หากเอ่ยชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แน่นอนว่าไม่มีใครรู้จักเขา เพราะนี่คือหนึ่งนักเตะที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอลในปัจจุบันและเมื่อเขาแขวนสตั๊ด ก็จะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดี่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เจ้าตัวโลดแล่นอยู่ในวงการฟุตบอลอย่างยาวนาน จนปัจจุบันแม้จะอายุถึง 36 ปี เป็นตัวเต็งที่จะเป็นผู้เล่นที่ ยิงสูงสุดในนามทีมชาติ เพราะยังรักษาสภาพร่างกายได้อย่างดี ฟิตพร้อมสมบูรณ์ที่จะลงสนามช่วยทีมได้อีกนาน

ปัจจุบันกำลังพาทีมชาติโปรตุเกส ป้องกันแชมป์ศึกยูโร 2020 โดยรับหน้าที่สวมปลอกแขนกัปตันทีม ล่าสุดเจ้าตัว ซัดไปแล้ว 2 ประตูในรอบแรก รวมแล้วมีสถิติทำประตูสูงสุดตลอดกาล เทียบเท่ากับ อาลี ดาอี วันนี้ทีมงานจะแนะนำผลงานของ โรนัลโด้ ในทีมชาติ ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

เส้นทางการติดทีมชาติ ของ โรนัลโด้

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1985 หรือ พ.ศ. 2528 เกิดที่เมือง ฟุนชาล มาไดร่า ประเทศ โปรตุเกส เริ่มเล่นในตำแหน่งปีกและกองหน้า ฉายแววเก่งตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มเล่นให้กับสโมสร อันโดรินญ่า และ ย้ายมาร่วมสโมสร นาซิอองนาล ก่อนที่ฟอร์มโดดเด่น

โดยมีสโมสรจากโปรตุเกสยื่นข้อเสนอให้อย่างมากมาย แต่เจ้าตัวเลือกย้ายมาร่วมทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยวัย 12 ปี เข้าร่วมทีมชุดเยาวชน ที่นี่เอง ที่ทำให้เขาพัฒนาฝีเท้ามากขึ้น และขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว

ในวัย 17 ปี เจ้าตัวติดทีมชาติโปรตุเกส ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี 17 ปี ซึ่งรุ่น 17 ปี ได้ลงเล่นในศึกยูโร พร้อมกับโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งย้ายไปร่วมสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และติดทีมชาติ รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี 21 ปี

และในที่สุดก็ติดทีมชาติชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ปี 2546 โดยได้ลงสนามในเกมที่ โปรตุเกส ชนะ คาซัคสถาน 1-0 เกมนั้นได้ลงสนาม 45 นาที ก่อนที่ช่วงนึงสลับกับการติดทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี แต่หลังจากนั้นก็ติดทีมชาติเรื่อยมาแทบไม่เคยขาด จนเป็นกำลังหลักสำคัญและสวมปลอกแขนทีมชาติ

ปัจจุบันลงเล่นให้ทีมชาติไปแล้วถึง 178 นัด เป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งที่ทีมชาติขาดไปไม่ได้ ในส่วนแอสซิสต์แรกของ โรนัลโด้ เกิดขึ้นในเกมที่ โปรตุเกส บุกไปเสมอกับ สวีเดน 2-2

จุดเริ่มต้นของการเป็นแข้ง ยิงสูงสุดในนามทีมชาติ

ส่วนประตูแรกของ โรนัลโด้ ในนามทีมชาติ เกิดขึ้นในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2004 ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดแรก ซึ่ง โปรตุเกส แพ้ให้กับ กรีซ 1-2 ก่อนที่รอบชิงชนะเลิศจะแพ้ กรีซ อกหักอดเป็นแชมป์ยูโร ซึ่งน่าเสียดายที่ โปรตุเกส เป็นเจ้าภาพในครั้งนั้นด้วย

หลังจากนั้นมา โรนัลโด้ ก็ติดทีมชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มเป็นแข้งคนสำคัญ พร้อมกับการเปลี่ยนผ่านยุคใหม่ของทีมชาติ ส่วนการได้เป็นกัปตันทีม เกิดขึ้นในเกมที่ บุกไปพ่ายแพ้ให้กับ อิตาลี 1-3 ส่วนการทำประตูให้ในนามทีมชาติ แม้ในช่วงแรกๆ ของการติดทีมชาติ ยังเล่นตำแหน่งปีก ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา

แต่ฝีเท้าอันจัดจ้านของเขา ก็ทำประตูช่วยชาติได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเกมสำคัญต่างๆ โรนัลโด้ ฝ่าความกดดันทำประตูมาได้หมด ไฮไลท์อยู่ในเกม รายการคัดเลือกศึกฟุตบอลโลก ปี 2014 ที่ โปรตุเกส เจอกับ สวีเดน โรนัลโด้ทำประตูได้ทั้งสองนัด โดยเกมแรก พาชาติชนะไป 1-0

ส่วนเกมที่สองบุกไปเยือน ซัดแฮทริกเอาชนะ สวีเดน ถึงบ้าน 3-2 พาทีมได้ลุยรายการบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายได้สำเร็จ แต่ทว่าน่าเศร้าที่ปีนั้นพวกเขาตกรอบแรก ส่วนยูโร 2016 เจ้าตัวก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ โปรตุเกส คว้าแชมป์มาครอง โดยยิงไป 3 ประตูและแอสซิสต์อีก 3 ลูก แม้เกมสุดท้ายจะเจ็บตั้งแต่ต้นครึ่งแรก เล่นไม่ไหว ก่อนร่ำไห้ในสนามและต้องโดนเปลี่ยนตัวออกมาเชียร์เพื่อนร่วมทีมก็ตาม

ในส่วนของการทำประตูให้ในนามทีมชาติ ต้องบอกว่า โรนัลโด้ ยิ่งอายุเยอะยิ่งยิงกระหน่ำ ไล่ตั้งแต่ปี 2016 จนถึง ปัจจุบัน เจ้าตัวยิงไม่พักเลย จนปัจจุบันวัย 36 ปี สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติ ลุยศึกยูโร 2020 ที่ปัจจุบันกำลังนำดาวซัลโวเดี่ยว กดไป 5 ประตู จาก 3 นัดที่ลงสนาม กำลังมีคิวเจอ เบลเยี่ยม ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

โดยตอนนี้ โรนัลโด้ ยิงได้ 109 ประตู จากการลงสนาม 178 นัด มีสถิติเทียบเท่า อาลี ดาอี ตำนานกองหน้าทีมชาติอิหร่าน ซึ่งมีโอกาสที่จะทำลายสถิติได้อย่างสูง เพราะถึงวัยจะเข้าสู่ 36 ปีเข้าไปแล้ว แต่ด้วยการดูแลร่างกายที่ยอดเยี่ยม ทำให้ โรนัลโด้ ยังคงฟิต บวกกับแพชชั่นในการล่าตาข่าย การไม่ยอมแพ้ยังมีมากเหมือนเดิม

เชื่อว่าเขาจะลงเล่นอยู่ในฟุตบอลระดับสูงไปอีกนาน ซึ่งเชื่อว่าสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในนามทีมชาติ จะตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน กับชายผู้มีชื่อว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และอย่าลืม พบกับบทความฟุตบอลใหม่ๆ ได้ทุกวัน จากทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA

Posted in บทความฟุตบอล