เชลซี กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ก่อนจะเป็นแชมป์

เชลซี กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก เรียกว่าพลิกโผใช่ย่อย สำหรับตำแหน่งจ้าวยุโรปในซีซั่นนี้ ซึ่งหลายท่านทราบกันดีว่า “สิงโตน้ำเงินครามเชลซี สามารถคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปอย่าง UEFA CHAMPIONS LEAGUE มาครองได้สำเร็จ

รอบรองชนะเลิศ เชลซี คว้าแชมป์เหนือทีม “เรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ 1-0 ไม่ต้องต่อเวลาพิเศษ

คว้าแชมป์ได้เป็นครั้งที่ 2 ของประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งสร้างความชื่นมื่นให้กับสาวกสิงห์บลูกันอย่างถ้วนหน้า ลอนดอนกลายเป็นสีน้ำเงินทั่วผืนกันเลยทีเดียว โดยวันนี้ วิเคราะห์บอล UFA จึงขอนำเสนอ เส้นทางการเป็นแชมป์ของ เชลซี ว่าพวกเขาผ่านอะไรกันมาบ้าง ซึ่งซีซั่นนี้พวกเขาเจอความยากลำบากอย่างมาก กว่าจะผ่านมาถึงตำแหน่งแชมป์เปี้ยน มีการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างมากมาย เรามาดูกันว่า กว่าที่พวกเขาจะมาถึงจุดนี้ ต้องผ่านอะไรกันมาบ้าง เชิญอ่านกันได้เลยครับ

เส้นทางสู่ชัยชนะของ เชลซี กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก

ขอย้อนไปซีซั่นก่อน ฤดูกาล 2019/20 ด้วยการนำทัพคุมทีมของกุนซือผู้เป็นนักเตะโคตรตำนานของสโมสร นั่นก็คือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สามารถพาสโมสรต้นสังกัดจบอันดับ 4 ได้ผ่านเข้ามาเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่น 2020/21 ได้สำเร็จ

แถมฤดูกาลนั้นพวกเขาโดนแบนเรื่องการซื้อขายด้วย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาจอดแค่รอบชิงชนะเลิศในศึกเอฟเอ คัพ อย่างไรก็ตามนับว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของ

ซูเปอร์แฟร้งค์

โดยซีซั่น 20/21 เชลซี ได้เสริมทัพนักเตะที่น่าสนใจหลายราย เพื่อสู้ทุกศึกในซีซั่นดังกล่าว อาธิ

  • ติโม แวร์เนอร์
  • ไค ฮาเวิร์ตซ์
  • อาคิม ซีเย็ค
  • เบน ชิลเวลล์
  • เอดูอาร์ เมนดี้
  • ติอาโก้ ซิลวา

ที่เซ็นมาฟรี ส่วนผลงานในลีกจะขอข้ามครับ มากันที่รอบแบ่งกลุ่มกันก่อน

รอบแบ่งกลุ่ม

เชลซี อยู่กลุ่ม อี โดยมี เซบีย่า ยอดทีมจากลาลีกา สเปน, คราสโนดาร์ จากรัสเซีย และ แรนส์ ทีมจากลีกเอิง ฝรั่งเศส ร่วมกลุ่มอยู่ด้วย

โดยตอนนั้น ด้วยการคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทำผลงานในรอบแบ่งกลุ่มได้อย่างสวยงาม สามารถเป็นแชมป์กลุ่ม ด้วยสถิติ ชนะ 4 นัด เสมอ 2 นัด ไม่แพ้เลยแม้แต่นัดเดียว ยิงได้ 14 ประตู เสีย 2 ประตูเท่านั้น ผ่านเข้ารอบต่อไป โดยเจอกับ “ตราหมี แอตเลติโก มาดริด ทีมจอมแทคติกจาก ลาลีกา สเปน

รอบ 16 ทีมสุดท้าย

รอบนี้ตัว แฟร้งค์ แลมพาร์ด ถูกปลดไปแล้วหลังจากทำผลงานในลีกได้อย่างน่าผิดหวัง ตอนนี้เป็น โธมัส ทูเคื่ล อดีตกุนซือของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เข้าคุมทีมแทนที่

ซึ่งเมื่อเจ้าตัวเข้ามารับงานในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ผลงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดครับ เจ้าตัวมาในระบบ 3-4-3 ครับ เกมเลกแรก ไปเยือนของแข็งอย่าง แอตเลติโก มาดริด แต่พวกเขาเหนือกว่าเหลือเกิน การยืนเพลสซิ่ง ทำได้ดีมาก จนแข้งตราหมีทำอะไรไม่ได้เลย โดยเกมนั้น เชลซี ชนะไปก่อน 1-0 กุมความได้เปรียบอย่างมาก ก่อนกลับมาเล่นในบ้านของตัวเอง ต่อมาเกมเลกสอง ทีนี้เล่นในบ้าน ยังโชว์เหนืออีกครั้งกด ตราหมี แทบทั้งเกมและเอาชนะอย่างไม่ยากเย็นด้วยสกอร์ 2-0 รวมผลสองนัด ชนะ 3-0 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ในชนิดที่ว่า ยอดทีมจากสเปนเสียรังวัดไปเหมือนกัน

