนูร์ด, ไอเอฟเค โกเตบอร์ก, เรอัล มาดริด, ปาร์ม่า, ปอร์โต้ และ เชลซี
• ด้านสโมสรที่เก็บแชมป์ได้สมัยเดียวมีกว่า 15 ทีมคือ อันเดอร์เลท, อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม, พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น, ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต, อิปสวิช ทาวน์, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, นาโปลี, บาเยิร์น มิวนิค, ชาลเก้ 04, กาลาตาซาราย, บาเลนเซีย, ซีเอสเคเอ มอสโก, เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, ชัคตาร์โดเนตสค์ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทั้งข้อดี และข้อเสียในรายการเดียวกัน

อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า สโมสรระดับยักษ์ใหญ่ของยุโรปไม่มีทีมไหนที่อยากหล่นมาลงเล่นใน ยูโรป้า เท่าไหร่นัก ซึ่งมาจากหลายปัจจัยทั้งโปรแกรมการแข่งขันที่ลงต้องลงเตะมากขึ้น, การเดินทางที่ไกลแสนไกลทั่วยุโรป และข้อที่เห็นชัดที่สุดคงเป็นเรื่องเงินรางวัลที่แม้จะลงเตะแทบตายแต่รายได้ที่เข้ามาสู่สโมสรก็แตกต่างจากถ้วยใบใหญ่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หลายเท่า ซึ่งปัจจุบันเงินรางวัลรวมทั้งรายการของยูโรป้า ลีก อยู่ที่ 490 ล้านปอนด์เท่านั้น หากเอาไปแบ่งให้ทีมต่างก็ไม่คุ้มเอาเสียเลยแม้แต่ทีมแชมป์ก็ตาม ผิดกับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ได้เงินรางวัลอัดฉีดรวมถึง 1700 ล้านปอนด์แบบลิบลับ ทว่าทัวร์นาเม้นต์เล็กก็มีข้อดีอยู่เช่นกัน อย่างแรกเลยคือทีมที่เข้ามาเล่นบางทีมจะได้โอกาสให้ดาวรุ่งได้ลงเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพราะมีเกมให้ลงเล่นเยอะ ต่อมาคือมีใบเบิกทางไปสู่รายการใหญ่รออยู่ที่ปลายทาง, สปอนเซอร์ยังคงเข้ามาเรื่อยๆ และสุดท้ายรายการนี้ก็ถือเป็นสถานที่เรียกความมั่นใจชั้นดี เนื่องจากทีมที่เข้าร่วมไม่แกร่งมาก หากคว้าถ้วยรางวัลมาครองได้ก็ถือว่าเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์ของยุโรปเช่นกัน