ผลงาน ทีมชาติไทย

ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับ ผลงาน ทีมชาติไทย ในรายการ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 2022 ที่ ทีมชาติไทย ไปถึงไม่ถึงรอบต่อไป จอดอยู่เพียงแค่รอบ 2 โดยรั้งตำแหน่งรองบ๊วยไปครอง ใจสลายกันทั้งประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นการยกเครื่องกันครั้งใหญ่ หลังจบทัวร์นาเม้นต์นี้

วันนี้ ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA ขอพาทุกท่านย้อนรอย ผลงาน ทีมชาติไทย กับรายการ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โดยจะคัดผลงานปีไหน ทีมชาติไทย เราทำผลงานได้ดีที่สุดหรือแย่ที่สุด ในการแข่งขันปีนั้น

4 อันดับ ผลงาน ทีมชาติไทย ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบ 2

4. ฟุตบอลโลก 2022

อากิระ นิชิโนะ เฮ้ดโค้ชญี่ปุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลทีมชาติไทย ที่เคยคุมทัพทีมชาติญี่ปุ่น ลุยศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เมื่อปี 2018 มาแล้ว ทว่าผลงานกับทีมชาติไทย ออกแนวท่าดีทีเหลว ทั้งปัญหาโควิด-19 ที่ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้คุมทีมชาติ น้อยไปหน่อย รวมถึงกลับมาแข่งขัน ผลงานย่ำแย่ สุดน่าผิดหวัง

โดย ไทย อยู่กลุ่มเดียวกับ เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี ซึ่งดูจากสายแล้ว น่าจะผ่านไปได้ไม่ยาก เพียงแต่เป็นรองแค่ ยูเออี เท่านั้น เกมแรก ไทย เปิดบ้าน เสมอกับ เวียดนาม 0-0 ในชนิดที่ว่าน่าจะชนะ เกมที่สองบุกไปถล่ม อินโดนีเซีย 3-0 เกมที่สามสร้างประวัติศาสตร์ แฟนบอลมีเฮลั่น เปิดบ้านเฉือนเอาชนะ ยูเออี 2-1 ทว่าเกมต่อมาดันพลาดท่า บุกไปพ่าย มาเลเซีย 1-2 และปิดท้ายก่อนการแข่งขันถูกพักจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วยการบุกไปเสมอกับ เวียดนาม แบบไร้สกอร์เช่นเคย รวมผลงาน 5 นัด มี 8 คะแนน ส่วนสามนัดหลังสุด โคตรน่าผิดหวัง เตะสนามกลางที่ยูเออี ทำได้เพียงเสมอ อินโดนีเซีย 2-2 ตามด้วยการแพ้ให้กับ ยูเออี 1-3 และปิดท้ายแพ้ให้กับ มาเลเซีย 0-1 รวมแล้วมี 8 คะแนน หักลบกับโปรแกรมที่แข่งกับ อินโดนีเซีย เนื่องจากเพื่อนบ้านอาเซี่ยนโดนแบนจากฟีฟ่า เหลือ 5 คะแนน ยังดีที่ติดอันดับ 4 ที่ดีที่สุด

ทำให้สามารถได้โควต้าเข้าไปแข่งขัน ในศึก ฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2023 รอบคัดเลือก ได้สำเร็จ แต่ผลงานโดยรวมถือว่าเป็นครั้งที่น่าผิดหวังที่สุด ของ ทีมชาติไทย ในรายการ ฟุตบอลโลก โซนเอเชีย รอบที่ 2

3. ฟุตบอลโลก 1994

รอบนั้น ทีมชาติจากทวีปเอเชีย ได้โควต้าไปลุยศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้เพียงแค่ 2 ทีมเท่านั้น ซึ่งมีทีมที่เข้าแข้งขันทั้งหมด 29 ทีมในรอบนี้ โดย ทีมชาติไทย ในการนำทัพคุมทีมของ ปีเตอร์ สตูบเบ้ กุนซือชาวเยอรมัน

โดยทีมชาติไทย ของเรา อยู่กลุ่ม เอฟ ร่วมกับ ญี่ปุ่น, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี, บังกลาเทศ และ ศรีลังกา โดยนำแชมป์กลุ่มเข้าไปเล่นรอบต่อไป เลกแรก ทำการแข่งขันที่ ประเทศ ญี่ปุ่น ส่วน เลกสอง ทำการแข่งขันที่ ยูเออี ซึ่ง ทีมชาติไทย ของเราเก็บได้ 8 คะแนนจาก 8 นัด รั้งอันดับที่ 3 ตกรอบอย่างไม่ค่อยได้ลุ้นเสียเท่าไหร่ แต่ถือว่าผลงานโดยรวม ทำได้สุดฝีเท้าแล้ว โดยผลงาน เกมแรก ไทย บุกไปแพ้ ญี่ปุ่น 0-1, เกมที่สอง ไทย เฉือนชนะ ศรีลังกา 1-0 เกมที่สาม ไทย แพ้ ยูเออี 0-1 เกมที่สี่ ไทย ถล่ม บังคลาเทศ 4-1 เกมที่ห้า ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-1 เกมที่ 6 ไทย แพ้ ยูเออี 1-2 เกมที่ 7 ไทย ชนะ ศรีลังกา 3-0 และ เกมสุดท้าย ไทย ชนะ บังคลาเทศ 4-1 ซึ่งดูจากช่วงนั้น ไทย แพ้ ให้กับ ยูเออี และ ญี่ปุ่น แบบฉิวเฉียด