รอบ 8 ทีมสุดท้าย

รอบนี้เหมือนจะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก เมื่อเจอกับ ปอร์โต้ ยอดทีมแห่งโปรตุเกส ทีมที่ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะเป็นเลิศ มีทีเด็ดหลายอย่าง แต่เกมนัดแรก เชลซี ผู้ที่ต้องออกไปเยือนก่อน ก็เล่นได้อย่างเหนียวแน่น มีระเบียบดีเหลือเกิน แม้ทางเจ้าบ้าน จะได้โอกาสพังประตู แต่ก็ไม่เฉียบคมพอ

เกมนั้นจบลงด้วยชัยชนะของ เชลซี ซัดไป 2-0 ก่อนที่เกมเลกสอง เล่นในบ้าน แต่เกมนี้เหมือนนักเตะจะเล่นติดประมาทไปบ้าง แพ้คาบ้านให้กับ ปอร์โต้ ผู้ที่มาบุกยับๆ แต่ทำได้เพียงชนะแค่ 1-0 ทำให้ผลสกอร์สองนัด เชลซี เข้ารอบอย่างหวุดหวิด ด้วยสกอร์ 2-1

รอบ 4 ทีมสุดท้าย

รอบรองชนะเลิศนี่ล่ะครับของจริง แฟนบอลสิงห์บลูลุ้นกันฉี่แทบราด เมื่อต้องมาเจอ โคตรทีมอย่าง “ราชันชุดขาวเรอัล มาดริด ที่ผลงานในแชมเปี้ยนส์ลีกมาแรงเหลือเกิน เป็นทีมที่อันตรายและเป็นทีมเต็งแชมป์อีกต่างหาก อย่างไรก็ตามเกมนั้น ในการออกไปเยือนท่ามกลางสายฝนที่ตกทั้งเกม เชลซี ทำได้ดีกว่าครับและน่าจะชนะได้ด้วยแต่ทว่า เรอัล มาดริด ยันอยู่ จบเกมเสมอกันไปก่อน 1-1 ก่อนที่ยกที่สอง โธมัส ทูเคิ่ล ปล่อยของร่วมกับนักเตะของทีมที่พร้อมเล่นตามแทคติกเป๊ะๆ ทำให้ เชลซี ชนะ เรอัล มาดริด ได้สบายๆ 2-0 รวมผลสองนัด ชนะ 3-1 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังใกล้เข้ากับแชมป์สมัยที่สอง เหลือเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ปล. ก็องเต้ ได้รับ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ สองนัดติดอีกต่างหาก

รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2020-2021

สองทีมจากเกาะอังกฤษเจอกันเองอีกครั้ง โดย เชลซี พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยสถิติ 2 นัดหลังสุด โธมัส ทูเคิ่ล พาทีมชนะ แมนซิตี้ ได้ทั้งหมดอีกด้วย เกมนี้เมื่อนกหวีดเป่าขึ้น แน่นอนว่าเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ครองบอลมากกว่า แต่ก็ไม่สามารถทำอะไร เชลซี ได้ถนัดนัก ซึ่งต้องยอมรับว่า แท็คติกของ ทูเคิ่ล นั้นได้ผลอย่างมาก รวมถึงต้องยอมรับขุมกำลัง 11 คนตัวจริงในเกมนี้ ที่เล่นได้ตามตำราเป๊ะๆ โดยเฉพาะกองหลังอย่าง รูดิเกอร์ ที่เป็นหัวใจในเกมรับยิ่งกว่าใครๆ และที่สำคัญคือ ก็องเต้ ที่กัดไม่ปล่อย เจ้าตัวอยู่ในทุกที่ของสนาม ไม่ปล่อยให้แผงมิดฟิลด์ เรือใบสีฟ้า ทำอะไรได้ถนัดนัก และช่วงท้ายครึ่งแรก ไค ฮาเวิร์ตซ์ วิ่งฝ่ากับดักล้ำหน้าหลุดไปยิงอย่างง่ายดาย และนี่คือสกอร์เดียวที่เกิดขึ้นในเกมนี้ ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีโอกาสกันมากนัก แม้ทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะโหมบุกแค่ไหนก็ตาม แต่แนวรับของ เชลซี แข็งแกร่งดังภูผา ไม่ปล่อยให้ เมนดี้ นายทวารต้องเจองานยากเลย มีเพียงจังหวะก่อนหมดเวลา ที่ โฟเด้น ยิงข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดจบเกม เป็นชัยชนะ ของ เชลซี และเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 2 ของสโมสรอีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ตอนที่ปลด แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังมีคำถามถึงเสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิช อย่างมากมาย แต่ตอนนี้ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว ว่านี่คือตัวเลือกที่ถูกต้อง เพราะเพียงเวลาร่วม 4 เดือนกว่า เทรนเนอร์ชาวเยอรมันเข้ามาคุมทีม ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด น่าเสียดายที่พวกเขาดันอดถ้วย เอฟเอ คัพ และยังโชคดีที่จบที่ 4 ได้หลังจากต้องลุ้นจนวินาทีสุดท้าย น่าสนใจเลยทีเดียว่าฤดูกาลนี้พวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหนกับทีมพลังหนุ่มชุดนี้ ฤดูกาลหน้าเราจะมาติดตามกันอีกครั้ง

Posted in วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *