ตัวเต็งเก้าอี้ตก ตัวเต็ง ตกเก้าอี้ ถูกแล้ว! ไม่ได้หมายความว่า เป็นคนที่ล้มจากเก้าอี้ แต่ศัพท์ในวงการฟุตบอล หมายความว่า เป็นกุนซือ เฮ้ดโค้ช ของสโมสรและทีมชาติ ที่ส่อแววจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง โดยลีกต่างๆ แม้จะเพิ่งเปิดฤดูกาล กันไปไม่นาน แต่ก็มีการคาดหมาย ตัวเต็งที่จะถูกปลดจากตำแหน่งกันเสียแล้ว

วันนี้ วิเคราะห์บอล UFA จะชวนเพื่อนๆ มาคิดไปพร้อมๆ กัน ว่าการที่ กุนซือ คนใดคนนึง ถูกคาดหมายว่า จะเป็นคนที่จะโดนไล่ออกก่อนใครเพื่อน นั้นแสดงให้เห็นถึงอะไรบ้าง และแฟนบอลควรเป็นห่วงหรือไม่

ตัวเต็ง ตกเก้าอี้ บอกอะไรเราได้บ้าง

ตัวเต็ง ตกเก้าอี้ หมายความว่า เฮ้ดโค้ชหรือกุนซือ ที่คุมทีมอะไรก็แล้วแต่ ในวงการฟุตบอล จะสโมสร หรือระดับทีมชาติ ส่อแวว มีสิทธิ์ถูกปลด ออกจากตำแหน่ง ซึ่งสาเหตุ ของการมีโอกาส ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง

นั่นก็คือ ตัวเฮ้ดโค้ชเอง ไม่สามารถพาทีม ทำผลงาน ได้ตามเป้าหมาย แพ้เยอะเกินไป ทำทีมแบบไร้ทรง ไร้คุณภาพ ไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จ ตามที่ทีม วางเป้าหมายไว้ได้ นั่นเอง

ซึ่งสำหรับ วงการฟุตบอล ระดับสโมสร ก็มีกุนซือโดนปลด เป็นว่าเล่นทุกปี ตัวอย่างก็ บอลไทยลีก ของบ้านเรา ที่แต่ละปี จะมีการเปลีย่นแปลงกุนซือ กลางฤดูกาล กันเป็นประจำ เรียกได้ว่า คนที่จะคุมทีมครบฤดูกาล ยังมีสัดส่วนที่น้อยกว่าอีกครับ

ซึ่งก่อนจะโดนปลด ผลงานของทีมนั้น เรียกได้ว่าย่ำแย่ อย่างมาก มีสัญญาณได้ชัดเจนว่า กุนซือรายนั้น เก้าอี้กำลังร้อน โดยรูปทรง และรูปแบบการเล่น ส่วนมากจะไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งทีมเล่นแบบไม่ได้ลุ้น เล่นแบบรอรับ ความพ่ายแพ้ จนโดนวิจารณ์กันสนั่น และ กระแส ของแฟนบอล มีแต่ด้านลบ จนผลงานไม่มีกระเตื้อง

พอผ่านไปได้ไม่นาน กุนซือรายนั้นก็ถูกปลด ซึ่งเป็นเรื่องปกติในวงการฟุตบอล แต่กระแสตัวเต็ง ของกุนซือ ที่ส่อแววจะโดนตะเพิด ออกจากตำแหน่ง กุนซือของทีม บ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง

ขั้นแรกเลย ที่เห็นได้ชัดเจน จับต้องได้มากที่สุด ก็คือ การทีมทำผลงาน ได้อย่างย่ำแพ้ ไม่ชนะใครติดต่อกัน หลายต่อหลายเกม รวมถึงทรงฟุตบอล ไม่มี ระบบแบบแผน ไม่สามารถต่อกรคู่แข่งได้ แม้กระทั่งได้เล่นในบ้าน ต่อหน้าแฟนบอล ก็ไม่สามารถคุมทีม ทำผลงานได้ดีขึ้นเลย

ต่อมา อาจเป็นเรื่อง ของการจัดการ ภายในสโมสร ทั้งเรื่องแทคติกส์ การวางแผน การจัดการ ดูแลลูกทีม สื่อสาร และทำความรู้จักกับลูกทีมไม่ดีพอ คุมสถานการณ์ไม่อยู่ จัดการภายในห้องแต่งตัวไม่ได้ ลูกทีมไม่เชื่อฟัง ก็ส่อแววถูกปลดออกจากตำแหน่ง ได้ด้วยเช่นกัน

ซึ่งภาพที่เห็นได้ชัด ว่าทีมไหน กุนซือรายนั้น ส่อแววถูกตะเพิด ออร่าราศีมันก็บ่งบอกได้ชัด ถึงความหม่น บรรยากาศของทีม ที่ไม่สู้ดีนัก เล่นแบบไร้ทรง ไร้แรงจูงใจ ยิ่งเห็นแบบนี้แล้ว ยิ่งเป็นผลดีกับทีมคู่แข่ง ที่รอกระหน่ำซัด ให้สถานการณ์ของทีม แย่กว่าเดิมเข้าไปอีก

เมื่อตัวเฮ้ดโค้ช ไม่สามารถพาทีม ทำผลงานได้ดี หรือไม่สามารถวางหมาก พลิกสถานการณ์ภาพรวม ของทีมให้ดีได้ มีแต่ถอยหลังลงคลอง ก็ต้องถูกปลด ออกจากตำแหน่ง ไปในที่สุด เพื่อกุนซือคนใหม่ ที่พร้อมกว่า เข้ามากอบกู้สถานการณ์ได้

ยิ่งกับทีมที่สุ่มเสี่ยง ที่จะตกชั้น ส่วนมากจะแก้ปัญหา อย่างรวดเร็ว ด้วยการหากุนซือคนใหม่ เข้ามารีบทำผลงาน ให้กระเตื้องขึ้นมา จากนั้นปัญหาภายในสนาม และนอกสนาม อาจจะกลับสู่โมเมนตัมที่ดีได้

แต่บางทีม ก็ยังจมปรัก ใช้เฮ้ดโค้ชคนเดิม เพราะความเชื่อมั่น และไว้วางใจ แต่ตรงกันข้าม กับผลงานของทีม ที่มีแต่สาละวันเตี้ยลง ตรงนั้นก็แล้วแต่ บอร์ดบริหารของแต่ละสโมสร จะจัดการกันอย่างไร

ผลสุดท้ายแล้ว กระแสการปลดโค้ช และตัวเต็งที่เฮ้ดโค้ชของทีมนั้น มีโอกาสที่จะถูกปลดอย่างสูง ก็บอกอะไรได้ชัดเจน ว่าทีมนั้น ทำผลงานได้ย่ำแย่ กว่าที่ควรจะเป็น และไม่มีทีท่าว่า จะขึ้นแต่อย่างใด

ตรงนี้มีทั้งสื่อข่าววงใน และวงนอก เขียนข่าวกัน ไม่เว้นแต่ละวัน ยิ่งทำให้สถานการณ์ ของทีมนั้น ดูย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม ผลสุดท้ายเมื่อไม่มีอะไรดีขึ้น ทางสโมสร หรือทีมชาติ ก็ต้องเลือกกุนซือคนใหม่ เข้ามาแก้ไขปัญหา พาทีมทำผลงานให้ดีขึ้น กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นให้จงได้

Posted in บทความฟุตบอล

ก่อนที่ไทยลีก ฤดูกาล 2021/22 ที่เลื่อนกันมาสักพักใหญ่ จะเปิดฉากฤดูกาลในเดือนหน้า หลังจากที่ได้เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเป็น AIS นอกจากปัญหาหลายๆ อย่างที่เริ่มคลี่คลายขึ้น วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพาทุกท่านมารู้จัก 16 กุนซือไทยลีก ในซีซั่นนี้ ว่าเป็นใครกันบ้าง

16 กุนซือไทยลีก 2021/22 เป็นใครกันบ้าง

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

  • 1. ออเรลิโอ วิคมาร์ กุนซือชาว ออสเตรเลีย วัย 54 ปี

กุนซือชาวออสเตรเลีย เพิ่งจะมาคุม บีจี ในซีซั่นนี้ แต่ในอดีตเขาเคยคุมทีมนี้แล้วในปี 2016 ถึง 2017 โดยเป้าหมายคือพาแชมป์เก่ากลับมาป้องกันแชมป์และพาทีมลุยศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ปัจจุบันเข้าไปถึง 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

