สำหรับฟุตบอลแล้ว การยิงจุดโทษ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่มองข้ามไม่ได้เลย เพราะเกมการแข่งขันบางนัด มาจากการยิงจุดโทษ ทำให้นักเตะที่จะมารับหน้าที่ยิงจุดโทษนั้น ถือว่าสำคัญพอสมควร และเป็นสิ่งที่สโมสรฟุตบอลต้องมี โดยวันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะมายกตัวอย่าง จอมสังหารจุดโทษ พรีเมียร์ลีก ว่ามีใครกันบ้าง

จอมสังหารจุดโทษ พรีเมียร์ลีก มีใครกันบ้าง

แม้ว่าฟุตบอลอังกฤษ ในนามทีมชาติ จะไม่ค่อยมีโชค เรื่องการยิงลูกจุดโทษ สักเท่าไหร่ ยิ่งกับทัวร์นาเม้นต์สำคัญต่างๆ โดยล่าสุดที่เจ็บปวดหัวใจของพวกเขา คือการแพ้การดวลจุดโทษให้กับ ทีมชาติอิตาลี ในศึก ฟุตบอลยูโร รอบชิงชนะเลิศ คาสนามเวมบลี่ย์ สังเวียนเหย้าของตนเอง

ทำได้เพียงเป็นแค่รองแชมป์ แต่ตรงนี้ เราจะมาพูดกันถึง จอมสังหารลูกจุดโทษ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยเรียง 5 อันดับ ในการซัดลูกจุดโทษ เริ่มตั้งแต่

  • มาร์ค โนเบิ้ล

เริ่มต้นกันอันดับที่ 5 เป็นทาง มาร์ค โนเบิ้ล กองกลางระดับตำนาน ของสโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมจากกรุงลอนดอน โดยเป็นเด็กปั้นของสโมสร อยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน ซึ่งจบฤดูกาล 2021/22 เขาจะประกาศแขวนสตั๊ด โดยสังหารลูกจุดโทษได้ไป 27 ลูก

แต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่สามารถเพิ่มสถิติเป็นลูกที่ 28 อย่างสุดเศร้า หลังจากเกมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ปะทะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมา สังหารจุดโทษ ในช่วงท้ายเกม แต่ดันซัดไปติดเซฟ ผู้รักษาประตู แต่ก็ยังมีโอกาส ในการทำประตู จากลูกจุดโทษได้อีก เพราะยังเหลือการแข่งขัน อีกหลายนัด

  • เซร์คิโอ อเกวโร่

ตำนานกองหน้าของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่าง กุน อเกวโร่ กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ โดยอยู่กับทีมมายาวนานเป็นเวลา 10 ปีเต็ม พาทีมกวาดแชมป์ และความสำเร็จ มาอย่างมากมาย พร้อมกับเป็น กองหน้าเบอร์หนึ่งของทีม

ด้วยผลงานอันสุดยอด ยามฟิตลงสนาม โดยรับหน้าที่สังหารลูกจุดโทษ ยิงไปได้ทั้งหมด 27 ประตู โดยปัจจุบัน กำลังค้าแข้งให้กับ บาร์เซโลน่า ยอดทีมในศึกลาลีกา สเปน

  • สตีเว่น เจอร์ราร์ด

ตำนานของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยกองกลางที่เรียกว่า เป็นตำนานเบอร์ต้นๆ ของสโมสรได้เลยทีเดียว โดย เจอร์ราร์ด ที่เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ สัญชาติอังกฤษ รับใช้สโมสรอย่างยาวนาน

โดยเจ้าตัว รับหน้าที่สังหาร ลูกจุดโทษของทีม โดยทำไปได้ทั้งหมด 32 ประตู ก่อนจะย้ายออกจากทีม ไปในปี 2015 ปัจจุบัน ผันตัวมาเป็นกุนซือ กำลังพา เรนเจอส์ โลดแล่นบนลีกสก็อตแลนด์

  • แฟรงค์ แลมพาร์ด

มิดฟิลด์โคตรโหด ที่มีสถิติยิงประตู เป็นกอบเป็นกำ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แฟรงค์ แลมพาร์ด กองกลางของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี โดยเจ้าตัวเป็น ตำนานเบอร์หนึ่งของทีม พร้อมเป็นฟันเฟืองสำคัญ พาทีมประสบความสำเร็จมากมาย

ซึ่งเจ้าตัวซัดลูกจุดโทษไปได้ถึง 43 ลูก เรียกได้ว่าคมกริบ ปัจจุบันแขวนสตั๊ด และว่างงาน หลังจากโดน เชลซีทีมรัก ปลดออกจากตำแหน่งในซีซั่นก่อน

  • อลัน เชียร์เรอร์

กองหน้าฉายา “ฮ็อตช็อต” อลัน เชียร์เรอร์ ที่มีดีกรีเป็น ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แบบที่ยากที่ใครจะเทียบเคียง ค้าแข้งให้กับหลากสโมสรเช่น เซาแธมป์ตัน, แบล็คเบิร์น และ นิวคาสเซิ่ล ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2006

เจ้าตัวรับหน้าที่สังหารจุดโทษเป็นประจำ และสามารถกระหน่ำไปถึง 56 ประตู เรียกได้ว่า ยิงเยอะอย่างมาก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีใครที่สามารถ ทำลายสองสถิติสุดโหด อย่าง ดาวซัลโวสูงสุดของลีก และดาวซัลโวสูงสุด ของการยิงลูกจุดโทษ ได้หรือไม่

Posted in บทความฟุตบอล

ปิดฉากกันไปแล้วสำหรับรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 แม้ครั้งนี้กระแสจะเงียบเหงาไปบ้างจากสถานการณ์อันย่ำแย่ในช่วงนี้ แต่หากทัวร์นาเม้นต์รอบนี้ ยังคงความสนุกสุดมันกันอย่างเช่นเคย พร้อมกับมีการทำประตูเกิดขึ้นอย่างมากมาย วันนี้ทีมงาน ufa.soccer จะกางทำเนียบ ดาวซัลโว ยูโร 2020 ว่ามีใครกันบ้าง โดยจะนับเฉพาะนักเตะที่ยิงเกิน 3 ประตูขึ้นไป

ดาวซัลโว ยูโร 2020

3 ประตู

  • จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม

จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม มิดฟิลด์แข้งใหม่ป้ายแดงของ สโมสรบาร์เซโลน่า วัย 30 ปี สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติฮอลแลนด์ พร้อมกับบัญชาเกมแดนกลางได้อย่างสนุกสนาน แถมยังซัดไป 3 ประตูตลอดทัวร์นาเม้นต์นี้

โดยยิงนัดที่ ฮอลแลนด์ ชนะ ยูเครน 3-2 ในรอบแรกของกลุ่มซี ต่อด้วยซัดอีก 2 ประตู ในเกมนัดที่สามของกลุ่มซี ที่ ฮอลแลนด์ เอาชนะ นอร์ธ มาเซโดเนีย 3-0

  • โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

โคตรกองหน้าวัย 32 ปี เจ้าของดาวซัลโวบุนเดสลีกา ฤดูกาลล่าสุด สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติโปแลนด์ ลุยศึกยูโร 2020 ครั้งนี้ น่าเสียดายที่เจ้าตัวลงเล่นเพียงสามนัดเท่านั้นและจอดอยู่แค่เพียงรอบแรก ฝากไว้กับผลงาน 3 ประตู

โดยประตูแรกยิงในเกมที่ โปแลนด์ เสมอกับ สเปน 1-1 ต่อมาเกมที่สอง ทำได้สองประตูในเกมที่ โปแลนด์ พ่ายให้กับ สวีเดน 2-3

  • แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก

อีกหนึ่งกำลังสำคัญของทีมชาติเดนมาร์กชุดนี้ กองหน้าของสโมสรนีซ วัย 23 ปี ดอลเบิร์ก โชว์ฟอร์มในทัวร์นาเม้นต์นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นส่วนสำคัญยิ่งกับการเล่นเกมรุกของชาติ ลงสนาม 4 นัด จัดไป 3 ลูก

โดยทำได้ในเกมที่ เดนมาร์ก ชนะ เวลส์ 4-0 ซึ่ง ดอลเบิร์ก ซัดไป 2 ประตู ส่วนอีกเกมคือนัดที่ เดนมาร์ก คว่ำ สาธารณเช็ก 2-1 ยิงได้ 1 ประตู

  • อัลบาโร โมราต้า

ศูนย์หน้าทรงผมเท่ห์ วัย 28 ปีรายนี้ ยังเป็นที่ครหาของแฟนบอล อย่างไรก็ตาม ทัวร์นาเม้นต์นี้ จัดการทำประตูไปได้ 3 ประตู จากนัดที่ลงสนาม แม้ว่าสถิติจะดูไม่แย่ แต่จากโอกาสที่มี ถือว่าน่าผิดหวัง

ทำประตูได้ในเกมที่ สเปน เสมอ โปแลนด์ 1-1 ต่อมา ยิงได้ในเกมที่ เอาชนะ โครเอเชีย และ ปิดท้ายอีก 1 ประตู กับเกมที่พบกับ ทีมชาติอิตาลี ก่อนที่จะไปไม่ถึงรอบชิงชนะเลิศ

  • ฮาริส เซเฟโรวิช

ศูนย์หน้าประสบการณ์สูงวัย 29 ปี ของสโมสรเบนฟิก้า ทำผลงานได้ดีพอสมควร พาทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ ไปไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยจัดการยิง 3 ประตูจาก 5 นัดที่ลงสนาม

เกมแรกยิงได้ในเกมที่ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ ตุรกี 3-1 และ เซอร์ไพรส์ในเกมที่ สวิสเซอร์แลนด์ เอาชนะ ฝรั่งเศส ไปได้ โดย เซเฟโรวิช ยิงได้ 2 ประตูในเกมนั้น

  • เซอร์ดาน ชากีรี่

ปีกสำรองอดทนของสโมสรลิเวอร์พูล วัย 29 ปี เป็นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญที่ช่วยให้ สวิตเซอร์แลนด์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไปไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ชากีรี่ ลากเลื้อยและทำประตูได้ 3 ลูก

เกมแรก ที่ สวิตเซอร์แลนด์ เสมอกับ เวลส์ 1-1 เจ้าตัวแอสซิสต์ไป 1 ลูก ส่วนเกมที่ ชนะ ตุรกี ชากีรี่โชว์ฟอร์มโหด ซัดไป 2 ประตูและเกมที่พ่ายให้กับ สเปน เจ้าตัวสวมปลอกแขนกัปตันทีม ยิงได้ 1 ประตู

  • ราฮีม สเตอร์ริ่ง

ปีกซ้ายวัยจี๊ดของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ วัย 26 ปี เป็นขุมกำลังสำคัญแบบไม่เคยขาด ลงสนาม 6 นัด ยิงได้ 3 ประตู โดยเกมแรกยิงได้ในนัดที่ อังกฤษ เฉือนชนะ โครเอเชีย 1-0 ต่อมาก็ยิงประตูได้ในเกมที่ชนะ สาธารณเช็ก 1-0 โดยสองเกมแรกเจ้าตัวเป็นผู้ซัดประตูชัย ต่อมารอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็ยิงได้ ในเกมที่ชนะ เยอรมัน

และปิดท้ายกับการแอสซิสต์ 1 ลูก ในเกมที่ชนะ ยูเครน น่าเสียดายที่เจ้าตัวไม่สามารถช่วยชาติคว้าแชมป์ยูโรไปครอง หลังพ่ายอิตาลี

4 ประตู

  • คาริม เบนเซม่า

กลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง ก็โชว์ฟอร์มได้สุดปังปุริเย่ สำหรับ เบนเซม่า โคตรกองหน้าวัย 33 ปี จากเรอัล มาดริด ระเบิดฟอร์มทัวร์นาเม้นนี้ ลงสนาม 3 นัด ยิงได้ 4 ประตู โดยทำได้ในเกมที่ ฝรั่งเศส เสมอ โปรตุเกส 2-2 เบนเซม่า กดไป 2 ตุงและอีกเกมที่พลิกล็อคพ่ายให้กับ สวิตเซอร์แลนด์ ยิงได้ 2 ประตู

น่าเสียดายที่ เขาและเพื่อนๆ ไม่สามารถพา ฝรั่งเศส ไปไกลกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ทั้งที่เป็นทีมเต็งแชมป์

  • แฮร์รี่ เคน

ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุด วัย 27 ปี รายนี้ รับหน้าที่สมปลอกแขนทีมชาติ พาทีมไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ไม่อาจช่วยชาติให้เป็นแชมป์ได้ ทำได้เพียงเป็นรองแชมป์อย่างน่าเจ็บปวด โดยยิงไป 4 ประตู เครื่องมาร้อนเอารอบน็อคเอ้าท์

โดยเกมแรก ยิงได้ในนัดที่ อังกฤษ ชนะ เยอรมัน 2-0 เคน ยิงได้ 1 ประตู ต่อมากับเกบ ยูเครน ทำไป 2 ประตูและนัดเจอกับ เดนมาร์ก ยิงไปได้ 1 ประตูด้วยกัน

  • โรเมลู ลูกากู

ดาวยิงจากสโมสรอินเตอร์ มิลาน วัย 28 ปีรายนี้ เขาไม่ได้มาเล่นๆ สถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกไปแล้ว ทัวร์นาเม้นต์นี้ ทำได้ 4 ประตูจาก 5 นัดที่ลงสนาม โดยเกมแรกที่เอา เบลเยี่ยม ชนะ รัสเซีย 3-0 เจ้าตัวซัดไป 2 ลูก

ต่อมา เกมที่ชนะ ฟินแลนด์ 2-0 ลูกากู ยิงไปได้ 1 ประตูและปิดท้ายในเกมที่ เบลเยี่ยม แพ้ อิตาลี 1-2 ลูกากู ซัดไป 1 ตุงด้วยกดัน

  • เอมิล ฟอร์สเบิร์ก

แข้งสารพัดประโยชน์ในเกมรุกของสโมสรแอร์เบ ไลป์ซิกและทีมชาติสวีเดน วัย 29 ปี ผู้ซึ่งเป็นเดอะแบกของเกมรุกทีมชาติอย่างแท้จริง โดยเจ้าตัว ซัดไป 4 ประตู จาก 4 นัดที่ลงสนาม ยิงได้ในนัดที่ สวีเดน เฉือนชนะ สโลวาเกีย 1-0

ต่อมาเครื่องร้อน ยิงได้ 2 ประตูในเกมที่ สวีเดน เฉือนชนะ โปแลนด์ สุดมัน 3-2 และปิดท้ายด้วยเกมที่แพ้ ยูเครน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-2 ฟอร์สเบิร์ก ยิงได้ 1 ประตู เท่ากับว่ากองหน้ารายนี้ ซัดประตูติดต่อกันสามนัด

5 ประตู

  • แพทริค ชิค

ศูนย์หน้าวัย 25 ปี ของสโมสรไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นและสาธาณรัฐเช็ก ยิงได้ 5 ประตูจาก 5 นัดที่ลงสนาม ถือว่าจมูกไวและเป็นแข้งที่เซอร์ไพรส์ในการติดโผดาวซัลโวทัวร์นาเม้นต์นี้ โดย เกมที่ สาธารณรัฐเช็ก ชนะ สก็อตแลนด์ 2-0 เจ้าตัวเหมาคนเดียว

ต่อมา ซัด 1 ประตู ในเกมที่ เสมอกับ โครเอเชีย 1-1 ตามด้วยการทำเซอร์ไพรส์เอาชนะ ทีมชาติฮอลแลนด์ 2-0 โดยยิงได้ 1 ประตู ปิดท้ายกับเกมที่แพ้ เดนมาร์ก 1-2 ชิค ยิงได้ 1 ประตูด้วยกัน

  • คริสเตียโน่ โรนัลโด้

อายุ 35 ทำอะไรกองหน้าในประวัติศาสตร์รายนี้จะฟอร์มแผ่วลงได้เลยสำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยกองหน้าของสโมสรยูเวนตุสและทีมชาติโปรตุเกส เป็นเดอะแบกในแผงเกมรุกของชาติ ยิงได้ 5 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ จาก 4 นัดที่ลงสนาม

โดยยิง 2 ประตูในเกมที่ โปรตุเกส เอาชนะ ฮังการี 3-0 ต่อมายิง 1 จ่าย 1 ในเกมที่ โปรตุเกส พ่าย เยอรมัน 2-4 และปิดท้ายกับเกมที่เสมอกับ ฝรั่งเศส 2-2 แผงฤทธิ์จัดไป 2 ลูก น่าเสียดายที่พวกเขาจอดเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น ไม่แน่ว่า โรนัลโด้ อาจจะยิงเยอะกว่านี้ก็เป็นได้

Posted in บทความฟุตบอล

ในวงการฟุตบอล มีนักเตะเก่งกาจมากมาย ที่เคยสร้างสรรค์ผลงานให้โลกจดจำ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งไหน แต่สายตาทุกคู่ส่วนใหญ่ มักจับตาดูฟอร์มการเล่นและผลงานของตำแหน่งศูนย์หน้าเสียมากกว่า เพราะเป็นตำแหน่งที่ตัดสินใจการทำประตู จังหวะสำคัญและโมเม้นต์ต่างๆ การยิงประตูในนัดสำคัญ ลูกประตูสุดสวย หรือเปลี่ยนสถานการณ์ สร้างตำนาน ประวัติศาสตร์ วันนี้ทีมงาน ufa.soccer ฺจัดอันดับ 10 อันดับนักเตะ ดาวซัลโวทีมชาติ ที่ทำประตูสูงสุดตลอดกาล ในโปรแกรมทีมชาติที่ได้รับการรับรองจากฟีฟ่า จะเป็นใครกันบ้าง ตามมาดูกันครับ

รายนาม ดาวซัลโวทีมชาติ สูงสุดตลอดกาล

10. คูนิชิเงะ คามาโมโตะ

คูนิชิเงะ คามาโมโตะ กองหน้าตำนานทีมชาติญี่ปุ่น ซัดไป 75 ประตูจาก 76 นัดในนามทีมชาติ เป็นดาวยิงสูงสุดของทีมชาติญี่ปุ่น โดยติดทีมชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 รวมระยะเวลาถึง 13 ปีด้วยกัน ค้าแข้งให้กับสโมสรเดียวยันแขวนสตั๊ด นั่นก็คือ ยันม่าร์ ดีเซล ซึ่งปัจจุบันคือสโมสร เซเรโซ โอซาก้า ยอดทีมในศึกเจลีก 1 นั่นเอง ก่อนจะแขวนสตั๊ดและผันตัวเป็นผู้จัดการทีม ปัจจุบันออกจากวงการฟุตบอลเต็มตัว ด้วยอายุอานามที่มากแล้ว เรียกได้ว่า เขาคือกองหน้าเบอร์ 1 ของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

9. ซานดอร์ คอกซิส

ซานดอร์ คอกซิส กองหน้าทีมชาติฮังการี ที่ทำประตูไปถึง 75 ประตู จาก 68 นัดที่ลงสนามในนามทีมชาติ โดยเริ่มติดทีมชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ติดทีมชาติเป็นเวลา 8 ปี ส่วนเกียรติประวัติในสโมสรก็ถือว่าเป็นแข้งระดับท็อป เริ่มต้นจากสโมสรในบ้านเกิด ก่อนจะไปโด่งดังกับ บาร์เซโลน่า โคตรทีมจาก ลาลีกา สเปน พร้อมคว้ารางวัลส่วนตัวและรางวัลถ้วยแชมป์กับสโมสร อย่างมากมาย แต่น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 49 ปี เท่านั้น

8. อาลี มับคูต

อาลี มับคูต ชื่อนี้แฟนบอลชาวไทยคุ้นหูกันดี เพราะเวลาเจอกับทีมชาติไทยเมื่อไหร่ มักแผลงฤทธิ์ ทำประตูได้ตลอด กับดาวยิงสูงสุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี ยิงได้ถึง 76 ประตูจากการลงสนามให้ในนามทีมชาติ 93 นัด เป็นดาวยิงสูงสุดของชาติ ติดทีมชาติเมื่อปี พ.ศ. 2552 ปัจจุบันอายุ 30 ปี ยังคงโลดแล่นในการติดทีมชาติต่อไปและการเป็นแข้งระดับตำนานของสโมสร อัล จาซิรา สโมสรในลีกของประเทศ ซึ่งเจ้าตัวยังค้าแข้งอยู่ในปัจจุบัน

7. เปเล่

ในโลกของฟุตบอล ไม่มีใครไม่รู้จักชายผู้นี้ ตำนานที่ยังมีลมหายใจ “ไข่มุกดำเปเล่ โคตรกองหน้าแซมบ้าทีมชาติบราซิล จัดการประตูไปถึง 77 ประตู จากการลงสนาม 92 นัด ลงเล่นฟุตบอลโลกถึง 4 สมัยและคว้าแชมป์ได้ 3 สมัย เป็นดาวยิงสูงสุดของทีมชาติบราซิล ว่ากันว่าเจ้าตัวยิงได้ทะลุพันประตู แต่ไม่ได้รับการรองรับหรือมีการบันทึกเอาไว้ ส่วนผลงานในสโมสร โด่งดังกับ ซานโต๊ส เป็นตำนานของสโมสรอีกด้วย คว้าแชมป์มากมายให้กับสโมสร รวมถึงคว้ารางวัลส่วนตัวเต็มตู้ ยิงประตูคู่แข่งเป็นว่าเล่น ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก ที่เคยมีมา

6. ฮุสเซน ซาอีด

ฮุสเซน ซาอีด เจ้าของดาวยิงตลอดกาลของทีมชาติอิรักด้วยผลงานยิงไปถึง 78 ประตูจากการลงสนาม 127 นัด เริ่มติดทีมชาติชุดใหญ่ในปี พ.ศ. 1976 เคยพาชาติไปลุยฟุตบอลโลกในปี 1986 มาแล้วรวมถึง โอลิมปิก เกมส์ ก็ติดถึง 3 ครั้ง ส่วนข้อมูลในสโมสร ลงเล่นให้กับ ทีม อัล-ตาลาบา ปัจจุบันอายุ 63 ปี แต่ในช่วงนั้นเป็นยุคทองของประเทศอิรัก ผลงานระดับชาติ กวาดแชมป์เป็นว่าเล่น เคยเป็นพี่ใหญ่ครองในภูมิภาค ชนิดที่ว่าทีมอื่นตามทันยาก

5. ก็อดฟรีย์ ชิตาลู

ก็อดฟรีย์ ชิตาลู ไม่ใช่แค่เป็นดาวยิงสูงสุดของประเทศแซมเบีย แต่ยังเป็นนักเตะที่ทำประตูสูงสุดในระดับทีมชาติของทวีปแอฟริกากันเลยทีเดียว ซัดไปถึง 79 ประตู จากการลงสนาม 108 นัด ส่วนผลงานในสโมสรเล่นให้กับ คิตวี ยูไนเต็ด และ คับเว วอร์ริเออร์ แต่น่าเศร้าที่เขาเสียชีวิต ร่วมกับนักเตะทีมชาติแซมเบีย รวมถึงเจ้าหน้าที่และลูกเรือ ในระหว่างการเดินทางไปแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 1994 รอบคัดเลือก

4. เฟเรนซ์ ปุสกัส

เฟเรนซ์ ปุสกัส ยอดนักเตะทั้งในนามทีมชาติและสโมสร โดยเขาคือแข้งคนสำคัญของชาติ สังหารไป 84 ประตู จากการลงสนาม 85 นัดให้กับทีมชาติ เริ่มติดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2488 รวมถึงเคยเล่นให้กับทีมชาติสเปน 4 เกมด้วย ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีกฏอะไรมากมาย ส่วนผลงานกับสโมสร โด่งดังกับ เรอัล มาดริด พร้อมพาสโมสรกวาดแชมป์มากมาย รวมถึงรางวัลส่วนตัวอีกนับไม่ถ้วน รวมถึงชื่อของเจ้าตัว ยังถูกมาใช้ในการแจกรางวัลลูกยิงยอดเยี่ยมประจำปีเป็นรางวัลที่ ฟีฟ่า ได้จัดตั้งขึ้น ตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปัจจุบัน

3. มอคห์ตาร์ ดาฮารี 

มอคห์ตาร์ ดาฮารี ยอดดาวยิงสูงสุดของทีมชาติ มาเลเซีย เพื่อนบ้านของเรานี่เอง เป็นตำนานของทีมชาติ ยิงไปถึง 89 ประตู จากการลงสนาม 142 นัด เคยพาทีมชาติมาเลเซีย ไปลุยศึกฟุตบอลโอลิมปิก เกมส์ มาแล้วอีกด้วย ผลงานในสโมสร เล่นให้กับ สโมสรเซลังงอร์ ยิงประตูให้กับสโมสรเป็นกอบเป็นกำ รวมถึงลงเล่นให้รายการ เอเชี่ยนคัพ และ รายการอื่นๆ อีกมากมาย

2. คริสเตียโน่ โรนัลโด้

แ้ม้อายุเข้าวัย 36 ปี แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังโชว์ฟอร์มได้เหมือนวัยแรกรุ่น รักษาสภาพความฟิตดีเยี่ยม โดยล่าสุด เจ้าตัว ยิงได้ 109 ประตู จากการลงสนาม 177 นัด และมีทีท่าว่าจะทำลายสถิติของอันดับที่ 1 ได้ในเร็วๆ นี้ เพราะ โรนัลโด้ สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติโปรตุเกส พาทีมลุยศึกฟุตบอลยูโร 2020 ที่สำคัญ ร่างกายยังฟิตเปรี๊ยะ ยังมีเวลาค้าแข้งอีกนาน ส่วนผลงานในสโมสร ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งการเริ่มโด่งดังกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก่อนย้ายไปเติบโตกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส สโมสรปัจจุบัน รวมถึงเป็นนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของโลกฟุตบอล

1. อาลี ดาอี

อาลี ดาอี ยังเป็นสถิติที่ยังไม่มีใครตามได้ แต่คาดว่าคงจะถูกทำลายเร็วๆ นี้ โดยเขาเป็นตำนานกองหน้าทีมชาติอิหร่านและเป็นดาวยิงสูงสุด จัดการล่าตาข่ายไปถึง 109 ประตู จากการลงสนาม 149 นัด ติดทีมชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ส่วนผลงานในสโมสร เริ่มเล่นให้กับสโมสรภายในประเทศก่อนโด่งดังจนเคยถึงขั้นไปเล่นบุนเดสลีกามาแล้ว โดยเคยเป็นนักเตะของสโมสร บาเยิร์น มิวนิค อีกด้วย แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามนี่คือกองหน้าที่ยิงประตูได้สูงสุดในนามทีมชาติ ณ ขณะนี้

Posted in บทความฟุตบอล

ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง นอกจากการแข่งขันที่สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ กับทัวร์นาเม้นต์การแข่งขันฟุตบอล ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ยูโร 2020 นั่นก็คือ ใครจะเป็นตัวเต็งที่จะคว้ารางวัล ดาวซัลโวในการแข่งขันรอบสุดท้ายนี้ไปครอง ซึ่งวันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA ได้คัด 5 ตัวเต็ง ดาวซัลโว ยูโร 2020 ที่จะคว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ไปครอง จะมีรายชื่อไหนตรงใจเพื่อนๆ หรือไม่ เรามาติดตามดูกันเลยครับ

แต่ก่อนอื่น ถ้าเพื่อนๆ อยากเดิมพันสนุกๆ ว่า ใครจะเป็นดาวซัลโวกันแน่ เวปไซต์ Ufabet ได้เปิดรับ เดิมพัน ดาวซัลโว ด้วยนะครับ อยากให้เพื่อนๆ ลองเข้าไปทายกันได้

มีโอกาสได้กำไร เป็นกอบเป็นกำแบบไม่รู้ตัวอีกด้วย หรือจะเดิมพันบอลเดี่ยว บอลชุด กับรายการนี้ก็ได้ครับ มีเลือกเล่นแบบครบวงจร เรียกได้ว่า ยกมาอยู่บนหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ส่งตรงถึงคุณเลยครับ

5 ตัวเต็ง ดาวซัลโว ยูโร 2020

5. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โคตรกองหน้าจากสโมสรบาเยิร์น มิวนิค และ ทีมชาติโปแลนด์ เพิ่งผงาดคว้ารางวัล ดาวซัลโว ด้วยเจ้าของสถิติ 41 ประตู ในบุนเดสลีกา แซงสถิติ แกร์ท มุลเลอร์ ได้สำเร็จ พร้อมพาต้นสังกัดบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ลีกไปได้อีกสมัย

ผลงานจากสโมสรยังสุดยอด ทว่าผลงานในทีมชาติ แน่นอนว่า เจ้าตัว อันตรายอยู่แล้ว เสียดายที่สภาพแวดล้อมเพื่อนร่วมชาติไม่เอื้ออำนวนเหมือนตอนอยู่กับสโมสร ที่มีแข้งระดับพระกาฬพร้อมช่วยเหลือ

แน่นอนว่า ใครที่เจอกับ โปแลนด์ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ เลวานฯ ทำอะไรได้ถนัดอยู่แล้ว โดนประกบติดตามเป็นเงาแน่นอน ด้วยเหตุนี้อาจทำให้เจ้าตัวไม่สามารถผลิตสกอร์ช่วยชาติได้เป็นกอบเป็นกำ

เพราะเจ้าตัวยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้ารายเดียวอยู่แล้ว แถมแข้งด้านหลังก็ไม่ดีพอที่จะสามารถซัพพอร์ตช่วยจ่ายบอล ให้เจ้าตัวหาจังหวะจบสกอร์ได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้ เลวานดอฟสกี้ จึงเป็นเต็งห้าของเรา

4. แฮร์รี่ เคน

อย่าเพิ่งด่ากันนะครับ สำหรับอันดับ 5 นั่นก็คือ ดาวยิงเบอร์หนึ่งของทีมชาติอังกฤษคนปัจจุบันและโคตรกองหน้าของสโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รายนี้ ผลงานการลงเล่นให้ทีมชาติ 55 นัด ยิงได้ 34 ประตู ย่อมมีโอกาสที่จะเป็นเต็งหนึ่งในสามด้วยซ้ำ

ยังไม่รวมรางวัลดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020/21 ที่เจ้าตัวซัดไป 23 ประตู อีกทั้งบอลโลกปี 2018 คว้ารางวัลดาวซัลโวหลังกดไป 6 ประตู ทำไมเจ้าตัวถึงอยู่อันดับที่ 4 ก็เพราะว่า แผนการเล่นของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ตอนนี้ยังต้องจูนทัพพอสมควร

แม้แข้งส่วนใหญ่จะดูดีมีความหวังมากกว่ายุคที่สตาร์เต็มที่ แต่ผลงานไม่เข้าตา ซึ่งนักเตะหลายรายต้องการพิสูจน์ตัวเอง ด้วยความกำลังมั่นใจ อาจทำให้ทีมเวิร์คอาจขาดหายไป มีความเห็นแก้ตัวบ้างในบางจังหวะ อย่างไรก็ตาม แฮร์รี่ เคน ไม่ใช่จะไม่มีโอกาสในการทำประตู ซึ่งลูกจุดโทษเจ้าตัวก็เหมาอยู่แล้ว แถมอย่าให้เขามีช่องว่างในการทำประตู

ซึ่งก็อยู่ที่ว่า 11 ตัวจริงของทีมชาติอังกฤษจะนิ่งพอหรือยัง เพราะจากที่ดูแล้ว ตัวกุนซือน่าจะปวดหัวในการจัดทัพพอสมควร ถ้าหากเลือกตัวผู้เล่นที่ลงตัวได้เมื่อไหร่ โอกาสที่ เคน มีโอกาสได้ดาวซัลโวมีสูงอยู่เหมือนกัน ดังนั้นจึงให้อยู่เต็ง 4 ไปก่อน

3. คริสเตียโน่ โรนัลโด้

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่มีอะไรที่ต้องสงสัยว่าทำไมเขายังอยู่เต็งสาม แนวรุกที่อายุอานามจะเข้าสู่วัย 36 ปีเข้าไปแล้ว แต่ยังรักษาสภาพความฟิตไว้ได้อย่างดีเยี่ยม แถมเจ้าตัวสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติ ยังกระหายชัยชนะไม่หยุดหย่อน พร้อมยิงประตูได้ทุกโอกาส ได้ไม่สนใจใคร แข้งเพื่อนร่วมชาติต้องหาจังหวะประเคนหรือจ่ายบอล ให้เจ้าตัวสับไกได้ตามใจชอบอยู่แล้ว

ปัจจุบัน โรนัลโด้ ยังคือทุกอย่างของ โปรตุเกส โดยเฉพาะทัวร์นาเม้นต์สำคัญในช่วงหลัง อย่างฟุตบอลยูโร 2016 ฟุตบอลโลกปี 2018 เจ้าตัวแบกจนหลังแอ่น แต่ยังดีที่ขุมกำลังชุดปัจจุบัน มีแข้งหน้าสนใจหลายรายและพร้อมจะเล่นอย่างเข้าขากับ กัปตัน อยู่แล้ว

โดยเฉพาะ บรูโน่ เฟร์นานเดส ที่พร้อมจะแอสซิสต์ถวายพานได้ทุกเมื่อ รวมถึง น้องเล็กอย่าง ชูเอา เฟลิกซ์ ยังมีความเกรงใจให้ลูกพี่อยู่บ้าง อาจจะส่งบอลให้ กัปตันทีม ของเขาทำประตูในจังหวะที่ควรจะจ่ายให้

2. คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้

เต็งหนึ่งของปีนี้ คือ ฝรั่งเศส ดีกรีแชมป์โลกปี 2018 เมื่อกางรายชื่อนักเตะดูแล้ว แกร่งจนไม่รู้จะแข็งแกร่งยังไง นี่ขนาดนักเตะที่โดนตัดรายชื่อออกไป ศักยภาพยังเหนือกว่าบางชาติด้วยซ้ำ เมื่อกลางดูตำแหน่งมิดฟิลด์ โอ้โห มีให้เลือกใช้หลายราย นักเตะทุกคนเรียกว่าเวิร์ลคลาส

แล้วแบบนี้ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ จะไม่ถูกตั้งให้เป็นเต็งสองที่จะคว้าดาวซัลโวได้อย่างไร สำคัญที่สุด เอ็มบัปเป้ เอง เป็นนักเตะเล่นสไตล์ชงเองกินเอง ได้อยู่แล้ว ด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด การเลี้ยงบอลที่ยากจะหยุดยั้ง พร้อมจังหวะจบสกอร์ที่เฉียบคมใช้ได้ เจ้าตัวแทบไม่ต้องพึ่งพาใคร

ขอแค่แดนกลางด้านหลังของเขา ยืนตำแหน่งดี จ่ายบอลมาให้เขา เขาพร้อมจะจบงานด้วยตัวเอง ยังไม่รวมกองหน้าที่จะเจ้าตัว จะได้เล่นคู่กันอีก ทั้ง เบนเซม่า หรือ กรีซมันน์ เองก็ตาม พวกนี้ไม่มีหวงบอลกันอยู่แล้ว

ตรงนี้ก็อยู่ที่ว่า เอ็มบัปเป้ จะยังรักษามาตรฐานเดิมได้หรือไม่ เหมือนตอนที่ทำได้ในศึกฟุตบอลโลกปี 2018 ได้หรือเปล่า ในเกมที่ฝรั่งเศส จะพบ เยอรมัน ต้องมาดูกันอีกทีว่า กองหน้าแห่งอนาคตรายนี้ จะสร้างความแตกต่างอะไรได้บ้างไหม

1. โรเมลู ลูกากู

จงอย่าได้หาเทียบฟอร์มตอนอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะตอนนี้ ลูกากู กับผลงานใน อินเตอร์ มิลาน มันบ่งบอกทุกอย่างแล้ว น้ำหนักตัวที่ลดลง การจับบอลดูที่ดีขึ้น แต่จังหวะจบสกอร์ที่เรียกว่ารับหยุดให้กับ อินเตอร์ฯ พร้อมพาทีมเถลิงแชมป์สคูเต็ตโด้ได้อย่างยิ่งใหญ่

เป็นดาวซัลโวของทีม ซัดไป 30 ประตูจาก 44 นัดรวมทุกรายการ แถมศึกฟุตบอลยูโรครั้งนี้ ทีมชาติเบลเยี่ยม เป็นหนึ่งในทีมเต็งเหมือนกัน ลูกากู คือเบอร์หนึ่งในตำแหน่งกองหน้าอยู่แล้ว เมื่อหันไปมองด้านหลัง มี เควิน เดอ บรอยน์ และ ยูริ ติเลอมองส์ คอยสนับสนุนในการจ่ายบอล สร้างสรรค์เกมรุกให้ ลูกากู หาจังหวะใส่สกอร์

ยังไม่รวม สองพี่น้องอาซาร์ ที่คอยสนับสนุนด้านข้าง หรือจะ ยานนิก การ์ราสโก้ ก็ไม่ได้มีความหวงบอลแต่อย่างใด เรียกได้ว่า ลูกากู มีผู้สนับสนุนที่แทบจะเพรียบพร้อมไม่ต่างจาก เอ็มบัปเป้ กับฝรั่งเศส เผลอๆ อาจจะดีกว่าเล็กน้อยอีกด้วย

ซึ่งเกมแรก ลูกากู เอง ซัดไปสองประตู ในนัดที่ เบลเยี่ยม ถล่ม รัสเซีย 3-0 ไปแล้วด้วย แล้วแบบนี้ เต็งหนึ่งจะหนีเจ้าตัวไปไหนได้ แต่ไม่ใช่ว่ายิงนัดเดียวแล้วไม่ยิงอีกเลย อะไรก็เกิดขึ้นได้

บทสรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับ 5 ตัวเต็ง ที่ทีมงานคัดมาเน้นๆ มีตรงใจเพื่อนๆ กันบ้างไหม แต่ถ้ายังไม่ตรงใจ อยากจัดด้วยตัวเอง ทีมงานขอแนะนำ เวป Ufabet มีการเดิมพันให้ลุ้นกันว่า ใครจะเป็นดาวซัลโว กับศึก ยูโร 2020 นี้ รับรองว่าสนุกแน่ครับ ทายถูกเตรียมรับทรัพย์กันได้เลย แล้วกับกันใหม่กับบทความหน้าครับ

Posted in บทความฟุตบอล

ตั้งแต่การแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี ศ.ส. 1960 จนถึงปัจจุบัน การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป กลายเป็นทัวร์นาเม้นต์ที่ได้รับความสนใจและความนิยม เป็นรองเพียงแค่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเท่านั้น ด้วยความที่มหาอำนาจชาติลูกหนังส่วนใหญ่ อยู่ทวีปยุโรปทั้งหมด ทั้งการแข่งขันที่ตื่นเต้นเร้าใจ ชาติใหญ่ๆ เจอกันตั้งแต่รอบแรก ยิ่งทำให้น่ารับชมเข้าไปกันใหญ่ วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA ได้รวบรวมข้อมูล ดาวซัลโว ยูโร ทุกรอบตั้งแต่ ปี 1960 ถึง การแข่งขันปี 2016 ว่าใครกันบ้างเป็นดาวซัลโวของการแข่งขันรอบนั้น

ก่อนที่จะพาไปรู้ข้อมูล วันนี้ทีมงานขอแนะนำเวปไซต์ Ufabet เวปพนันออนไลน์ที่ครบวงจรที่สุดในประเทศไทย ฝาก-ถอน ง่าย จ่ายจริง การันตีคุณภาพ รวมถึงมีการเปิดรับแทงว่าใครจะได้เป็นดาวซัลโวในการแข่งขัน ยูโร 2020 ให้ได้ลุ้นกันอีกด้วยครับ

