ปรีวิว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ

ศึกชิงความเป็นจ้าวยุโรป หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2020/21 เดินทางใกล้ถึงปลายทางเต็มที พรุ่งนี้จะเป็นเกมการแข่งขันรอบตัดเชือกนัดแรกแล้ว ซึ่งทีมที่ผ่านเข้ามาล้วนเป็นทีมระดับยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลทั้ง เรอัล มาดริด, เชลซี, ปารีส แซงแชร์กแมง และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เห็นจากรายชื่อทีมแล้ว เชื่อว่าคอบอลตัวจริงจะไม่พลาดอย่างแน่นอน วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะมาปรีวิวก่อนเกมให้แฟนๆได้รู้ทุกข้อมูลของแต่ละทีม เพื่อนำไปวิเคราะห์คัดหาทีเด็ดทำเงินกัน

ความพร้อมล่าสุดของทั้ง 4 สโมสร

• “เปแอสเช” ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เริ่มต้นกันที่ทีมทีมดังจากลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่ฤดูกาลก่อนหน้าได้ทะลุเข้าไปชิงแชมป์รายการนี้ แต่ก็ต้องอกหักเป็นได้แค่พระรอง โดยพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเลยคือตัวกุนซือจาก โธมัส ทูเคิ่ล มาเป็น เมาริซิโอ โปเชตติโน เส้นทางการผ่านเข้ามาสู่รอบนี้ฝ่าฟันมาอย่างยากลำบาก รอบแบ่งกลุ่มเกือบเอาตัวไม่รอดอยู่ในกลุ่มเอช ที่มีทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แอร์เบ ไลป์ซิก แต่สุดท้ายก็ยังแซงขึ้ยมาตบได้ในฐานะทีมแชมป์ก่อน รอบ 16 ทีม เจอกับอีกศึกหนัก บาร์เซโลน่า แต่ เปแอสเช ก็ยังทำได้อย่างยอดเยี่ยมเอาชนะได้แบบขาดลอยด้วยสกอร์รวม 5-2 เดินทางมาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ(8 ทีม) ต้องโคจรมาพบกับคู่แค้น บาเยิร์น มิวนิค ที่ชิงชนะเลิศกันเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา คราวนี้เป็นทีของทีมจากลีกเอิงที่แก้แค้นได้สำเร็จผ่านเข้ารอบได้แบบหวาดเสียวด้วยกฎอเวยโกล หลังจบสองเลกเสมอกันแบบสุดมัน 3-3 และนี้คือสรุปสถิติของพวกเขาในรายการนี้ทั้งหมดลงสนามไป 10 เกม ชนะ 6, เสมอ 1, แพ้ 3 ยิงได้ 20 ประตู, เสีย 10 ประตู สำหรับความพร้อมล่าสุดของพวกเขาบรรดาแข้งตัวเก่งฟิตพร้อมสมบูรณ์กันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น คีลิยัน เอ็มบัปเป้ หรือ เนย์มาร์ ศึกครั้งนี้ เปแอสเช จึงพร้อมรบแบบเต็มสูบ
• “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาลนี้ทัพเรือใบล้างอาถรรพ์ได้สำเร็จเดินทางผ่านเข้ามาสู่รอบรองชนะเลิศจนได้ โดยบ่อนทุกสำนักยังคงยกให้พวกเขาเป็นทีมวางเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ไปเชยชม โดยเส้นทางของพวกเขาไม่มีพายุให้สั่นไหวเลย รอบแบ่งกล่มคว้าแชมป์ได้แบบกลุ่มซีได้แบบไม่ยาก ด้านรอบน็อคเอาท์เจอด่านไม่แข็งนักสามารถเขี่ย 2 ตัวแทนจากบุนเดสลีกา เยอรมัน ออกจากรายการได้ทั้งหมด เริ่มด้วยการเอาชนะ “สิงห์หนุ่ม” โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ได้แบบไม่ยาก 4-0 ก่อนที่จะมาออกแรงเหนื่อยเล็กน้อยปราบพยศ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้ในรอบที่ผ่านมา(8 ทีมสุดท้าย) ด้วยสกอร์รวม 4-2 ทำให้สถิติโดยรวมในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกของ ซิตี้ สวยหรู ลงสนาม 10 เกมยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น เก็บชัยชนะได้ถึง 9 เกม และเสมออีก 1 เกม ทางด้านสภาพความพร้อมของทีมก็มีข่าวดีสุดๆ ก่อนจะลงสนามยังไม่มีรายงานผู้เล่นคนใดบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว มีนักเตะให้กุนซือสมองใส เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เลือกใช้แบบเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขายังคว่ำ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คว้าแชมป์คาราบาว คัพ เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน เป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนลงสู้ศึกสำคัญได้อีกด้วย
• “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ทีมจ้าวแห่งยุโรปที่ลงเล่นรายการนี้ที่ไรมักจะเล่นดีแบบผิดหูผิดตา แม้ฟอร์มในประเทศจะเน่าเพียงใดก็ตาม โดยทัพราชัน อยู่ภายใต้การทำทีมของ ซีเนดีน ซีดาน กุนซือสมองเพรซที่เคยพาทีมเป็นจ้าวยุโรป 3 สมัยติดต่อกัน ไปดูที่ผ่านงานของ มาดริด ปีนี้ทีมค่อนข้างมีปัญหาทำให้เริ่มต้นรอบแบ่งกลุ่มได้แบบทุลักทุเล แม้เพื่อนรอบกุล่มบีจะไม่ค่อยแข็งมาก แต่พวกเขาต้องไปวัดใจกันถึงเกมสุดท้าย ก่อนที่จะอาศัยประสบการณ์เอาชนะได้ทำให้ผ่านเข้ารอบมาได้ในฐานะทีมแชมป์กลุ่ม ด้านผลงานในรอบ 16 ทีมเจอก็หยุดความแรงของทีมจากอิตาลี “เทพธิดา” อตาลันต้า ได้ด้วยการยัดเยียดความปราชัยให้ถึง 4-1 ส่วนรอบก่อนรองชนะเลิศเจอกับทีมดังจากเกาะอังกฤษ ลิเวอร์พูล ก็ยังอาศัยความเก๋าเกมกว่าปราบ หงส์แดง ได้แบบไม่ยากนักด้วยสกอร์รวม 3-1 สถิติโดยรวมของ มาดริด ในเวทียุโรปซีซั่นนี้ลงเล่นไป 10 เกม เก็บชัยได้ 6, เสมอ 2, แพ้ 2 ยิงได้ 18 ประตู และเสีย 11 ประตู เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้สวนหรู แต่เจนจัดไปด้วยประสบการณ์ทำให้พวกเขายังคงเป็นทีมที่น่ากลัวมากๆ ในรายการนี้ ไปดูที่สภาพความพร้อมล่าสุดทีมยักษ์ใหญ่จากสเปน ได้ผู้เล่นตัวเก่งกลับมาทันเวลาพอดีหลายคน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่นานทีมพิการอย่างหนัก โดยแนวรับอาจจะต้องไปลุ้นเช็คความฟิตของปราการหลังตัวเก่ง เซคิโอ รามอส เท่านั้น ด้านแดนกลาง และแดนหน้า ยกคงอยู่กันอย่างพร้อมหน้าทั้ง โทนี่ โครส, ลูก้า โมดริซ และ คาริม เบนเซม่า ส่วนผู้เล่นที่มีรายงานว่าลงสนามไม่ได้แน่นอนมีเพียง 2 รายเท่านั้นคือ ลูคัส บาสเกซ(บาดเจ็บ) และ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้(โควิด-19)
• “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี อีกหนึ่งตัวแทนจากเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่อยู่ในการนำทัพของ โทมัส ทูเคิ่ล ซึ่งปีที่ผ่านมากุนซือชาวเยอรมัน เพิ่งจะพาลูกทีมเก่า เปแอสเช ทะลุผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ ถือว่าประสบการณ์ของตัวผู้จัดการทีมจะช่วยทีมได้ไม่น้อยแน่นอน เริ่มที่เส้นทางของทัพสิงบลูส์ในรอบแบ่งกลุ่มเป็นงานที่สบายจึงผ่านเข้ารอบน็อตเอาท์ได้ในฐานะแชมป์ของกลุ่ม อี แต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายต้องจับมาเจอกับทีมสุดหินอย่าง “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด อย่างไรก็ตาม เชลซี กลับเล่นได้แจ่มเกินคาดเอาชนะได้ทั้งสองเลกทำให้ผ่านเข้ารอบต่อไปได้แบบไม่มีบาดแผล 3-0 ส่วนรอบล่าสุดถือว่าโชคหล่นทัพจับไปเจอกับ ปอร์โต้ ทีมที่ใครก็อยากเจอด้วย แต่ก็เกือบเอาตัวไม่รอดสองเลก เฉือนชนะได้แบบหวุดหวิด 2-1 สถิติ 10 เกมในรายการนี้ ชนะ 7, เสมอ 2, แพ้ 1, ยิงได้ทั้งหมด 19 ประตู และเสียเพียง 3 ประตูเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าแนวรับของพวกเขาแกร่งทั่วแผ่นโดนเจาะได้ยากเหลือเกิน สำหรับสภาพความพร้อมล่าสุดของทีมมีรายงานผู้เล่นบาดเจ็บเพียง มัตเตโอ โควาซิช คนเดียวเท่านั้น ส่วนผู้เล่นตัวหลักคนอื่นๆ ที่เหลือยังพร้อมรบกันอย่างเต็มสูบ นำทัพมาโดยปราการหลังประสบการณ์สูง ธิอาโก้ ซิลวา

โปรแกรมการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ

• เรอัล มาดริด – เชลซี

เลกแรก คืนวันอังคารที่ 27 เมษายน เวลา 02.00 น. หรือเช้าวันพุธที่ 28 ตามเวลาประเทศไทย
เลกสอง คืนวันพุธที่ 5 พฤษภาคม เวลา 02.00 น. หรือเช้าวันพฤหัสที่ 6 ตามเวลาประเทศไทย

• ปารีส แซง-แชร์กแมง – แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เลกแรก คืนวันพุธที่ 28 เมษายน เวลา 02.00 น. หรือเช้าวันพฤหัสที่ 29 ตามเวลาประเทศไทย
เลกสอง คืนวันอังคารที่ 4 พฤษภาคม เวลา 02.00 น. หรือเช้าวันพุธที่ 5 ตามเวลาประเทศไทย