Tag: จุดโทษ
- 0
สำหรับฟุตบอลแล้ว การยิงจุดโทษ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่มองข้ามไม่ได้เลย เพราะเกมการแข่งขันบางนัด มาจากการยิงจุดโทษ ทำให้นักเตะที่จะมารับหน้าที่ยิงจุดโทษนั้น ถือว่าสำคัญพอสมควร และเป็นสิ่งที่สโมสรฟุตบอลต้องมี โดยวันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะมายกตัวอย่าง จอมสังหารจุดโทษ พรีเมียร์ลีก ว่ามีใครกันบ้าง
จอมสังหารจุดโทษ พรีเมียร์ลีก มีใครกันบ้าง
แม้ว่าฟุตบอลอังกฤษ ในนามทีมชาติ จะไม่ค่อยมีโชค เรื่องการยิงลูกจุดโทษ สักเท่าไหร่ ยิ่งกับทัวร์นาเม้นต์สำคัญต่างๆ โดยล่าสุดที่เจ็บปวดหัวใจของพวกเขา คือการแพ้การดวลจุดโทษให้กับ ทีมชาติอิตาลี ในศึก ฟุตบอลยูโร รอบชิงชนะเลิศ คาสนามเวมบลี่ย์ สังเวียนเหย้าของตนเอง
ทำได้เพียงเป็นแค่รองแชมป์ แต่ตรงนี้ เราจะมาพูดกันถึง จอมสังหารลูกจุดโทษ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยเรียง 5 อันดับ ในการซัดลูกจุดโทษ เริ่มตั้งแต่
- มาร์ค โนเบิ้ล
เริ่มต้นกันอันดับที่ 5 เป็นทาง มาร์ค โนเบิ้ล กองกลางระดับตำนาน ของสโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมจากกรุงลอนดอน โดยเป็นเด็กปั้นของสโมสร อยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน ซึ่งจบฤดูกาล 2021/22 เขาจะประกาศแขวนสตั๊ด โดยสังหารลูกจุดโทษได้ไป 27 ลูก
แต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่สามารถเพิ่มสถิติเป็นลูกที่ 28 อย่างสุดเศร้า หลังจากเกมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ปะทะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมา สังหารจุดโทษ ในช่วงท้ายเกม แต่ดันซัดไปติดเซฟ ผู้รักษาประตู แต่ก็ยังมีโอกาส ในการทำประตู จากลูกจุดโทษได้อีก เพราะยังเหลือการแข่งขัน อีกหลายนัด
- เซร์คิโอ อเกวโร่
ตำนานกองหน้าของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่าง กุน อเกวโร่ กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ โดยอยู่กับทีมมายาวนานเป็นเวลา 10 ปีเต็ม พาทีมกวาดแชมป์ และความสำเร็จ มาอย่างมากมาย พร้อมกับเป็น กองหน้าเบอร์หนึ่งของทีม
ด้วยผลงานอันสุดยอด ยามฟิตลงสนาม โดยรับหน้าที่สังหารลูกจุดโทษ ยิงไปได้ทั้งหมด 27 ประตู โดยปัจจุบัน กำลังค้าแข้งให้กับ บาร์เซโลน่า ยอดทีมในศึกลาลีกา สเปน
- สตีเว่น เจอร์ราร์ด
ตำนานของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยกองกลางที่เรียกว่า เป็นตำนานเบอร์ต้นๆ ของสโมสรได้เลยทีเดียว โดย เจอร์ราร์ด ที่เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ สัญชาติอังกฤษ รับใช้สโมสรอย่างยาวนาน
โดยเจ้าตัว รับหน้าที่สังหาร ลูกจุดโทษของทีม โดยทำไปได้ทั้งหมด 32 ประตู ก่อนจะย้ายออกจากทีม ไปในปี 2015 ปัจจุบัน ผันตัวมาเป็นกุนซือ กำลังพา เรนเจอส์ โลดแล่นบนลีกสก็อตแลนด์
- แฟรงค์ แลมพาร์ด
มิดฟิลด์โคตรโหด ที่มีสถิติยิงประตู เป็นกอบเป็นกำ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แฟรงค์ แลมพาร์ด กองกลางของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี โดยเจ้าตัวเป็น ตำนานเบอร์หนึ่งของทีม พร้อมเป็นฟันเฟืองสำคัญ พาทีมประสบความสำเร็จมากมาย
ซึ่งเจ้าตัวซัดลูกจุดโทษไปได้ถึง 43 ลูก เรียกได้ว่าคมกริบ ปัจจุบันแขวนสตั๊ด และว่างงาน หลังจากโดน เชลซีทีมรัก ปลดออกจากตำแหน่งในซีซั่นก่อน
- อลัน เชียร์เรอร์
กองหน้าฉายา “ฮ็อตช็อต” อลัน เชียร์เรอร์ ที่มีดีกรีเป็น ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แบบที่ยากที่ใครจะเทียบเคียง ค้าแข้งให้กับหลากสโมสรเช่น เซาแธมป์ตัน, แบล็คเบิร์น และ นิวคาสเซิ่ล ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2006
เจ้าตัวรับหน้าที่สังหารจุดโทษเป็นประจำ และสามารถกระหน่ำไปถึง 56 ประตู เรียกได้ว่า ยิงเยอะอย่างมาก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีใครที่สามารถ ทำลายสองสถิติสุดโหด อย่าง ดาวซัลโวสูงสุดของลีก และดาวซัลโวสูงสุด ของการยิงลูกจุดโทษ ได้หรือไม่
- 0
การแข่งขันฟุตบอล การแข่งขันในสนาม สิ่งที่นักบอลต้องเคารพและปฏิบัติตาม คือกติกาการแข่งขัน เมื่อนักบอลทำผิดกติกา แน่นอนว่าพวกเขามีโอกาสอย่างสูง ที่จะถูกกรรมการตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นการเจตนาหรือไม่เจตนา เมื่อนักฟุตบอลทำผิดกติกาหรือทำฟาวล์ ก็ไม่อาจจะรอดพ้นท่านเปาหรือกรรมการในสนามรวมถึง Var ไปได้ แต่มีบทลงโทษนึง ซึ่งรุนแรงจนแทบจะจบเกมนั้นไปเลย นั่นการฟาวล์ ที่ทีมรับเสียทั้ง จุดโทษ ใบแดง จนหลายคนมองว่า มันเป็นการลงโทษที่โหดร้ายเกินไป
วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพูดคุยกันเรื่องการทำฟาวล์อันร้ายแรง ที่ส่งผลต่อรูปเกมอย่างมหาศาล นั่นคือ จุดโทษและใบแดง กันครับ
จุดโทษ ใบแดง การลงโทษสุดโหดร้าย
การทำฟาวล์ที่รุนแรง การเล่นนอกเกม จนทำร้ายเพื่อนร่วมอาชีพการค้าแข้ง การเข้าสกัดแบบไม่ยั้ง แบบตั้งใจ การเป็นผู้เล่นตัวสุดท้ายและจำเป็นต้องหยุดผู้เล่นฝั่งตรงข้าม หรือผู้เล่นเอ้าท์ฟิลด์จงใจใช้มือเล่นลูกฟุตบอล สกัดลูกฟุตบอล
นี่คือสิ่งที่นักเตะจะโดนผู้ตัดสินในสนาม แจกใบแดงถูกไล่ออกจากสนามได้เลย การเข้าสกัด ปะทะ จงใช้มือ หรือทำฟาวล์อะไรก็ตามในกรอบเขตโทษ แน่นอนว่าถ้าเป็นลูกฟาวล์จริงๆ ที่สามารถเช็คย้อนหลัง Var ผู้ตัดสินก็จะตัดสินให้เป็นลูกจุดโทษ
ถามว่า จุดโทษและใบแดง สำหรับวงการฟุตบอล เป็นการลงโทษที่โหดร้ายหรือไม่ โดยทีมงาน Ufa.soccer ขอยกตัวอย่างประเด็นร้อนๆ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลการแข่งขันฤดูกาล 2021/22 สัปดาห์ที่ 3 เกมวันที่ 28 สิงหาคม 2564
โดยเป็นเกมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านถล่ม อาร์เซนอล ยับเละเทะ 5-0 โดยเกมนั้นเป็นจังหวะที่ กรานิต ชาก้า มิดฟิลด์ของ ไอ้ปืนใหญ่ เสียบเข้าสกัดทั้งสองเท้าเข้าใส่ ชูเอา กันเซโล่
โดนผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน หยิบใบแดงแจกให้ ชาก้า ไล่ออกไปจากสนาม ทำให้ สถานการณ์ของ อาร์เซนอล ลำบากเข้าไปใหญ่ เพราะตอนนั้น โดน แมนฯ ซิตี้ นำไปแล้ว 2-0
หลังจากนั้นก็อย่างที่เห็น ด้วยความที่ 11 คนก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว เลยโดนยำไปถึง 5-0 ในเกมนั้น เป็นการแพ้ที่น่าอับอายอย่างมาก โดย มิเกล อาร์เตต้า ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่ากับสือ BT Sport ว่า
“ใช่ ผมโกรธ เพราะผลที่ตามมาคือ ภาระหนักมันก็ตกอยู่กับทีม ผมต้องพูดด้วยว่า เส้นแบ่งแยกการที่เราถูกตัดสินมันบางมากๆ เพราะสองเกมที่ผ่านมา เราก็โดนการเข้าบอลแบบนี้เหมือนกัน แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และผมก็รู้สึกผิดหวังมากๆ ผมผิดหวังกับจังหวะที่เราเสียประตูที่สองด้วย ที่พวกเขาปล่อยลูกนั้นให้เป็นประตู”
จากสิ่งที่ อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ให้สัมภาษณ์ เราขอเจาะจงไปที่เขาพูดถึงประมาณว่า ไม่พอใจกับการตัดสินและคิดว่าไม่ควรเป็นใบแดง
แต่เอาเข้าจริง Var เขาก็มีให้ดู ชัดเจนเลยว่า ชาก้า ไม่มีเจตนาจะเล่นบอลเลยแม้แต่น้อย มีอาการหัวร้อนอย่างชัดเจน จากการโดนนำห่าง 2 ลูก แถมยังทำอะไรไม่ได้ เลยระเบิดอารมณ์เสียเลย
ซึ่งยังดีที่ ชูเอา กันเซโล่ รู้ตัวหลบได้ทัน ไม่งั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเป็นอย่างไร เพราะจงใจทำร้ายเพื่อนร่วมอาชีพด้วยซ้ำ ตรงนี้ถือว่าการให้ใบแดง ไม่มีความโหดร้ายไปเลย ควรเข้าใจและเคารพกติกา เก็บอารมณ์ให้ดีกว่านี้
นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ชาก้า โดนใบแดงด้วยอะไรทำนองนี้ เขาได้รับใบแดงมามากแล้ว ในการค้าแข้งให้กับ อาร์เซนอล แต่เจ็บแล้วไม่จำ ก็ยอมรับผลการกระทำไป ว่ามันส่งผลเสียต่อทีมมากแค่ไหนและแฟนบอลเอง ก็ลืมตามองความเป็นจริงได้แล้ว
กติกาก็เป็นไปตามกติกา เชื่อว่าปัจจุบันยิ่งกับพรีเมียร์ลีก ไม่มีการตัดสินที่เอนเอียงเกิดขึ้นแล้ว เพราะ Var มีให้ดูหมด แต่ก็อยู่ที่ว่ากรรมการจะเลือกดูหรือเปล่า จะได้รับคำแนะนำจากทีมงานให้ดูหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินและทีมงาน ต่างก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีความรู้สึก นึกคิด แต่ดุลยพินิจของกรรมการในสนาม ก็ถือว่าเป็นที่สุด ทุกคนในสนาม ต้องเคารพกติกาและอย่างลืมว่าฟุตบอล เล่นเพื่อสร้างมิตรภาพ
แม้จะเป็นการแข่งขัน แต่ก็ต้องอยู่ในกติกาและขอบเขต ไม่ทำร้ายเพื่อนร่วมอาชีพและควรแฟร์เพลย์ แต่สิ่งที่ ชาก้า ทำ ก็เหมาะสมแล้วที่จะโดนใบแดง
ต่อมาเหตุการณ์ที่จะว่าโหดร้ายไปบ้าง ก็พอเข้าใจได้ ในกรณีของเกมบิ๊กแมตช์ ที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ พบกับ เชลซี โดยเกมนั้นลงเอยด้วยการเสมอ 1-1 แต่ไฮไลท์อยู่จังหวะที่ รีซ เจมส์ สกัดบอลจากเส้นประตู
โดยฟุตบอลโดนต้นขา และกระเด็นขึ้นไปโดนแขนที่เจ้าตัว เมื่อผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน เช็ค Var จึงให้ ลิเวอร์พูล เจ้าถิ่นได้จุดโทษและให้ใบแดงกับ รีซ เจมส์ ซึ่งก็สร้างความวุ่นวายกันพอสมควร สุดท้ายแล้วก็เกมก็จบที่ 1-1
ถามว่า เป็นการตัดสินที่โหดร้ายไหม ถ้าเอาความรู้สึกอาจจะโหดร้ายบ้าง แต่ถ้าเอาตามกติกา ถือว่าถูกต้องแล้ว เพราะกฏบัญญัติไว้ชัดเจนว่า
หากจงใจใช้มือหรือแขน ในขณะที่ทำให้ร่างกายใหญ่กว่าธรรมชาติ ให้โดนลูกฟุตบอลหรือเสี่ยงโดนลูกฟุตบอล นักเตะจะถูกพิจารณาว่าทำให้ร่างกายใหญ่กว่าเดิมแบบไม่เป็นธรรมชาติ
ทีนี้กรรมการก็ตัดสินได้ว่า รีซ เจมส์ นั้นตั้งใจหรือไม่อย่างไร แต่จากการดูภาพช้าก็ถือว่าดูลำบากแต่ก็อย่างไรตาม เจ้าตัวกางแขนไว้จริงๆ ต่อมาควรโดนใบแดงหรือไม่ ก็มีกฏชัดเจนอยู่ว่า ปฏิเสธประตู หรือโอกาสทำประตูที่ชัดเจนของคู่แข่ง ด้วยการทำแฮนด์บอล
นั่นแปลว่า รีซ เจมส์ โดนใบแดงก็ไม่ผิดแปลกอะไร แน่นอนว่ามันสร้างความไม่พอใจให้แฟนบอลเชลซี แต่กฏก็ย่อมเป็นกฏ ก็ควรยอมรับคำตัดสินของกรรมการ สุดท้ายแล้วเกมก็ดำเนินต่อไปจนจบเกม
เชื่อเถอะว่า ไม่มีการเป่าเอนเอียงกันอีกแล้วในปัจจุบัน การเคารพกติถือว่าเป็นหนึ่งการเล่นที่แฟร์เพลย์ ยกเว้นมันจะเป็นจังหวะที่ไม่สมควรฟาวล์แบบน่าเกลียดจริงๆ ตรงนั้นค่อยมาว่ากัน
สรุปแล้ว จุดโทษหรือใบแดง ไม่มีอะไรโหดร้าย หากนักฟุตบอลเล่นตามเกม ไม่จงใจตั้งใจทำฟาวล์ หรือมันสมควรต้องตัดฟาวล์จริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของทีม ตรงนี้ก็ไม่มีใครว่าได้ แต่อย่าถึงขั้นตั้งใจจงใจทำร้ายเพื่อนร่วมอาชีพกันเลย