ทำเนียบ ดาวซัลโว ยูโร รอบสุดท้าย

ยุคแข่งขันกัน 4 ทีม

1. ยูโร 1960 – การแข่งขันครั้งแรกนี้ มีดาวซัลโวร่วมกันถึง 5 รายด้วยกัน ขอเริ่มจาก มิลาน กาลิช ศูนย์หน้าจากยูโกสลาเวีย สมัยนั้นค้าแข้งให้กับสโมสรปาร์ติซาน ที่ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ประเทศโครเอเชีย ตามด้วย ฟร็องซัว อ็อตต์ ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศส ที่ใช้เวลาทั้งชีวิตในการค้าแข้งภายในประเทศฝรั่งเศส, วาเลนติน อีวานอฟ ศูนย์หน้าสัญชาติสหภาพโซเวียต เป็นหนึ่งแข้งระดับตำนาน คว้ารางวัลส่วนตัวมากมายในการค้าแข้งให้กับทีมชาติและสโมสรระดับประเทศ, ดราซาน แยร์โควิช แข้งตำนานของสโมสร ดินาโม ซาเกร็บ และ ทีมชาติยูโกสลาเวีย หลังแขวนสตั๊ดเคยมีบทบาทเป็นผู้จัดการทีมอีกด้วย ปิดท้ายกับ วิคตอร์ โพเนเดลนิค อีกหนึ่งตำนานแข้งสหภาพโซเวียต พร้อมผลงานที่ยอดเยี่ยมกับสโมสรและทีมชาติ โดย 5 แข้งนี้ ทำประตูได้ 2 ลูกเท่ากันหมด

2. ยูโร 1964 – ปีนี้ มีดาวซัลโวซัดเท่ากัน 3 ราย ซึ่งยิงได้ 2 ประตูตลอดทัวร์นาเม้นต์ นำโดยสองแข้งจากทีมชาติฮังการี เดซโซ โนวัก ประสบความสำเร็จกับสโมสรในประเทศและเคยรับตำแหน่งผู้จัดการทีมมาแล้วด้วย, ฟีเรนซ์ เบเน แข้งตำนานเบอร์ต้นของประเทศก็ว่าได้ กับศูนย์หน้ารายนี้ กวาดรางวัลระดับสโมสรเป็นว่าเล่น พร้อมกับรางวัลส่วนตัวที่กวาดมาแล้วนับไม่ถ้วน รายสุดท้าย เฆซุส เปเรด้า ตำนานมิดฟิลด์ที่เคยค้าแข้งให้กับ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า พร้อมกวาดสถิติและรางวัลระดับสโมสรได้อย่างมากมาย

3. ยูโร 1968 – รอบนี้ดาวซัลโวมีเพียงรายเดียว จากประเทศยูโกสลาเวีย นั่นก็คือ ดราแกน จายิช แข้งระดับตำนานของชาติ ปีกซ้ายสายจี๊ดเบอร์ต้นๆ ของโลกในยุคนั้น คว้ารางวัลระดับสโมสรกับเร้ด สตาร์ เบลเกรดร่วมสิบโทรฟี่ โดยทัวร์นาเม้นต์นี้ซัดไป 2 ประตู เหมารางวัลเจ้าเดียวไม่แบ่งใคร

4. ยูโร 1972 – นี่คือรายการแจ้งเกิดของ แกร์ด มุลเลอร์ โคตรกองหน้าตำนานเบอร์ 1 สำหรับกองหน้า ของประเทศเยอรมันและสโมสร บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งสมัยนั้น ยังเป็น ทีมชาติเยอรมันตะวันตก โดยศูนย์หน้ารายนี้ซัดไป 4 ประตู นี่ยังไม่รวมถึงโทรฟี่ระดับสโมสรที่คว้าได้อย่างมากมายและเคยพาทีมชาติคว้าแชมป์โลกมาแล้วอีกด้วย

5. ยูโร 1976 – ดาวซัลโวยังตกเป็นของทีมชาติเยอรมันตะวันตกอีกเช่นเคย คราวนี้เป็น ดีเทอร์ มุลเลอร์ ศูนย์หน้าตัวกลาง ซัดไป 4 ประตู คว้ารางวัลเดี่ยวๆ แบบไม่แบ่งใคร และยังเป็นตำนานแข้งของสโมสร โคโลญจน์ อีกด้วย

ยุคแข่งขันกัน 8 ทีม

6. ยูโร 1980 – ก็ยังอยู่ที่เยอรมันเช่นเคย กับรางวัลดาวซัลโว กับ เคลาส์ อัลลอฟส์ ศูนย์หน้าที่ซัดไป 3 ประตูกับทัวร์นาเม้นต์นี้ โดยเจ้าตัวเป็นหนึ่งแข้งระดับตำนานของ ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ เคยคว้ารางวัลกับสโมสรและรางวัลส่วนตัวพอสมควร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอยู่ในบอร์ดสโมสรอีกด้วย

7. ยูโร 1984 – รางวัลนี้ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาจะตกเป็นของกองหน้า แต่รอบนี้ตกเป็นของมิดฟิลด์กันบ้าง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน มิเชล พลาตินี่ คนนี้นี่เอง มิดฟืลด์ตัวรุกโคตรตำนานของประเทศฝรั่งเศส ซัดไปถึง 9 ประตู ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดที่ปัจจุบันยังไม่มีใครยิงเทียบเท่าหรือมากกว่าเขาตลอดทัวร์นาเม้นต์รอบสุดท้าย เกียรติประวัติส่วนตัวคว้ารางวัลมาอย่างมากมาย เคยได้รับตำแหน่งประธานสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรปหรือ ยูฟ่า มาแล้ว

8. ยูโร 1988 – ครั้งนี้ รางวัลดาวซัลโวตกเป็นของ มาร์โก้ ฟาน บาสเท่น อีกหนึ่งโคตรกองหน้าที่ดีที่สุดของประเทศฮอลแลนด์และสโมสร เอซี มิลาน รวมถึง อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ศูนย์หน้าร่างขนาดพอดี ซัดไป 5 ประตู รับรางวัลคนเดียวไม่แบ่งใคร ส่วนผลงานระดับสโมสร กวาดแชมป์เป็นว่าเล่น เคยคุมทีมชาติฮอลแลนด์, อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และเคยรับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ของฟีฟ่า

9. ยูโร 1992 – การแข่งขันครั้งนี้ มีดาวซัลโวร่วมกัน 4 ราย ทำได้ 3 ประตูเท่ากัน เริ่มจาก เดนนิส เบิร์กแคมป์ กองหน้าสายคลาสสิค ผู้กลัวเครื่องบินเป็นชีวิตจิตใจ อีกหนึ่งกองหน้าตำนานของฮอลแลนด์และอาร์เซน่อล คว้าแชมป์ระดับสโมสรได้มากมาย ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของสโมสรอัลเมเร่ ซิตี้ ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี, โทมัส โบรลิน กองหน้าร่างหนาจากประเทศสวีเดน พเนจรค้าแข้งให้กับหลายสโมสร อาทิ เช่น ปาร์ม่า และ ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นต้น ไปที่ไหน ส่วนมากจะประสบความสำเร็จที่นั่น, เฮนริก ลาร์เซ่น มิดฟิลด์ตัวรุกที่พาเดนมาร์กคว้าแชมป์ได้ในปีนั้น ส่วนมากค้าแข้งให้กับลีกบ้านเกิดและประสบความสำเร็จพอสมควร ปิดท้ายท้ายกับ คาร์ล ไฮนซ์ รีดเล่ กองหน้าร่างเล็กชาวเยอรมัน เคยพาทีมชาติคว้าแชมป์โลกมาแล้ว รวมถึงประสบความสำเร็จกับสโมสรอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นแข้งจอมพเนจร เคยค้าแข้งให้กับ ลาซิโอ, ลิเวอร์พูล และ ฟูแล่ม มาแล้ว

10. ยูโร 1996 – รอบนี้หลายท่านน่าเคยได้ชมผ่านตามาบ้าง ดาวซัลโวครั้งนี้ นำเดี่ยว ได้รับคนเดียวไปเลย กับ “เดอะ ฮ็อตช็อต อลัน เชียร์เร่อร์ โคตรศูนย์หน้าชาวอังกฤษและสโมสร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จัดหนักไป 5 ประตู แม้ไม่สามารถพาทีมชาติได้คว้าถ้วยแชมป์ก็ตาม

ยุคแข่งขันกัน 16 ทีม

11. ยูโร 2000 – การแข่งขันปีนี้ เชื่อว่าท่านที่อ่านอยู่น่าจะเคยได้รับชมทัวร์นาเม้นต์นี้ผ่านฟรีทีวีกันมาแล้ว รางวัลดาวซัลโว มีด้วยกัน 2 คน ทำได้ 5 ประตูเท่ากัน คนแรกคือ ซาโว มิโลเซวิช ศูนย์หน้าทีมชาติยูโกสลาเวีย นักเตะที่มีประสบการณ์ในการค้าแข้งระดับ พรีเมียร์ลีก, กัลโช่ เซเรีย อา และ ลาลีกา สเปน พร้อมกวาดแชมป์ระดับสโมสรภายในประเทศกับ ปาร์ติซาน เบลเกรด มาพอสมควร รวมถึงเคยคุมสโมสรปาร์ติซาน เบลเกรด มาแล้ว กับอีกหนึ่งราย ส่งตรงจากเนเธอร์แลนด์ ทัวร์นาเม้นต์แจ้งเกิดของเขา แพทริค ไคลเวิร์ต กองหน้าชาวฮอลแลนด์ ที่ผลงานเด่นทั้งกับทีมชาติและสโมสร เริ่มต้นค้าแข้งให้กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, เอซี มิลาน, บาร์เซโลน่า รวมถึง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในช่วงสั้นๆ

12. ยูโร 2004 – เทพนิยายกรีซ การแข่งขันรอบนี้ ที่ผู้รักษาประตูบ่นกันอุบว่าลูกบอลที่ใช้ในการแข่งขัน มีความส่ายเสียเหลือกัน ดาวซัลโว ตกเป็นของ มิลาน บารอส ศูนย์หน้าจากสาธารณรัฐเช็ก จัดหนักไป 5 ประตู คว้าดาวซัลโวแบบเดี่ยวๆ อีกหนึ่งตำนานแข้งของ เช็ก และสโมสร ลิเวอร์พูล

13. ยูโร 2008 – สำหรับทัวร์นาเม้นต์นี้ นับว่าเป็นการแข่งขันที่สนุกมากพอสมควร จำบรรยากาศกระแสในช่วงนั้นได้ดีครับ บูมที่ไทยอย่างมาก โดยรางวัลดาวซัลโว ตกเป็นของ ดาวิด บีย่า กองหน้าร่างเล็กของทีมชาติสเปน ที่นอกจากพาทีมชาติคว้าแชมป์ได้แล้ว ยังซัดไปได้อีก 4 ประตู โดย บีย่า เองเป็นแข้งตำนานของสโมสรบาเลนเซีย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า กวาดแชมป์อีกมากมาย

14. ยูโร 2012 – รอบนี้พิเศษใส่ไข่ มีนักเตะยิงได้สูงสุด 3 ประตูเท่ากันจำนวนถึง 6 ราย ซึ่งรายชื่อที่จะบอกไปนี้ คุ้นหูกันอย่างแน่นอนครับ เริ่มตั้งแต่ อลัน ซาโกเยฟ แข้งเคยดังจากทีมชาติรัสเซีย ตำนานมิดฟิลด์ตัวรุกของสโมสรซีเอสเคเอ มอสโกว์, มาริโอ มานด์ซูคิช กองหน้าจมูกไว ทีมชาติโครเอเชีย ประสบความสำเร็จแทบจะทุกสโมสรที่ค้าแข้งให้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แข้งตัวรุกที่ดีที่สุดคนนึงของโลกลูกหนัง ซึ่งปัจจุบันยังคงรักษาสภาพร่างกายในการเล่นฟุตบอลระดับสูงได้อย่างดี, มาริโอ โกเมซ ศูนย์หน้าชาวเยอรมัน ช้าแต่โคตรคม หนึ่งแข้งระดับตำนานของบาเยิร์น มิวนิคและ สตุ๊ตการ์ท, เฟอร์นานโด ตอเรส กองหน้าฉายา เอลนินโญ่ พาสเปน คว้าแชมป์ยูโรได้สองสมัยติด แต่น่าเสียดายที่จุดพีคในการค้าแข้งกับสโมสรต่างๆ ผ่านไปไวเหลือเกิน ปิดท้ายกับ มาริโอ บาโลเตลลี่ อดีตวอนเดอร์คิดส์ ของทีมชาติอิตาลี ช็อตดีใจเปิดเสื้อเบ่งกล้ามหน้าท้องยังติดตามาจนถึงทุกวันนี้

ยุคแข่งขันกัน 24 ทีม

15. ยูโร 2016 – รอบนี้ได้รับรางวัลดาวซัลโวคนเดียวไปเลย สำหรับ อ็องตวน กรีซมันน์ ที่ซัดไปถึง 6 ประตู แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวและเพื่อนร่วมชาติไม่สามารถพาทีมชาติฝรั่งเศส ก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์ หลังจากพ่ายให้ โปรตุเกส ในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่ง ฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพในครั้งนั้นด้วย ปัจจุบัน กรีซมันน์ ก็เป็นหนึ่งกำลังสำคัญกับยูโร 2020 โดยชาติของพวกเขาเป็นเต็งหนึ่งในครั้งนี้อีกด้วย

บทสรุป

ก็ครบกันไปแล้วสำหรับดาวซัลโว ยูโร รอบสุดท้าย ที่ผ่านมา หลายแข้งก็ล้วนแต่เป็นนักเตะระดับตำนานมากมาย บ้างก็ยังมีชีวิตอยู่ บ้างก็ลมหายตายจากกันไปแล้ว แต่ผลงานคือหนึ่งประวัติศาสตร์อยู่ตลอดกาลครับ

ส่วน ยูโร 2020 นี้ ดาวซัลโวจะเป็นใคร เราคอยติดตามกันนะครับ แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหน อยากทายผลนักเตะที่คิดว่าจะมีโอกาส ติดดาวซัลโว ทัวร์นาเม้นต์นี้ สามารถเข้าไปเดิมพันกับ ufabet ได้เลยครับ ได้ลุ้นกันสนุกๆ แถมยังมีโอกาสได้กำไรอีกด้วย อย่าพลาดเชียว

Posted in บทความฟุตบอล

รางวัล ยูโรเปี้ยน โกลเด้น ชู หรือเรียกแบบไทยๆ ว่ารองเท้าทองคำ เป็นหนึ่งในเกียรติประวัติที่นักฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้าฝันถึง ซึ่งในช่วง 10 ปีหลังสุดมีผู้ที่คว้ารางวัลนี้มาประดับตู้โชว์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามในฤดูกาลนี้มีหลายคนที่เป็นม้ามืดแย่งชิงตำแหน่ง ดังนั้นวันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะมาสรุปสถานการณ์ล่าสุดให้เพื่อนๆ ว่าใครบ้างที่มีโอกาสค้วารางวัล ดาวซัลโว ประจำทวีปยุโรป ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นดาวยิงที่ดีที่สุดจากทั่วแผ่นดินยุโรปในฤดูกาลนี้

ดาวซัลโว ประจำทวีปยุโรป คืออะไร

ตำแหน่งดาวซัลโวยุโรปจะมอบให้กับนักเตะที่ทำคะแนนได้สูงสุดจากบรรดาผู้เล่นทุกคนที่ค้าแข้งอยู่บนลีกสูงสุดของสโมสรในทวีปยุโรป ซึ่งการนับคะแนนจะวัดกันที่จำนวนประตูที่ทำได้ แล้วเอาไปคูณกับค่าสัมประสิทธิ์ของแต่ละลีก โดยลีกระดับท็อป 5 อย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ลาลีกา สเปน, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมัน และ ลีกเอิง ฝรั่งเศส จะได้คะแนนคูณ 2 (ยิง 1 ประตู = 2 คะแนน) ด้านลีกที่ค่าสัมประสิทธิ์ถูกจัดอยู่อันดับที่ 6-21 จะได้คะแนนคูณ 1.5 (ยิง 1 ประตู = 1.5 คะแนน) ส่วนลีกที่อยู่อันดับที่ 22 เป็นต้นไปจะได้คะแนนเพียงคูณ 1 เท่านั้น (ยิง 1 ประตู = 1 คะแนน) ดังนั้นผู้ที่ได้รางวัลรองเท้าทองคำ มีโอกาสจะยิงประตูไม่ได้มากที่สุดในฤดูกาลนั้น แต่หากนำคะแนนมาคิดรวมกันแล้วผลลัพท์ออกมากกว่าก็คว้ารางวัลไปครองได้เช่นกัน

ทำเนียบดาวซัลโวยุโรป 20 ฤดูกาลหลังสุด

ครั้งนี้ทางทีมงาน ufasoccer จะพาย้อนกลับไปตั้งแต่ตั้งแต่เริ่มศตวรรษที่ 21 ว่าใครคือยอดดาวยิงกันบ้าง

  • ฤดูกาล 2000/01 : เฮนริค ลาร์สสัน, 35 ประตู (กลาสโกว์ เซลติก)
  • ฤดูกาล 2001/02 : มาริโอ ยาร์เดล, 42 ประตู (สปอร์ติง ลิสบอน)
  • ฤดูกาล 2002/03 : รอย มาคาย, 29 ประตู (เดปอร์ติโว ลา คอรุนญา)
  • ฤดูกาล 2003/04 : เธียร์รี อองรี, 30 ประตู (อาร์เซน่อล)
  • ฤดูกาล 2004/05 : เธียร์รี อองรี (อาร์เซน่อล) และ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน (บียาร์เรอัล), 25 ประตู
  • ฤดูกาล 2005/06 : ลูก้า โทนี่, 31 ประตู (ฟิออเรนติน่า)
  • ฤดูกาล 2006/07 : ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, 26 ประตู (โรม่า)
  • ฤดูกาล 2007/08 : คริสเตียโน่ โรนัลโด้, 31 ประตู (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
  • ฤดูกาล 2008/09 : ดิเอโก้ ฟอร์ลัน, 32 ประตู (แอตเลติโก มาดริด)
  • ฤดูกาล 2009/10 : ลิโอเนล เมสซี่, 34 ประตู (บาร์เซโลน่า)
  • ฤดูกาล 2010/11 : คริสเตียโน่ โรนัลโด้, 40 ประตู (เรอัล มาดริด)
  • ฤดูกาล 2011/12 : ลิโอเนล เมสซี่, 50 ประตู (บาร์เซโลน่า)**
  • ฤดูกาล 2012/13 : ลิโอเนล เมสซี่, 46 ประตู (บาร์เซโลน่า)
  • ฤดูกาล 2013/14 : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด) และ หลุยส์ ซัวเรซ (ลิเวอร์พูล), 31 ประตู
  • ฤดูกาล 2014/15 : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด), 48 ประตู
  • ฤดูกาล 2015/16 : หลุยส์ ซัวเรซ (บาร์เซโลน่า), 40 ประตู
  • ฤดูกาล 2016/17 : ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า), 37 ประตู
  • ฤดูกาล 2017/18 : ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า) 34 ประตู
  • ฤดูกาล 2018/19 : ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า) 36 ประตู
  • ฤดูกาล 2019/20 : ชิโร่ อิมโมบิเล่ (ลาซิโอ) 36 ประตู

จากทำเนียบดังกล่าวจะเห็นได้ว่าตลอด 11 ฤดูกาลหลังสุดมีผู้เล่นจากลีกลาลีกา สเปน คว้าตำแหน่งไปครองได้แทบทุกปีมีเพียงแค่ฤดูกาลล่าสุดเท่านั้นที่ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ก้าวขึ้นมาโค่นล้มสถิติลงได้

สถานการณ์ล่าสุดในฤดูกาล 2020/21

ณ เวลานี้บรรดาลีกระดับท็อปของยุโรปเข้าสู่ช่วงสุดท้ายกันแล้ว เรามาดูกันว่าผู้เล่นคนใดที่มีสิทธิ์ที่จะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำมานอนกอดได้

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (54 คะแนน)

ดาวยิงจากสโมสร “ม้าลายยูเวนตุส ทำไปแล้ว 27 ประตูให้กับต้นสังกัด แม้ทัพม้าลายจะทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในฤดูกาลนี้ เสียถ้วยแชมป์สคูเด็ตโต้ให้กับ อินเตอร์ มิลาน แน่นอนแล้ว ทำให้ต้องหยุดสถิติคว้าแชมป์ติดต่อกันไว้ที่ 9 ฤดูกาล และทีมยังต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อคว้าตั๋วไปบอลยุโรป แต่ฟอร์มส่วนตัวของ โรนัลโด้ ยังคงร้อนแรงเกมล่าสุดก็ยิงเพิ่มมาได้อีก 2 ประตู(เจอ อูดิเนเซ่) ซึ่งเกมการแข่งขันในลีกยังเหลือให้ลงสนามอีก 4 เกม เชื่อว่ายอดแข้งชาวโปรตุกีสจะโกยคะแนนเพิ่มได้อีกมากแน่นอน

ลิโอเนล เมสซี่ (56 คะแนน)

ปีนี้ยอดแข้งของ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ซัดไปแล้ว 28 ประตู เกมล่าสุดที่เจอกับ บาเลนเซีย ก็เพิ่งจะยิงเบิ้ลช่วยทีมคว้า 3 คะแนนเต็ม ยังคงพาต้นสังกัดไล่ล่าแชมป์อย่างเต็มตัว ขณะที่ยังมีเกมให้เก็บคะแนนเพิ่มอีก 4 นัด ซึ่งจากคุณภาพของ เมสซี่ ที่คว้ารางวัลดาวซัลโวยุโรปมาได้แล้วถึง 6 ครั้งในชีวิต ยังคงน่าจับตามองว่าจะเก็บคะแนนเพิ่มมาได้มากเพียงใด ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่าคะแนนของเขาจะไม่หยุดไว้เพียงแค่นี้

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (72 คะแนน)

ตัวเต็งจ๋าในฤดูกาลนี้ เป็นเพชรฆาตจากซุ้ม “เสือใต้บาเยิร์น มิวนิค ที่กระหน่ำประตูไปแล้ว 36 ลูกในฤดูกาลนี้ โดย เลวานดอฟสกี้ เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดแห่งยุค แต่กลับไม่เคยมีชื่อคว้ารางวัลเลยแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยโชคร้ายที่เกิดมาอยู่ในยุคของสองปีศาจ โรนัลโด้ และ เมสซี่ หรือด้วยลีกที่ค้าแข้งมาตลอดอย่าง บุนเดสลีกา เสียเปรียบเรื่องจำนวนนัดที่ลงสนามเนื่องจากมีทีมเข้าร่วมต่อฤดูกาลเพียง 18 สโมสรเท่านั้น ผิดกับลีกระดับท็อปที่มี 20 สโมสรกันหมด แต่จากคะแนนที่นำห่างแบบสุดกู่ และการแข่งขันของทุกลีกเข้าสู่ช่วงไม่ถึง 5 เกมสุดท้ายแล้ว มีโอกาสสูงเหลือเกินที่หัวหอกชาวโปแลนด์จะสุขสมหวังคว้ารางวัลรองเท้าทองคำมาครองได้เสียที

…ซีซั่นนี้หากไม่มีข้อผิดพลาดอะไรเราจะได้ดาวซัลโวยุโรปหน้าใหม่ที่คู่ควรเหลือเกินกับรางวัลรองเท้าทองคำ และดูเหมือนว่าลมแห่งยุคสมัยเริ่มเข้าสู่กันเปลี่ยนแปลงแล้ว แม้กองหน้าดาวรุ่งอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ จะยังไม่สามารถขึ้นมาท้าชิงแย่งตำแหน่ง ดาวซัลโว ได้ แต่จากจำนวนประตูที่ทำได้ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้าน 2 ยอดแข้งแห่งยุคก็โรยราลงทุกที แม้ปีนี้พวกเขายังคงไว้ลายได้ แต่ด้วยสังขารที่เพิ่มขึ้นคงใกล้เต็มทนแล้วที่ตำแหน่งดาวซัลโวยุโรปจะเปลี่ยนมือจากพวกเขาไปตลอดกาล..

Posted in ทีเด็ดบอลเต็ง