  • 2. อเล็กซานเดร กาม่า กุนซือชาว บราซิล วัย 53 ปี

กุนซือชาวบราซิล ผู้ที่ได้รับการยอมรับ ว่าเป็นหนึ่งในกุนซือที่ดีที่สุดในไทยลีกยุคปัจจุบัน ประสบการณ์โชกโชน คุมหลายทีมในไทยลีกแบบนับไม่ถ้วน โดยปีนี้ เขาหวังนำพา เซาะกราว ทวงบัลลังก์แชมป์กลับคืนมาให้ได้เป็นเป้าหมายหลัก

การท่าเรือ เอฟซี

  • 3. ดุสิต เฉลิมแสน กุนซือชาว ไทย วัย 51 ปี

ดุสิต อดีตแบ็คซ้ายดาราเอเชีย ที่ฤดูกาลที่แล้ว เขาพา บีจี ก้าวไปถึงแชมป์ลีกแบบยิ่งใหญ่ โดยตอนนี้เขากลายเป็นนายใหญ่แห่งการท่าเรือ โดยเป้าหมาย คือการพา ท่าเรือ ให้คว้าแชมป์ไทยลีกได้สักที หลังจากองค์ประกอบทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือแค่เฮ้ดโค้ชอย่างเขา จะทำได้ดีแค่ไหน

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด

  • 4. เอเมอร์สัน เปเรย์ร่า กุนซือชาว บราซิล วัย 48 ปี

เปเรย์ร่า เข้ามาคุมทีมเมื่อปลายปีก่อน โดยปีนี้ได้พาทีมไปลุย ศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้ว แต่ทว่าตกรอบ โดยซีซั่นนี้ เป้าหมายของทีมคือการจบอันดับ 1-4 ซึ่งก็เป็นงานที่ไม่ง่ายเลย เพราะแต่ละทีมก็ต่างมุ่งมั่น จัดเต็มยกเครื่องใหม่กันอย่างมาก

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

  • 5. ธชตะวัน ศรีปาน กุนซือชาว ไทย วัย 49 ปี

โค้ชแบน คุม แข้งเทพ เมื่อปลายปีก่อน ซึ่งก็ทำผลงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยซีซั่นนี้ แน่นอนว่า เป้าหมายของทีม ยังต้องการจบอันดับ 1-4 และก็ได้เสริมทัพที่ดูดีเลยทีเดียว โดยสโมสรนี้ยังเป็นสโมสรอีกหนึ่งแห่ง ที่มั่นคงในการเงิน มาดูกันว่า พวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน

สมุทรปราการ ซิตี้ เอฟซี

  • 6. มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาว ญี่ปุ่น วัย 54 ปี

กุนซือจากแดนอาทิตย์อุทัย ใช้เวลาครึ่งฤดูกาลในการเปลี่ยนแปลงระบบการเล่นของทีม จนกลายเป็นหนึ่งทีมที่น่าจับตามอง น่าเสียดายที่สโมสร มีปัญหาด้านการเงิน ทำให้พวกเขาต้องเสียตัวหลักไปมากพอสมควร ฤดูกาลนี้พวกเขาจะรักษามาตรฐานเดิมได้หรือไม่ ต้องมารอดูกัน

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

  • 7. มาริโอ ยูรอฟสกี้ กุนซือชาว มาร์ซิโดเนียเหนือ วัย 35 ปี

พี่โอ้ ที่ก้าวมาเป็นกุนซือช่วงเดือนตุลาคมปีก่อน ได้เปลี่ยนแปลงระบบการเล่น ใช้ตัวผู้เล่นดาวรุ่ง ต่อบอลแบบเท้าสู่เท้า เล่นได้อย่างสวยงาม จนทำให้สโมสรนี้มีความหวังอีกครั้ง ด้วยขุมกำลังยังบลัดและกุนซือผู้เป็นตำนานสโมสร ฤดูกาลนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย ว่าพวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน

ราชบุรี มิตรผล เอฟซี

  • 8. สมชาย ไม้วิลัย กุนซือชาว ไทย วัย 46 ปี

เรียกว่าเป็นกุนซือที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน แม้จะมีช่วงที่ไม่ได้คุมทีม แต่ก็ยังมีตำแหน่งอยู่ในสโมสร ด้วยความที่รู้จักและผูกพันกับทีมมาอย่างยาวนาน ก็ทำให้เขาน่าจะพาสโมสรเมืองโอ่ง ทำผลงานอยู่ในอันดับเลขตัวเดียวได้อย่างไม่ยากเย็น