ซึ่งก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะดูเหมือนยุคก่อนทีมชาติไทยของเรา ทำผลงานได้ดีอย่างมาก ทั้งการเป็นเต้ยของ อาเซี่ยน ชนิดที่ชาติเพื่อนบ้านเทียบได้ยาก แต่ปัจจุบันช่างห่างไกลเหลือเกิน

2. ฟุตบอลโลก 2018

น่าจะเป็นครั้งที่ทำให้แฟนบอลชาวไทยใจเต้นมากที่สุด และ น่าจะเป็นครั้งที่มีความสุขมากที่สุด ในวงการฟุตบอล เพราะเป็นช่วงที่โซเชี่ยลสามารถติดตามได้ง่าย วาทะ การคอมเม้นต์ ข่าวคร่าวต่างๆ จึงเป็นกระแสอย่างหนักหน่วงไปพักนึงเลย เป็นช่วงเวลาดั่งฝันแห่ง ฟุตบอลไทย

โดยรอบนี้ ภายใต้การคุมของ “ซิโก้เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือที่สร้างกระแสฟุตบอลไทย ให้กลับมาได้รับความนิยมอย่างล้นหลามอีกครั้ง สนามแตกแทบทุกนัด โดย ไทย อยู่ กลุ่ม เอฟ ร่วมกับ อิรัก, เวียดนาม, ไต้หวัน และ อินโดนีเซีย แต่ อินโดฯ โดนแบนจากฟีฟ่า ทำให้ไม่ได้เข้ามาแข่งขันด้วย ระบบการแข่งเป็นการพบกันหมดแบบเหย้า-เยือน เช่นเคย ซึ่งทีมชาติไทย ผงาดเป็นแชมป์กลุ่ม ด้วยการมี 14 คะแนน จาก 6 นัด เกมแรก ไทย เปิดบ้านชนะ เวียดนาม 1-0 เกมที่สอง ไทย บุกไปชนะ ไต้หวัน 2-0 เกมที่สาม ไทย เปิดบ้านเสมอกับ อิรัก แบบสุดมัน 2-2 เกมที่สี่ ไทย บุกไปชนะ เวียดนาม 3-0 เกมที่ห้า ไทย เปิดบ้านเอาชนะ ไต้หวัน 4-2 ส่วนเกมสุดท้าย ไทยบุกไปเสมอ อิรัก 2-2

ทำให้ ไทย สามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จและสามารถผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม แบบอัตโนมัติในรายการ เอเชี่ยน คัพ ปี 2019 ได้สำเร็จ ทว่าผลงานรอบที่ 3 ไปไม่ถึงฝัน แต่ครั้งนั้นก็ทำให้แฟนบอลชาวไทย ได้ลุ้นพอสมควร

1. ฟุตบอลโลก 2002

นี่คือผลงานที่ดีที่สุดของ ทีมชาติไทย กับรายการ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 2 โดยนักเตะชุดนั้น มีแต่สตาร์ดัง แข้งทีมชาติ ประดับทีมอย่างมากมาย เป็นตำนานบทใหญ่ของทีมชาติไทยและเป็นความหวังอย่างมาก

ซึ่งรอบนั้น ไทย เราก็ทำได้ ด้วยการคุมทีมของ ปีเตอร์ วิธ กุนซือชาวอังกฤษ พาลูกทีมทำผลงานผงาดก้าวเป็นแชมป์กลุ่ม โดย ไทย อยู่ร่วมสายกับ เลบานอน, ศรีลังกา และ ปากีสถาน โดยเกมแรก ไทย บุกถล่ม ศรีลังกา 4-2 เกมที่สอง ไทย บุกถล่ม ปากีสถาน 3-0 เกมที่สาม ไทย บุกไปเฉือนชนะ เลบานอน 2-1 ซึ่งเป็นการชนะทีมจากตะวันออกกลางครั้งแรก ของ ไทย กับรายการนี้อีกด้วย เกมที่สี่ ไทย เปิดบ้าน ถล่ม ศรีรังกา 3-0 เกมที่ห้า ไทย เปิดบ้านถล่ม ปากีสถาน ยับ 6-0 ส่วนเกมสุดท้าย ไทย เปิดบ้าน เสมอ เลบานอน 2-2 ทำให้ ไทย จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม มี 16 คะแนนจาก 6 นัดที่ลงสนาม ซึ่งเป็นการเก็บแต้มที่มากที่สุด ตั้งแต่ที่ ทีมชาติไทย เคยได้เข้ามาแข่งขันในรอบนี้ด้วย แต่สุดท้ายรอบต่อไป เราก็ไปไม่ถึงฝันอีกเช่นเคย แต่ก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับแข้งรุ่นใหม่ จุดความหวังในการมุ่งมั่นกันต่อไป ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้ยังคงคลาสสิคสำหรับแฟนบอลชาวไทยรุ่นก่อนอยู่เสมอสุดท้ายแล้ว ปัจจุบัน กลายเป็นว่าเรากำลังถอยหลังลงคลอง ทั้งที่ลีกประเทศเรา ตัวนักเตะ ก็เริ่มมีศักยภาพที่ดีมากขึ้นแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่ขาดหายไปหลายอย่าง ซึ่งก็ต้องปรับปรุงกันต่อ ลุกขึ้นมาเดินหน้ากันต่อ หลายสิ่งหลายอย่างต้องใช้เวลา ระบบ แบบแผน คือสิ่งสำคัญ

เชื่อว่านี่ ไม่ใช่ยุคมืดของวงการฟุตบอลไทย เพราะเคยผ่านกันมาแล้ว ในช่วง 10 ปีก่อน แย่กว่าทุกวันนี้เยอะเลยครับ อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องช่วยกันให้กำลังใจกันต่อไปครับ

Posted in บทความฟุตบอล


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *