Tag: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- 0
สิ้นสุดการรอคอย เหลือแค่เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเท่านั้น สำหรับ จาดอน ซานโช่ กับ แมนยู เพราะเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ฟาบริซิโอ โรมาโน่ เหยี่ยวข่าวเทียร์ 1 ได้เปิดเผยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ปิดดีลการคว้าตัว จาดอน ซานโช่ เรียบร้อยแล้ว เรียกว่าสมดั่งใจกันเลยทีเดียวสำหรับสาวกปีศาจแดง ที่รอคอยปีกตัวจี๊ดรายนี้ร่วมทีม หลังจากมีข่าวคราวอย่างยาวนานตั้งแต่ตลาดการซื้อ-ขายช่วงซัมเมอร์เมื่อปีก่อน ที่เกือบจะคว้าตัวได้มาแล้ว
วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะเผยแพร่เรื่องนี้ กว่าที่ แมนยูฯ จะได้ตัว ซานโช่ มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาบ้างในช่วงที่ผ่านมา
มหากาพย์ จาดอน ซานโช่ กับ แมนยู
ย้อนไปตอนที่ ซานโช่ ยังอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทางแยกเกิดขึ้นเมื่อเจ้าตัวอายุ 17 ปี ได้มูฟออนจากอังกฤษ แม้จะมีข้อเสนอจากสโมสรต้นสังกัดที่พร้อมให้ค่าเหนื่อย 3 หมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งก็มากโขอยู่แล้วสำหรับดาวรุ่งที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองกับทีมชุดใหญ่ได้
แต่เจ้าตัวมูฟออนข้ามฝากย้ายไปร่วมทัพ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยอดสโมสรจอมปั้นจากบุนเดสลีกา ด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ พร้อมรับค่าเหนื่อย 4 หมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์ เวลานั้นทีมงานของเสือเหลือง มั่นใจว่า ซานโช่ จะแจ้งเกิดกับพวกเขาได้อย่างแน่นอน
แม้ช่วงนั้น เป็ป กวาร์ดิโอล่า จะพยายามรั้งเจ้าหนูรายนี้ไว้ก็ตาม แต่ไม่เป็นผล เนื่องจาก ซานโช่ ต้องการโอกาสในการลงสนามอย่างต่อเนื่อง แถมช่วงนั้นตำแหน่งที่เขาเล่น มีแต่สตาร์รุ่นพี่เต็มชุดใหญ่ไปหมด
หลังจากนั้น ซานโช่ พัฒนาตัวเองขึ้นมามาก โดยเฉพาะฤดูกาลที่สองกับ ดอร์ทมุนด์ เจ้าตัว ยิงไป 13 ประตูกับแอสซิสต์ 20 ลูกเลยทีเดียว ทั้งความพริ้วไหวและการจ่ายบอลที่เฉียบคม รวมถึงยังชงเองกินเองได้อีกด้วย ทำให้เจ้าตัวเนื้อหอมสุดๆ ถูกคาดการณ์ว่าจะย้ายไปยังสโมสรที่ใหญ่กว่านี้แน่นอน
ซึ่งแน่นอนว่า ปี 2019 ซานโช่ ได้ตกเป็นข่าวครั้งแรกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยมีข่าวเขียนถึงความเชื่อมโยงของ ซานโช่ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่เป็นพักๆ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมผู้บริหารของสโมสรก็ออกมายืนยันว่า ซานโช่ ไม่ได้มีไว้ขาย จึงทำให้ข่าวลือเงียบไป
ทว่าหลังจากนั้นปลายปี 2019 ฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มีการสอบถามไปถึงเอเย่นต์ส่วนตัวของ ซานโช่ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการซื้อตัว แต่เอเย่นต์ก็ได้บอกไปว่าสโมสรไม่ต้องการขายเขาในช่วงนี้
ฤดูกาลที่ 3 ของซานโช่ เจ้าตัวยังฉายแสงออกมาไม่หยุดหย่อน พร้อมเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทีมชาติชุดใหญ่ก็ติด เล่นก็ดี สโมสรก็เป็นตัวหลักที่ขาดไม่ได้ คือแข้งคนสำคัญมากๆ ไม่ต่างจาก มาร์โก้ รอยส์ รุ่นพี่กัปตันทีมในสโมสรด้วยซ้ำ จบฤดูกาล 2019/20 ซานโช่ จัดหนักไป 20 ประตูและอีก 20 แอสซิสต์ ซึ่งช่วงหลังล็อคดาวน์ หลายท่านน่าจะได้ยลฟอร์มของเจ้าตัว เพราะช่วงนั้น บุนเดสลีกา เป็นลีกแรกๆ ที่กลับมาทำการแข่งขันได้ แถม ซานโช่ มีความสัมพันธ์อันดีกับ ปอล ป็อกบา และ มาร์คัส แรซฟอร์ด จากที่เล่นเกมด้วยกันเป็นประจำ ซึ่งเวลา 3 ปี เป็นเวลากำลังสุกงอมของ ซานโช่ ทำให้บรรดาหลากหลายสโมสรต่างให้ความสนใจ โดยทีมที่มีข่าวแรงที่สุดก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แต่ติดที่ว่าค่าตัวของ ซานโช่ ถือว่าแพงหูฉีกในช่วงนั้นและยิ่งบวกกับสถานการณ์ของโควิด-19 ทำให้หลากหลายสโมสรต่างประสบปัญหาเรื่องการเงินอย่างหนัก ไม่เว้นแม้แต่สโมสรใหญ่ๆ ก็เจอผลกระทบเช่นกัน แม้จะมีข่าวลือหนาหูว่า แมนยูฯ พร้อมจ่ายค่าตัวกับ ซานโช่ ลือถึงว่าจะเซ็นสัญญาในตลาดช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว
แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีทั้งวลี 48 ชั่วโมง รอแล้วรอเล่าอยู่เช่นนั้น ทำให้แฟนๆ ที่ลุ้น ต่างผิดหวังกันไป ทว่า ซานโช่ มีสัญญาใจกับผู้บริหาร หลังจากฤดูกาล 20/21 เขาจะย้ายทีมได้ ซึ่งทีมที่เป็นเต็งหนึ่งก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเอง ที่นอนมาติดๆ เป็นข่าวแรงที่สุด ลือหนักที่สุด
ส่วนฤดูกาลที่ 4 ของ ซานโช่ เจ้าตัว จัดไป 16 ประตูกับ 20 แอสซิสต์ เรียกว่าฟอร์มยังคงมาตรฐานเช่นเดิม หลังจากจบฤดูกาล 20/21 ข่าวของ ซานโช่ กับ แมนยูฯ ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ซึ่ง ปีศาจแดง เร่งเครื่องเต็มสูบรีบปิดดีลเจรจาให้ไวแม้จะติดช่วง ยูโร 2020 ก็ตาม
ข่าวออกมาว่า ทั้งสองสโมสรทำการเจรจากันหลายรอบ ตั้งแต่ค่าตัว 108 ล้านปอนด์ลดมาเหลือ 70 กว่าล้านปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ แมนยูฯ ถูกใจสิ่งนี้ ที่สำคัญ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรเก่าของ ซานโช่ ยังได้ค่าส่วนแบ่งราว 10 ล้านปอนด์อีกค่างหาก ซึ่งการเจรจายังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง
มีผลเห็นได้ชัดจากศึกยูโร 2020 ซานโช่ ไม่ได้รับโอกาสลงสนามเท่าไหร่ ทั้งที่เขาน่าจะได้เป็นตัวจริงเนื่องจาก มีสถิติเกมรุกดีมากๆ ทำให้มีข่าวลือไปต่างๆ นาๆ สุดท้าย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาแถลงว่าได้ปิลดีล คว้าตัว จาดอน ซานโช่ ได้แล้ว
ซึ่งกว่าเจ้าตัวจะได้ลงตัวจริง ก็คือนัดที่ อังกฤษ ถล่มทีมชาติ ยูเครน เมื่อวันที่ 4 กรกฏาคมที่ผ่านมานี่เอง หลังจบทัวร์นาเม้นต์นี้ ซานโช่ จะเดินทางมาตรวจร่างกายพร้อมกับชูเสื้อเปิดตัวกับสโมสร โดยหมายเลขที่คาดว่าจะสวมใส่ น่าจะเป็น เลข 7 นี่เอง สิ้นสุดมหากาพย์อันยาวนานเป็นเวลาถึง 2 ปีเต็มๆ ชื่นมื่นกันไปทั้งสโมสรและแฟนบอล
หวังว่า ซานโช่ จะรักษาความเก่ง เติมเกมรุกให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนที่ทำได้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หรือหากจะเซอร์ไพรส์กว่านั้น เจ้าตัวจะซัดประตูในเกมที่ แมนยูฯ ปะทะ แมนฯ ซิตี้ ก็เป็นอะไรที่น่าพูดถึงไม่น้อย
- 0
ทุกการซื้อขายในช่วงเวลาตลาดนักเตะเปิดทำการ มีข่าวลือ ดีลดังๆ มากมายทุกซีซั่น ทั้งมีการเซ็นสัญญาที่เกิดขึ้นจริงและเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งข่าวลือพวกนี้ จะเป็นข่าวลือหนักๆ สำหรับสโมสรระดับท็อปของยุโรป โดยเฉพาะกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรหัวแถวของพรีเมียร์ลีก ที่เป็นสโมสรรวยระดับเบอร์ต้นๆ ของวงการฟุตบอล แน่นอนว่าข่าวคราวการเสริมทัพ แม้จะเป็นเพียงแค่การเต้าข่าว แต่ก็มีแฟนบอลให้ความสนใจและติดตามอย่างมาก ว่านักเตะรายนั้น รายนี้ จะย้ายมาสวมเสื้อสีแดงหรือไม่ แต่วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะ รวม ตำนานแมนยู ที่ซึ่งเป็นนักเตะที่ไม่เคยย้ายมาร่วมทัพสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนแฟนบอลหลายคนยกให้เป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร ว่ามีใครกันบ้างครับ
รวม ตำนานแมนยู แต่ไม่เคยได้ย้ายมาอยู่กับสโมสร
- อาร์ตูโร่ วิดัล
ฮาร์ดแมนอย่าง วิดัล เคยมีข่าวลือย้ายมาร่วมทัพแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2557 ช่วงนั้นมีข่าวลือกันอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว ถึงขั้นที่ว่าตกลงค่าเหนื่อยที่ สองแสนปอนด์ต่อสัปดาห์ ค่าตัวในการย้ายทีม 48 ล้านปอนด์ โดยตอนนั้น วิดัล เล่นให้กับ ยูเวนตุส
แต่สุดท้ายดีลนี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นดั่งลมที่พัดผ่าน โดยปีต่อมา วิดัล ได้ย้ายไปร่วมทัพ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัว 39.25 ล้านปอนด์ ปัจจุบันเล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน พร้อมกับเกียรติประวัติในการคว้าแชมป์อย่างมากมายกับหลากหลายสโมสร รวมถึงทีมชาติ
- นิโคลัส ไกตัน
ไกตัน คือตำนานเบอร์แลกและน่าจะเป็นคนที่ทำให้กระแสนี้เกิดขึ้น โดยเป็นนักเตะที่ไม่เคยเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่มีข่าวลือโคตรหนักหน่วง ในสมัยที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมบังเหียน แถมยังมีข่าวลือไม่ต่ำกว่า 4-5 ปีตั้งแต่นักเตะยังเป็นดาวรุ่งยันวัยกลางคน มีข่าวลือแล้วลือเล่า
แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเดิม โดยหลังจากเจ้าตัวเล่นให้กับ เบนฟิก้า เป็นเวลา 6 ปี ก็มีข่าวลือว่า แมนยูฯ พร้อมจะคว้าตัว แต่สุดท้ายเจ้าตัวไปลงเอยกับ แอตเลติโก มาดริด แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ปัจจุบันเล่นให้กับ บราก้า
- เควิน สตรูทมัน
รายนี้ก็ไล่เรี่ยกับ ไกตัน เรียกว่าตามกันมาติดๆ กับมิดฟิลด์ทีมชาติฮอนแลนด์ ที่สมัยนั้นถือว่าเป็นนักเตะที่น่าจับตามองอย่างมากในวงการฟุตบอล โดยโด่งดังกับ พีเอสวี ไอนด์โอเฟ่น พร้อมกับโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมอย่างมาก ซึ่งดูเหมือนว่า แมนยูฯ ใกล้จะได้ตัวแล้ว แต่ข่าวก็เงียบหายไป
จนปี 2013 สตรูทมัน ได้ย้ายไปร่วมทัพ โรม่า แต่ก็ยังไม่วายมีข่าวกับ แมนยูฯ อีกครั้ง ถึงขั้นมีเหยี่ยวข่าวคอนเฟิร์มว่าใกล้ปิดดีลด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์อีกด้วย แต่ก็อย่างที่เห็น มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง โดยปัจจุบัน สตรูทมัน เล่นให้กับ โอลิมปิก มาร์กเซย
- แกเร็ธ เบล
รายนี้หนักเลย เรียกว่าสร้างความหวังลมๆ แล้งๆ ให้กับบรรดาสาวกปีศาจแดง เมื่อมีข่าวลือโคตรหนักหน่วงว่า เบล ที่เบื่อหน่ายกับต้นสังกัด ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ร้างความสำเร็จ ต้องการประสบความสำเร็จมากขึ้นในการค้าแข้งของตนเอง โดยมีข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มานานนม
แต่ใกล้เคียงมากที่สุดคือปี 2013 โดยมีข่าวถึงว่า แมนยูฯ พร้อมจ่ายมากกว่า เรอัล มาดริด ด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายแล้ว เบล เลือกย้ายไป มาดริด และกลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวสูงสุดเป็นสถิติโลก ณ ตอนนั้น แถมล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมานั่นเอง เมื่อ เบล ขาดโอกาสในการลงสนามให้กับ เรอัล มาดริด เลยเริ่มไม่มีความสุขและขอย้ายทีมแบบยืมตัว
ซึ่ง แมนยูฯ เองก็ตกเป็นข่าวลืออีกครั้ง ว่าจะดึงปีกพญาวานรรายนี้มาเสริมแกร่ง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยเจ้าตัวได้ย้ายกลับไป ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อีกครั้ง แต่ก็มีข่าวลือว่า ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เห็น เบล เป็นตัวเลือกรองๆ เท่านั้น โดยหมายมั่นอยากได้ จาดอน ซานโช่ มากกว่า
- เวสลี่ย์ สไนเดอร์
ตั้งแต่วัยละอ่อนจนท็อปฟอร์ม ท็อปคลาส เวสลี่ย์ สไนเดอร์ คือนักเตะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกเป็นข่าวมากที่สุด ครั้นตั้งแต่สมัยเจ้าตัวแจ้งเกิดกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม จนย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด ต่อมา หลังจากที่ สไนเดอร์ ไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าที่ควรกับ มาดริด
จึงมีข่าวออกมาทุกวันว่า สไนเดอร์ ต้องการย้ายทีมและแข้งชาวดัตช์รายนี้ เป็นที่โปรดปรานของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นอย่างมาก ทางทีมงานได้พยายามเจรจาเพื่อขอซื้อตัวนักเตะรายนี้มาเป็นจอมทัพภายใต้สนามโอลด์แทรฟ ฟอร์ด
แต่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวตัดสินใจย้ายไปเล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน พร้อมสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พาพาทีมงูใหญ่ สร้างประวัติศาสตร์กวาดแทบทุกแชมป์ ได้อย่างยิ่งใหญ่ในปี 2010 ซึ่งน่าเสียดายที่เจ้าตัวอดรางวัล บัลลงดอร์ ในปีนั้น
ครั้นที่จะย้ายออกจาก อินเตอร์ มิลาน เจ้าตัวก็ยังตกเป็นข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบไม่เว้นวรรค แต่สุดท้าย ข่าวลือก็คือข่าวลือ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นยังมีอีกหลายแข้งที่ตกเป็นข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
บทส่งท้าย
เราได้รวบรวมแข้งที่น่าสนใจที่ถูกแฟนบอลยกให้เป็นตำนานที่เคยไม่เคยย้ายมาร่วมทีม แต่ใช่ว่า แมนยูฯ เองจะไม่ประสบความสำเร็จในการดึงนักเตะระดับท็อปมาร่วมทีม แม้จะใช้เวลานาน ยกตัวอย่าง เฮนริก ลาร์สัน กองหน้าสายคลาสสิคที่ย้ายมาร่วมทีมแม้จะเป็นช่วงปลายค้าแข้งแบบยืมตัว แต่ก็สร้างอิมแพ็คที่ดีให้กับสโมสร
รวมถึงแข้งปัจจุบันอย่าง บรูโน่ เฟร์นานเดส เป็นข่าวร่วมสองปี ตอนนี้ได้ลงเล่นสมใจ พร้อมเป็นแข้งที่เชื่อใจได้มากที่สุดของทีมและล่าสุด จาดอน ซานโช่ หลังจากจบทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลยูโร ก็จะได้เห็นพ่อหนุ่มรายนี้ชูเสื้อกันแล้ว เป็นธรรมดา ที่สโมสรใหญ่จะมีข่าวไม่เว้นแต่ละวัน ทีนี้มาลุ้นกันว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะสามารถคว้าตัวใครมาร่วมทีมได้อีก รอดูกันครับ
- 0
เกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดสุดสัปดาห์ที่น่าจับตามองที่สุดในวันอาทิตย์นี้ คงหนีไม่พ้นศึก แดงเดือด ที่เป็นการเจอกันของสองคู่อริตลอดกาลอย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เตรียมเปิดโรงละครแห่งความฝัน โอลด์ แทรฟฟอร์ด รอรับการมาเยือนของแชมป์เก่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แน่นอนว่าการเจอกันทุกครั้งของทั้งคู่ ดีกรีความเดือดของเกมในสนามไม่เคยลดหลั่นลงเลย วันนี้ทางทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA พร้อมที่จะนำเสนอบทความเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของศึกแห่งศักดิ์ศรีนัดนี้ ว่าเหตุผลใดกันถึงทำให้แฟนบอลของทั้งสองทีมถึงเกลียดกันแบบสุดๆ ขนาดดีกรีความระอุก่อนเกมของแฟนบอลเมืองไทย อาจดุดันไม่แพ้ต่างประเทศเลยแม้แต่น้อย
ประวัติความเป็นมาของศึก แดงเดือด
แรกเริ่มเดิมทีในยุคปี คริสต์ศตวรรษ 18-19 เมือง แมนเชสเตอร์ และ ลิเวอร์พูล ถือเป็นเมืองใหญ่ของประเทศอังกฤษ ที่ต่างทำรายได้แบบเป็นกอบเป็นกำ เชิดหน้าชูตาให้แดนผู้ดีเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แมนเชสเตอร์ เปรียบเสมือนผู้ผลิตที่สร้างสรรค์สินค้าด้านอุตสาหกรรมมากมาย ส่วนทาง ลิเวอร์พูล นั้นเปรียบเสมือนผู้ส่งออกเพราะเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศในขณะนั้น ต่างฝ่ายต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกันสร้างรายได้ให้ประเทศเป็นกอบเป็นกำ อย่างไรก็ตามในปี 1894 ทางเมือง แมนเชสเตอร์ ได้ทำโปรเจ็คท์ขุด คลองเดินเรือแมนเชสเตอร์ สำเร็จ และกลายเป็นคลองเดินเรือสินค้าที่ยาวที่สุดในโลก ณ ตอนนั้น แล้วนั่นเองเป็นสาเหตุให้พวกเขาสามารถขนส่งสินค้าได้โดยตรงด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องไปเสียภาษีหรือค่าที่จอดให้กับเมือง ลิเวอร์พูล อีกต่อไป ปัจจัยดังกล่าวทำให้ชาวเมืองลิเวอร์พูลตกงานกันมากมาย ซึ่งจุดแตกหักส่วนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความบาดหมางที่ยาวนาน จะเห็นได้ในตราสโมสรของสองทีมจากแนเชสเตอร์ ว่า ทั้งคู่จะมีรูปเรือส่งสินค้าอยู่ด้วย โดยเป็นการสื่อถึงความสำเร็จในการขุดคลองดังกล่าวขึ้น จนเมื่อมาถึงยุคที่ฟุตบอลรุ่งเรือง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นสองทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเกาะอังกฤษจนถึงปัจจุบัน ทั้งสองสโมสรคว้าแชมป์เมเจอร์ต่างๆ รวมกันได้ถึง 121 รายการเลยทีเดียว ต่างฝ่ายต่างมียุคที่รุ่งเรืองของตัวเอง หากทาง หงส์แเดง มีสุดยอดผู้จัดการทีมอย่าง บิลล์ แชงคลีย์ ในยุค 1960 ที่พาทีมบินสูงติดลมบน อริตลอดกาล ปีศาจแดง ก็มี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือในยุค 1990-2000 ที่ฝีมือไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย
แฟนบอล
แน่นอนว่าความระอุของศึกแดงเดือดนั้นเพิ่มอัตราเพราะแฟนบอลทั้งสองฝั่ง ที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ถ่มวาจาเสียดสีแซะกันไปมาอย่างเดือดดาล ยกตัวอย่างเช่น แฟนบอลปีศาจแดง ไปแปลงเพลงเชียร์ของ หงส์แดง ในท่อน “You’ll never walk alone.” เป็น “You’ll never get a job.” ซึ่งล้อไปถึงความบาดหมางในอดีตที่ชาวเมืองลิเวอร์พูลต้องตกงาน ส่วนทางฝั่ง เดอะ ค็อปส์ ก็ไม่น้อยหน้า แต่งเพลงแปลงถึงอดีตนักเตะทีมคู่อริอย่าง แกรี่ เนวิลล์ ว่า “มีเพศสัมพันธ์กับแม่ของตัวเองทางทวารหนัก” ยิ่งไปกว่านั้น ไรอัน กิ๊กส์ ปีกซ้ายระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยพูดถึงสาเหตุที่ผู้จัดการแข่งขันต้องจัดโปรแกรมให้ศึกนี้ต้องเตะกันแต่หัววัน หรือช่วงเที่ยงที่อังกฤษ เป็นเพราะว่าแฟนบอลทั้งสองทีมจะยังไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่เช่นนั้นอาจไปปลุกเลือดนักรบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดเหตุการปะทะเดือด สไตล์ฮูลิแกนอังกฤษก็เป็นได้…สำหรับแฟนบอลของทั้งสองทีมในเมืองไทย ก็ไม่ได้มีดีกรีความเกรียนแตกต่างจากที่อังกฤษเลยสักนิดเดียว สัมผัสบรรยากาศความเดือด รวมไปถึงสกิลความปากดีได้ตามเวบบอร์ดฟุตบอลทั่วไป อาทิ Soccersuck และ Pantip ต่างฝ่ายต่างบลัฟกันไปกันมา ตั้งฉายาใหม่ให้ฝั่งตรงข้ามหัวร้อน ไม่ว่าจะเป็น เป็ดแดง, หมาแดง หรือ หมาถือส้อม เป็นต้น ยิ่งพอหลังจบเกมด้วยแล้วหากผลเป็นใจให้กับฝั่งใดฝั่งหนึ่ง อีกวันย่อมเป็นวันที่เลวร้ายเอามากๆ สำหรับแฟนบอลฝั่งที่ปราชัยเลยทีเดียว เนื่องจากจะโดนเย้ยหยันแบบไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะเจอกันใหม่อีกครั้ง
ทำไมถึงห้ามพลาด
ปฏิเสธได้ยากว่าเกมนี้เป็นการเจอกันของสองทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเกาะอังกฤษ แฟนบอลของทั้งคู่กระจายอยู่ทั่วโลกด้วยจำนวนมหาศาล การถ่ายทอดสดบอลคู่นี้มักจะมีผู้ชมเป็นลำดับต้นๆ ของโลกเสมอ อาจเป็นรองแค่ศึก เอล กลาสิโก้ ระหว่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า ที่อาจล้มเรื่องจำนวนผู้ชมได้ในบางฤดูกาล รูปเกมที่เกิดขึ้นนั้นเดือดดาลเสมอ อารมณ์กับแพสชั่นของนักเตะนั้นมาเต็มที่ หากเป็นสถานการณ์ปกติในเมืองไทย ย่อมมีสปอนเซอร์ที่ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด จัดกิจกรรมให้กับแฟนบอลทั้งสองทีมชมฟุตบอลร่วมกันบ่อยครั้ง สถิติการเจอกันของสองทีมก็ใกล้เคียงกันสุดๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ 81 เกม เสมอกัน 58 เกม และ ลิเวอร์พูล ชนะ 67 เกม น้อยครั้งนักที่เกมคู่นี้จะออกมาน่าเบื่อ เนื่องจากแฟนบอลต่างขยันสร้างดราม่า หากมีจังหวะที่ผู้ตัดสินเป่าค้านสายตา เพื่อเป็นประเด็นถกเถียงหลังจบเกม โดยความสำคัญในเกมที่จะถึงนี้ ปีศาจแดง ยังต้องการสามแต้มในการต่อลมหายใจการลุ้นแชมป์ ส่วนทางผู้มาเยือน หงส์แดง ต้องการชัยชนะในการลุ้นแย่งโควต้าไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าต่อไป การันตีได้เลยว่าไม่มีใครยอมใครอย่างแน่นอน!!!
หากไม่อยากพลาดบทความดีๆ เกี่ยวกับแวดวงฟุตบอล ทั้งในเรื่องเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ในการเดิมพัน, ทีเด็ดบอลเต็ง, วิเคราะห์บอล และทีมทำเงินประจำวัน รวมไปถึงข่าวสารต่างๆ โปรดติดตาม Ufasoccer เว็บไซต์ฟุตบอลที่คัดสรรค์สิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านอยู่เสมอ