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี

  • 9. ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น กุนซือชาว ไทย วัย 43 ปี

กุนซือที่ทำทีมเล่นได้อย่างสนุก ได้ใจแฟนบอล โดยเฉพาะยามเล่นในบ้าน แม้สโมสรจะไม่มีเงินถุงเงินถังสู้ทีมอื่น แต่ระบบการเล่นของเขา ไม่เป็นสองรองใคร ฤดูกาลนี้แน่นอนว่าหนักกว่าเดิม แต่ก็น่าติดตามอย่างมาก ว่าพวกเขาจะทำได้ดีมากแค่ไหน

พีที ประจวบ เอฟซี

  • 10. มาซามิ กากิ กุนซือชาว ญี่ปุ่น วัย 49 ปี

ฤดูกาลนี้ กุนซือชาวญี่ปุ่น จะได้คุมทัพแบบเต็มตัว พาลูกทีมเมืองสามอ่าว หวดทุกรายการ ซึ่งเป้าหมายของทีม คงแค่ไม่ขอตกชั้นเป็นพอ แล้วก็มาดูกันว่า ทีมนี้จะแข็งแกร่งมากขึ้นได้หรือไม่ โดยเฉพาะเกมเยือนที่มีสถิติไม่ดีเท่าไหร่

โปลิศ เทโร เอฟซี

  • 11. รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กุนซือชาว ไทย วัย 42 ปี

พี่อ้น ทีมประสบการณ์อย่างเต็มเปี่ยมในการเป็นนักฟุตบอลและตอนนี้ ก็มีประสบการณ์ในการคุมทีมพอสมควร โดยซีซั่นนี้ จะได้แสดงฝีไม้ลายมืออยู่เช่นเคย บวกกับขุมกำลังที่มีแข้งประสบการณ์หลายคน ดูกันว่า พวกเขาจะจบอันดับเลขตัวเดียวได้หรือไม่

ชลบุรี เอฟซี

  • 12. สะสม พบประเสริฐ กุนซือชาว ไทย วัย 53 ปี

น้าเตี้ย ผู้ที่เป็นเฮ้ดโค้ชที่มีเอกลักษณ์และสร้างสีสันวงการฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนาน ส่วนในการคุม ชลบุรี เขาได้ให้โอกาสดาวรุ่งหลายคน ได้ลงโชว์ฟอร์มลงสนาม นับว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อวงการฟุตบอลไทย และมาดูกันว่า ชลบุรี ของน้าเตี้ย จะไปได้ไกลถึงไหนในซีซั่นนี้

สุพรรณบุรี เอฟซี

  • 13. อเดบาโย กาเดโบ กุนซือชาว ไนจีเรีย วัย 47 ปี

เรียกว่าเก้าอี้แน่นแบบเหลือเชื่อกับ อเดบาโย โดยซีซั่นนี้ เป็นฤดูกาลที่ 3 ที่เขาจะได้พาทีม ช้างศึกยุทธหัตถี ฟาดแข้งลุยศึกไทยลีก ด้วยความที่ทีม ไม่ใช่สโมสรเงินถุงเงินถัง เกือบตกชั้นในซีซั่นที่แล้ว ส่วนฤดูกาลนี้ ดูกันว่า พวกเขาจะทำได้ดีกว่าเดิมหรือไม่

หนองบัว พิชญ เอฟซี

  • 14. ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล กุนซือชาว ไทย วัย 47 ปี

ทีมน้องใหม่ที่เพิ่งได้เล่นในศึกไทยลีก เป็นครั้งแรก ของประวัติศาสตร์สโมสร แต่กุนซืออย่าง โค้ชวัง เป็นกุนซือที่คร่ำหวอดวงการฟุตบอลไทยมานาน ประสบการณ์เต็มเปี่ยม หวังว่าทีมน้องใหม่ จะไม่กลายเป็นทีมตกชั้นและทำผลงานได้อย่างดีบนลีกสูงสุด

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

  • 15. สุรพงษ์ คงเทพ กุนซือชาว ไทย วัย 42 ปี

กุนซือชาวไทยรายนี้ เพิ่งได้รับเข้าตำแหน่งในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แน่นอนว่าเป้าหมายของทีม ของแค่ไม่ตกชั้นเป็นอันใช้ได้ ซึ่งดูแล้วก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็เอาใจช่วย ให้พวกเขามีฤดูกาลที่ดีบนลีกสูงสุดในซีซั่นนี้

ขอนแก่น ยูไนเต็ด

  • 16. คาร์ลอส เปไรร่า กุนซือชาว บราซิล วัย 40 ปี

กุนซือเลือดบราซิเลี่ยน รับตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขา คือการไม่ตกชั้นและอยู่รอดบนลีกสูงสุดให้ได้ ซึ่งดูจากขุมกำลัง ยังถือว่าเป็นรองหลายทีมๆ แต่อย่างไรก็ขอให้พวกเขาโชคดีกับฤดูกาลใหม่นี้

Posted in บทความฟุตบอล

สำหรับฟุตบอลแล้ว ไม่ใช่แค่นักเตะในสนามเท่านั้น ยังมีส่วนต่างๆ หน่วยต่างๆ ที่คอยดูและควบคุม ความเป็นสโมสรหรือทีมชาติ ให้ดำเนินการได้ทุกเรื่อง แต่หลายทีมนั้น ไม่ได้ใช้ตำแหน่งเดียวกันหมด บางทีก็ใช้ ผู้จัดการทีม ในการคุมทีมข้างสนาม บางทีมก็ใช้ เฮดโค้ช ทำให้หลายคน น่าจะยังสบสนหน้าที่ ระหว่าง ผู้จัดการทีม กับ เฮดโค้ช

โดยวันนี้ ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะอธิบายความแตกต่างของ ผู้จัดการทีม กับ เฮดโค้ช ว่าทั้งสองตำแหน่งนั้น มีความเหมือน และแตกต่างกันอย่างไร

ผู้จัดการทีม กับ เฮดโค้ช ต่างกันยังไง

หากนับในระดับสโมสร ตำแหน่งผู้จัดการทีม ในยุคปัจจุบัน ถือว่าไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะยุคก่อน โดยเฉพาะลีกอังกฤษ ตำแหน่งผู้จัดการทีม นอกจากจะวางแผน การวางแทคติกส์ คุมทีมชุดใหญ่ทำการแข่งขันแล้ว

ยังมีส่วนสำคัญ ในการเลือกนักเตะเข้าสู่ทีม หรือปล่อยออกจากทีม มีอำนาจเบ็ดเสร็จ เหมือนอย่าง อาร์แซน เวงเกอร์ อดีตกุนซือของ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่เรียกได้ว่า เขาจัดการอะไรหลายอย่าง มากกว่าเรื่องการคุมทีม ด้วยซ้ำ

ทั้งการจัดหาผู้เล่น วางระบบ และมีสิทธิ์ตัดสินใจ ในการขายผู้เล่น และเสริมทัพผู้เล่นตัวใหม่ เข้ามาสู่ทีม แต่ตำแหน่งของ ผู้จัดการทีม ก็ต้องแล้วแต่สโมสรว่า จะมีการให้งาน ให้สิทธิ์แบบไหนกันบ้าง ซึ่งก็เป็นวัฒนธรรม อย่างหนึ่งเหมือนกัน

บางทีม ตำแหน่งผู้จัดการทีม ก็ไม่มีแล้ว โดยแบ่งเป็นตำแหน่ง ประธานเทคนิค และตำแหน่ง ผู้อำนวยการสโมสร ซึ่งตำแหน่งนี้แต่ละสโมสร ก็จะได้รับบทบาทต่างกันไป

อย่างเช่น ฟาบิโอ ปาราติชี่ ที่ก้าวเข้ามาเป็น ผู้อำนวยการสโมสร แต่มีบทบาท ทั้งการเลือกซื้อผู้เล่น และวางแผนว่าจะทำอย่างไร ให้ สเปอร์ส สามารถคว้าแชมป์ให้ได้ ล่าสุดก็เป็นเจ้าของไอเดีย ในการเลือก นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต เข้ามาคุมทัพ

เช่นเดียวกันกับ จอห์น เมอร์ทัฟ ที่จะมีบทบาทสำคัญ ในการเจรจาเสริมทัพนักเตะ และสั่งการให้แมวมอง เร่งหานักเตะฝีเท้าดี เข้าสู่ทีม แต่ในส่วน แผนการเล่น หรืออะไรต่างๆ ในสนาม เขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวของ

ในส่วนของตำแหน่ง ประธานเทคนิค ส่วนมากจะเป็นตำแหน่ง ที่วางแผนและจัดการ ช่วยเฮ้ดโค้ช เรื่องแทคติกส์ พร้อมปรึกษา เพื่อช่วยให้ทีม มีโอกาสประสบความสำเร็จ ให้ได้มากที่สุด

ในส่วนของ เฮ้ดโค้ช คือตำแหน่งปัจจุบัน ที่ได้รับความนิยม และหลายสโมสรต่างใช้ระบบนี้ โดย เฮ้ดโค้ช แปลตรงตัว คือหัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่รับหน้าที่เบ็ดเสร็จ เกี่ยวกับการเล่นฟุตบอลในสนาม

เป็นกุนซือของทีม นำทีมลงฝึกซ้อม พร้อมวางแผนการเล่น วางแทคติกส์ เป็นคนสั่งการลูกทีม อยู่ที่ข้างสนาม มีสิทธิ์ตัดสินใจ แบบเบ็ดเสร็จ ว่าจะส่งให้ใครลงสนาม จะดันใครจาก ชุดเยาวชน มาขึ้นชุดใหญ่ รวมถึงมีสิทธิ์ร้องขอ นักเตะหรือสต๊าฟโค้ช เข้ามาสู่ทีมได้อีกด้วย

โดย เฮดโค้ช ก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมด กับผลงานในสนาม ส่วนเรื่องนอกสนามนั้น ทำได้แค่เพียงเสนอความเห็น หรือความต้องการต่างๆ แล้วส่งต่อไปยังหน้าที่อื่น เพื่อรับผิดชอบ ตามที่แต่ละคนได้รับหน้าที่

ส่วนตำแหน่ง สต๊าฟโค้ช มีหน้าที่หลักๆ คือช่วยเรื่องฟุตบอลล้วนๆ ทั้งวางแผน หรือแท็คติกส์ รวมถึงคอยดูแลนักเตะ ดูการฝึกซ้อมของทีม เพื่อให้ทีมได้รับชัยชนะนั่นเอง

ซึ่งตำแหน่งเฮ้ดโค้ชระดับสโมสร ก็จะเหมือนกับระดับทีมชาติ แต่ทีมชาติ เฮ้ดโค้ช จะต้องศึกษานักเตะในชาติ รวมถึงไปดูฟอร์ม ทำงานร่วมกับทีมงาน ในการไปดูฟอร์มในสนาม ดูฟอร์มนักเตะของชาติ ว่ารายไหนดีพอ ที่จะเข้ามาติดทีมชาติได้

รวมถึงทำงานร่วมกับ ฝ่ายเทคนิค ในการวางแผน และรูปแบบการเล่นอีกด้วย นอกนั้นก็จะคล้ายกัน เฮ้ดโค้ช มีหน้าที่พาลูกทีมลงซ้อม วางแผน วางแท็คติกส์ คุมทีมข้างสนาม คอยสั่งการลูกทีม เหมือนกัน

แต่ในส่วนประธานเทคนิคร ะหว่างสโมสร และกับทีมชาติ ก็จะคล้ายกันอยู่บ้าง คือมีการวางแผน และพูดคุยร่วมกับเฮ้ดโค้ช เรื่องแผนการเล่น ระบบการเล่น และอนาคตของทีม ว่าจะเป็นอย่างไร

จะมีเปลี่ยนแปลง รูปแบบการเล่น หรือมีแผนงานอื่นๆ ไหม อนาคตจะวางระบบต่อไปอย่างไร ก็จะมีการทำงานร่วมกันในจุดนี้

สุดท้าย ตำแหน่งผู้จัดการทีมกับเฮ้ดโค้ช ก็มีความแตกต่างกันพอสมควร ตำแหน่งผู้จัดการทีม ในอดีตต้องรับผิดชอบมากกว่า ส่วนเฮ้ดโค้ชก็ตรงตัว แค่รับผิดชอบ เรื่องในสนามล้วนๆ เพื่อทำผลงานของทีมให้ดีที่สุด โดยไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น

แต่ผู้จัดการทีมของทีมชาติไทย น่าจะแปลกประหลาดที่สุดในโลกแล้ว เพราะขอแค่เป็นใครก็ได้ แต่มีเงินถุงเงินถัง พร้อมเปย์ไม่อั้น พร้อมจัดการเรื่องความสะดวกสบาย อาหารการกินให้นักเตะทีมชาติ ก็นับว่าเหมาะสมเป็นตำแหน่งผู้จัดการทีมได้แล้ว

Posted in บทความฟุตบอล