ม้ามืด ฟุตบอลยูโร

วันนี้เราจะพามาย้อนรอย กับทีมชาติในตำนาน ม้ามืด ฟุตบอลยูโร ที่สามารถก้าวไปสู่แชมป์ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร รอบสุดท้าย ในปี 2004 นั่นก็คือประเทศกรีซนั่นเอง สามารถหักปากกาเซียน ล้มยักษ์ คว้าแชมป์ยูโรมาครองอย่างยิ่งใหญ่ ชนิดที่ว่าไม่มีใครจะเชื่อว่าพวกเขาจะทำได้สำเร็จ

ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพามาดูเส้นของของประเทศกรีซ ตั้งแต่นัดแรกยันนัดสุดท้ายว่าเป็นอย่างไรบ้าง

จุดเริ่มต้นของตำนาน ม้ามืด ฟุตบอลยูโร

อ็อตโต้ เรห์ฮาเกิล กุนซือชาวเยอรมันนี คือกุนซือที่เคยพา ไกเซอร์สเลาเทิร์น เลื่อนชั้นจากดิวิชั่นสองเพียงแค่ฤดูกาลเดียว ก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีก บุนเดสลีกา เยอรมัน เมื่อปี 1998

โดยเจ้าตัวเข้ามาปลุกปั้นทีมชาติกรีซ เมื่อปี 2001 เริ่มสร้างทีมด้วยการ สร้างความสามัคคีให้กับลูกทีม ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะทีมชาติกรีซ ไม่มีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์อยู่แล้ว

ซึ่งนับตั้งแต่มาคุมทีมในปี 2001 ผลงานของ กรีซ ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถผ่านเข้ามาเล่นรายการ ยูโร 2004 รอบสุดท้ายได้สำเร็จ ต่อมาพวกเขาถูกมองงว่าเป็นเต็งบ๊วยของรายก่ารนี้ ทั้งที่ผลงานก่อนหน้าในรอบคัดเลือก สามารถเป็นแชมป์กลุ่มมาแท้ๆ

ผลงานของทีมชาติกรีซ ในฟุตบอล ยูโร 2004

โดย กรีซ อยู่กลุ่ม เอ ร่วมสายกับ โปรตุเกส เจ้าภาพ, สเปน และ รัสเซีย ดูปัจจัยภายนอกยังไงก็ไม่รอด ทว่าด้วยสไตล์การเล่นของทีม ที่ เรห์ฮาเกิล เน้นเกมรับและรอสวนจังหวะตามสไตล์ของทีมเล็ก เน้นตัดเกม ไม่ให้ทีมคู่ต่อสู้ ทำอะไรได้ถนัด ซึ่งได้ผลดีมาก

เกมนัดแรก พวกเขาสามารถเอาชนะ โปรตุเกส 2-1 เกมนัดที่สองสามารถเสมอกับ สเปน ที่มีแต่สตาร์ดัง นำโดย ราอูล กอนซาเลซ, เฟอร์นันโด โมริเอนเตส, อิเคร์ กาซึยาส หรือ คาร์เลส ปูโยล เป็นต้น ด้วยสกอร์ 1-1

แต่เกมสุดท้ายของรอบแรก พวกเขาพ่ายให้กับ รัสเซีย 1-2 อย่างไรก็ตาม กรีซ หักปากกาเซียนไปแล้วหนึ่งดอก ด้วยการมี 2 คะแนน เข้ารอบเป็นอันดับที่ 2 รองจาก โปรตุเกส ที่มี 6 คะแนน

โดยสมัยนั้น ฟุตบอล ยูโร รอบสุดท้าย มีแค่ 16 ทีมเท่านั้น ซึ่งมี 4 ทีม อยู่ 4 กลุ่ม ทำให้รอบต่อมา เหลือ 8 ทีมเท่านั้นเอง ซึ่ง กรีซ ต้องไปเจอกับ ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแชมป์กลุ่มมาในรอบแรก ซึ่ง ทัพตราไก่ ก็มีแต่สตาร์ดังคับทีม ทั้ง ซีเนอดีน ซีดาน, เธียร์รี่ อองรี, โคล้ด มาเกเลเล่ เป็นต้น

ทว่าด้วยเกมรับที่หนาแน่นของ กรีซ ทำให้พวกเขาล้มยักษ์ เอาชนะ ฝรั่งเศส ไปได้ 1-0 จาก อันเจลอส ชาลิสเตอัส นาทีที่ 65 เป็นประตูชัยในเกมนี้

รอบก่อนรองชนะเลิศ ทีมชาติกรีซ พบกับ สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งยุคนั้น เช็ก มีทั้ง ปีเตอร์ เช็ก, พาเวล เน็ดเว็ด, แยน โคลเลอร์ และ โธมัส โรซิคกี้ ซึ่งครบเครื่องเรื่องเกมรุก ทีมชุดนั้นของ เช็ก ดูดีมากๆ

ทว่าทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันได้ จนเกมจบครบ 90 นาที ต้องทำการต่อเวลาพิเศษ โดยนาทีที่ 105 กรีซ ได้กระทำการเหลือเชื่ออีกครั้ง เมื่อ ตราอินอส เดลลาส สามารถทำประตูชัยได้สำเร็จ

ซึ่งต่อเวลาครบ 120 นาที กรีซ เอาชนะ เช็ก ไปได้ 1-0 พร้อมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ตอนนี้พวกเขาเป็นม้ามืดเต็มตัวแล้ว หลายสื่อ หลายสำนัก เริ่มเทใจเอาใจช่วยพวกเขาแล้ว

นัดชิง ยูโร 2004 ที่ยังเป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบัน

นัดสุดท้ายรอบชิงชนะเลิศ เป็นการโคจรกลับมาพบกันระหว่าง สองทีมจากกลุ่ม เอ เจ้าภาพ โปรตุเกส ที่ล้ม ทีมชาติอังกฤษ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และ เนเธอร์แลนด์ รอบรองชนะเลิศ นำทัพด้วยนักเตะระดับสตาร์และนักเตะคุณภาพอย่างคับคั่ง ทั้ง หลุยส์ ฟีโก้, เดโก้, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, รุย คอสต้า หรือจะเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สมัยวัยรุ่น

โดยเกมเริ่มมา โปรตุเกส ที่เป็นเจ้าภาพและได้เล่นในบ้านตัวเอง จัดหนักจัดเต็ม โหมเกมรุกบุกใส่ กรีซ ชนิดที่ว่า หายใจไม่ทั่วท้อง ตั้งเกมไม่ได้เลย ต้องอาศัยจังหวะตั้งรับและรอสวนกลับอย่างอดทน แม้ โปรตุเกส จะได้บุกยับๆ ทว่าครึ่งแรกยังทำอะไรไม่ได้ เสมอกันไปก่อน 0-0

ต่อมาครึ่งหลัง โปรตุเกส ยังบุกยับเหมือนเดิม ทว่านาทีที่ 57 กรีซ ได้ประตูออกนำจาก อันเจลอส ชาริสเตอัส โขกทำประตูได้จากลูกเต็มมุม หลังจากนั้นมา กรีซ อุดยับ อุดแบบชวนหงุดหงิดใจ สำหรับ โปรตุเกส ซึ่งเป็นเจ้าภาพก็พยายามเต็มที่แล้ว ทำได้เพียงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเท่านั้น จนจบเกม 90 นาที กรีซ สร้างเทพนิยายตำนานบทใหม่ สามารถเอาชนะ โปรตุเกส เจ้าภาพ ไปได้ 1-0 พร้อมคว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่

ซึ่งยังเป็นเรื่องที่พูดกันถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ รายการ ยูโร รอบสุดท้าย ทำการแข่งขัน มักจะมีพูดถึงประมาณว่า จะมีทีมไหน เป็นม้ามืด อยู่เป็นประจำ ซึ่งแม้วันรอบนี้ กรีซ จะไม่ได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายแล้วก็ตาม แต่แชมป์ยูโร 2004 จะคงเป็นประวัติศาสตร์ต่อไป

Posted in บทความฟุตบอล


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *