แมนออฟเดอะแมตช์ ยูซีแอล รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกสอง วันที่ 12-13 เมษายน 2565

ผ่านการแข่งขันเลกแรก ครบทุกคู่ไปแล้ว สำหรับศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย เรียกว่าระเบิดความมันส์กันไปแบบสุดทีน โดยแต่ละคู่ที่แข่งขันกัน ร่วมเข้มข้นทั้งนั้น ในระหว่างรอบ 8 ทีมสุดท้ายนี้ โดยทางทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพูดถึง แมนออฟเดอะแมตช์ ยูซีแอล รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกสอง วันที่ 12-13 เมษายน ว่าจะเป็นนักเตะแข้งทองรายไหน ทำได้แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้

แมนออฟเดอะแมตช์ ยูซีแอล รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกสอง วันที่ 12-13 เมษายน

มาดูกันว่า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ยูซีแอล รอบ 8 ทีมสุดท้าย เลกแรก วันที่ 12 ถึงวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา จะมีใครกันบ้าง แต่ก่อนอื่น ทางทีมงาน ขอแนะนำ ก่อนอื่น ทางทีมงาน ขอแนะนำ Ufabet เวปเดิมพันออนไลน์ ที่ครบวงจรมากที่สุด เปิดให้บริการร่วม 20 ปี คร่ำหวอดในวงการอย่างยาวนาน มีให้เล่นทั้ง ฟุตบอล กีฬา เกม และ คาสิโน ครบวงจร สนใจสามารถติดต่อได้ที่ Ufabet โปรดระวังของเลียนแบบ

แอตเลติโก มาดริด 0 – 0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ตราหมีแอตเลติโก มาดริด ยอดทีมจากลาลีกา สเปน เปิดสนาม ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ เสมอกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองแชมป์เก่า ยอดทีมจากพรีเมียร์ลีก แบบไร้สกอร์ แต่มีเหตุการณ์ดราม่าสุดมันส์ท้ายเกม รวมสกอร์สองนัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 1-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

โดยเกมนี้ เริ่มต้นเกมมา กลายเป็นทีมเยือนที่ครองบอลมากกว่าตามสไตล์ แต่ก็หาจังหวะบุกได้ยากพอสมควร เพราะทีมเจ้าบ้าน แนวรับเล่นได้แข็งแกร่งเช่นเดิม แถมเจ้าบ้านยังมีโอกาสได้ครองบอล และ ได้บุกมากขึ้นกว่าเกมนัดแรก

ครึ่งแรกยังไม่มีอะไรมากมายนัก ทั้งสองฝ่ายต่างมีโอกาสทำประตู แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จบครึ่งแรก ทีมเยือนครองบอลได้มากกว่า แต่เจ้าบ้านก็ได้บุกเหมือนกัน

ครึ่งหลัง เจ้าบ้านพยายามโหมบุกมากขึ้น เพราะสกอร์รวมยังตามหลัง ซึ่งก็ได้บุกมากขึ้นจริงๆ และพยายามเพิ่มดีกรีความดุดันเข้าไปด้วย แต่ก็ได้แค่หวาดเสียวเท่านั้น

ช่วงปลายครึ่งหลัง เจ้าบ้านได้บุกมากขึ้นและเกมก็เดือดขึ้นเรื่อยๆ และหลังจากนั้น เจ้าบ้านก็ได้บุกมากขึ้นและมีจังหวะสับไกลพอสมควร แต่กลายเป็นว่าทีมเยือน ที่ผลสกอร์นำอยู่จากเลกแรก พวกเขาต้องการรักษาผลสกอร์เอาไว้ให้ได้ เลยเล่นแบบชวนอึดอัด

ทำให้ช่วงท้ายเกม เกมตึงเครียดอย่างมาก จนมีการปะทะกระทบกระทั่งกันต่อเนื่อง จนช่วงท้ายเกม จังหวะ ฟิล โฟเด้น บาดเจ็บนอกสนามแต่เข้ามาล้มตัวในสนาม ทำให้ทั้งสองทีมกระทบกระทั่งกันอย่างหนักหน่วง ผลสุดท้าย เฟลิเป้ กองหลังทีมเจ้าบ้าน โดนใบแดนไล่ออกจากสนาม

หลังจากนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เกมจบลงด้วยสกอร์ 0-0 รวมผลสกอร์สองนัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จตามคาด

ซึ่งแมนออฟเดอะแมตช์ ของเกมนี้ เป็นทาง จอห์น สโตนส์ กองหลังชาวอังกฤษ ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งเกมรับที่โชว์ฟอร์มได้เหนียวแน่น ช่วยทีมเก็บคลีนชีท และ เกมรุกที่ช่วยขึ้นบอลตั้งแต่แดนหลัง รับรางวัลนี้ไป

ลิเวอร์พูล 3 – 3 เบนฟิก้า

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมดังจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดสนาม แอนฟิลด์ โดน “เหยี่ยวลิสบอน” เบนฟิก้า ยอดทีมจากโปรตุเกส ไล่เจ๊าด้วยสกอร์สุดมันส์ 3-3 แต่รวมผลสกอร์สองนัด ลิเวอร์พูล เข้ารอบด้วยสกอร์ 6-4 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

โดยเกมนี้ ลิเวอร์พูล โรเตชั่นนักเตะหลายตำแหน่ง แต่ก็ยังแกร่งอยู่ดียามเล่นในบ้านยิ่งเก่ง โดยเกมนี้เริ่มต้นมาไม่ทันไร เจ้าบ้านก็ครองเกมได้ทันที จนมาได้ประตูนำในนาทีที่ 21 จากลูกโหม่งจาก อิบราฮิม่า โกนาเต้ ทำให้ ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0

แต่ทว่านาทีที่ 32 ทีมเยือนได้ประตูตีเสมอ จากลูกยิงจาก กอนคาโล่ รามอส ทำประตูอย่างสุดสวยให้ทีมเยือน เบนฟิก้า ไล่เจ๊ามาเป็น 1-1 หลังจากนั้นครึ่งแรกยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น สกอร์อยู่ที่ 1-1 ในครึ่งแรก

ครึ่งหลัง เจ้าบ้านเน้นมากขึ้นและยังครองเกมได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนทีมเยือนก็ได้สวนกลับบ้าง จนในนาทีที่ 55 เจ้าบ้านได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 51 จาก โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ และในนาทีที่ 65 โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ก็ทำประตูที่สองของตัวเอง ทำให้ ลิเวอร์พูล ออกนำ เบนฟิก้า 3-1

ทว่าหลังจากนั้นทีมเยือนก็ยังไม่ยอมแพ้จนมาได้สองประตูรวดในช่วงท้ายเกม ในนาทีที่ 73 จาก โรมัน ยาเร็มชุค และ ดาวิน นูเนซ ในนาทีที่ 82 หลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ทำอะไรกันไปได้ สกอร์จบลงด้วยผล 3-3 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เข้ารอบรองชนะเลิศ

ซึ่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของเกมนี้ เป็นทาง กอสตาส ซิมิกาส แบ็คชาวกรีซที่ได้รับรางวัล แมนออฟเดอะแมตช์ ในเกมนี้ หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเกมรุก ที่เติมได้สนุกตลอดเกม

เรอัล มาดริด 2 – 3 เชลซี

“ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เกือบตกรอบ เปิดสนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ณ กรุงมาดริด แพ้คาบ้านให้กับ แชมป์เก่า “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ด้วยสกอร์ 2-3 ช่วงต่อเวลาพิเศษ แบบสุดดราม่า ยังเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 5-4

โดยเกมนี้ เริ่มมาถึงไม่ทันไร ทีมเยือน เชลซี ก็ทำเกมได้ดีกว่า จนมาได้ประตูขึ้นนำจาก เมสัน เมาท์ มิดฟิลด์ตัวเก่งของทีม ซัดด้วยเท้าขวา ในนาทีที่ 15

หลังจากนั้น เจ้าบ้านยังทรงไม่ดี ยังดูตั้งเกมไม่ได้ และ กลายเป็นทีมเยือนที่ได้ประตูแรกไปแล้ว ก็ยิ่งฮึกเหิม บดต่อเนื่อง แต่ครึ่งแรกก็ไม่มีสกอร์เพิ่มเติม เชลซี นำไปก่อนหนึ่งลูก

ครึ่งหลัง เจ้าบ้านยังไม่ทันได้ทำอะไร กลายเป็น เชลซี ที่มาได้ประตูที่ต้องการ จากการโหม่งสุดสวยจาก อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ยอดกองหลังจอมถล่มประตูของทีม ในนาทีที่ 51 ทำให้ เชลซี นำ เรอัล มาดริด 2-0 แถมสกอร์รวมสองนัดกลายเป็น 3-3 ตอนนี้โอกาสเข้ารอบเปิดกว้างสำหรับสองทีม

หลังจากนั้น เชลซี บุกอย่างต่อเนื่อง และมีจังหวะที่ มาร์กอส อลอนโซ่ ทำประตูได้ แต่ถูก Var จับว่าแฮนด์บอล หลังจากนั้นทีมเยือนยังทำได้ดีกว่า แม้เจ้าบ้านจะมีโอกาส แต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก และในที่สุดประตูที่ เชลซี ต้องการก็มาถึง เมื่อ ติโม แวร์เนอร์ หลุดไปทำประตูอย่างสุดสวย ในนาทีที่ 75 ทำให้ เชลซี นำห่าง 3-0

เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ เชลซี ที่สกอร์รวมนำอยู่ 4-3 แต่สุดท้าย ทีมเจ้าบ้าน เรอัล มาดริด ก็มาได้ประตูที่ต้องการ จาก โรดดริโก้ ดาวยิงตัวสำรอง ในนาทีที่ 83 ทำให้สกอร์เป็น 1-3 สกอร์รวม เป็น 4-4 เท่า เสมอกันไปต้องต่อเวลาพิเศษ

ช่วงต่อเวลาพิเศษกลายเป็นเจ้าบ้านที่ทำได้ดีขึ้น ดูเหมือนทีมเยือนจะเสียกำลังใจไปพอสมควร และในที่สุดเจ้าบ้านก็มาได้ประตูสำคัญในนาทีที่ 96 จากการโหม่งของ คาริม เบนเซม่า สกอร์อยู่ที่ 2-3 สกอร์รวมอยู่ที่ เรอัล มาดริด นำ 5-4

ช่วงเวลาหลังจากนี้ เจ้าบ้านเล่นอุ่นใจมากขึ้นและเน้นผลการแข่งขันเต็มที่ ยันรักษาสกอร์ไว้ให้ได้ ส่วนทีมเยือน เชลซี ก็พยายามแล้วพยายามเล่า แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จบเกม กลายเป็น เรอัล มาดริด ที่แพ้ 2-3 เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 5-4 แซง เชลซี เข้ารอบได้อย่างสุดยอด

ซึ่งแมนออฟเดอะแมตช์ ของเกมนี้ เป็นทาง ลูก้า โมดริช โคตรมิดฟิลด์ขิงแก่ ที่เล่นได้อย่างเวิร์ลคลาส มีส่วนช่วยในเกมรุกของทีมอย่างสม่ำเสมอ แถมทำแอสซิสต์สุดสวยได้อีกด้วย รับรางวัลนี้อย่างสุดยอด

บาเยิร์น มิวนิค 1 – 1 บียาร์เรอัล

“เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมจากบุนเดสลีกา เยอรมัน เปิดสนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า ทำได้เพียงแค่เสมอกับ “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาร์เรอัล ทีมจากลาลีกา สเปน ด้วยสกอร์ 1-1 รวมผลสกอร์สองนัด บียาร์เรอัล ชนะ 2-1 เข้ารอบได้อย่างหักปากกาเซียนอีกครั้ง

โดยเกมนี้ บาเยิร์น มิวนิค จัดเต็ม ไล่ตั้งแต่แนวรุกนำโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โคตรกองหน้าตัวหมายระดับเบอร์ต้นๆ ของโลก นำทัพ ซึ่งตั้งแต่เริ่มเกมมา เจ้าบ้าน โหมเกมรุกบุกหนักแบบไม่มีพักไม่มีผ่อน ส่วนทีมเยือนก็เน้นขึ้นเกมกันตั้งแต่ผู้รักษาประตู ส่วนเกมรับยังเหนียวแน่นเหมือนเกมนัดแรก

ซึ่งเกมนัดนี้คล้ายกับนัดแรก แต่เจ้าบ้านก็ยิ่งเพิ่มดีกรีเกมรุกบุกใส่ต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สามาำพาบอลเข้าประตูไปได้เลย ส่วนทีมเยือนเล่นอย่างชวนอึดอัด ไม่ได้ก็ไม่เสีย รอจังหวะโต้กลับ ครึ่งแรก สกอร์ยังเสมออยู่ 0-0

ครึ่งหลังเจ้าบ้านแก้เกมมาใหม่ แล้วก็มาได้ประตูที่ต้องการจนได้ในนาทีที่ 52 และไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือเจ้าเก่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ซัดตุงตาข่าย สกอร์ตอนนี้ บาเยิร์น มิวนิค นำ 1-0 สกอร์รวม เสมออยู่ที่ 1-1

หลังจากนั้นเจ้าบ้านบุกต่อเนื่อง แต่ทีมเยือนยังไม่เสียทรง ยังยันเอาไว้ แต่ก็เกือบจะยวบเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สุดดราม่าก็เกิดขึ้น เมื่อทีมเยือน บียาร์เรอัล ได้จังหวะสวนกลับ และกลายเป็น ซามูเอล ชุควูเซ่ ได้ยิงเต็มข้อตุงตาข่ายในนาทีที่ 89 ซึ่งเป็นนาทีบาปเหลือเกิน ทำให้ บียาร์เรอัล ตีเสมอ บาเยิร์น มิวนิค เป็น 1-1

หลังจากนั้นไม่มีทีมไหนทำประตูได้ กลายเป็น บาเยิร์น มิวนิค จอดแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ทำได้เพียงแค่เสมอกับ บียาร์เรอัล 1-1 สกอร์รวม บียาร์เรอัล แซงเข้ารอบด้วยสกอร์ 2-1 แบบเหลือจะเชื่อ

ซึ่งแมนออฟเดอะแมตช์ ของเกมนี้ เป็นทาง ราอูล อัลบิโอล ปราการหลังของ บียาร์เรอัล ที่เล่นโดดเด่นตลอดทั้งเกม รับรางวัลนี้ไปครองอย่างยอดเยี่ยม

Posted in บทความฟุตบอล


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *