ตลาดซื้อขายนักเตะ

หลังจากช่วงปิดฤดูกาล สำหรับการแข่งขันฟุตบอล เป็นช่วงพักเบรคของนักเตะ และทีมต่างๆ ทั่วโลก แม้จะเงียบเหงา หลังจากไม่มีโปรแกรมการแข่งขัน ในช่วงปิดซีซั่น แต่สิ่งที่ฮือฮา และทำให้แฟนบอลได้ลุ้นกัน นั่นคือ ตลาดซื้อขายนักเตะ ว่ามีใครจะย้ายเข้า ใครจะย้ายออก นักเตะทีมใหญ่ๆ จะมีใครย้ายกันบ้าง ทีมโปรดจะมีนักเตะรายไหน ถูกปล่อยตัวออก หรือถูกเสริมทัพเข้ามา ข่าวลือต่างๆ มากมาย มักเกิดขึ้นในช่วงนี้

โดยทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพามาแนะนำ ให้รู้จักกับ ตลาดซื้อขายนักเตะ กันมากขึ้น อะไรที่ทำให้ตลาดการซื้อ-ขาย ถือเป็นสิ่งที่แฟนบอลและนักข่าวรอคอยมากที่สุด บางทีน่าติดตามกว่าโปรแกรมการแข่งขันเปิดซีซั่นใหม้แล้วเสียอีก

ตลาดซื้อขายนักเตะ

จุดเริ่มต้น ของการซื้อขายนักเตะ เริ่มขึ้นเมื่อปีค.ส. 1885 สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ มีแผนยกระดับการแข่งขันให้มีความเป็นมืออาชีพ มีรูปแบบที่ชัดเจนมากขึ้น จากปกติที่ จะเอาใครมาเตะมาร่วมทีมก็ได้ พวกเขาได้ปรับเปลี่ยนระบบใหม่ ให้มีการส่งรายชื่อนักเตะในการลงทะเบียน เพื่อจะได้รับรู้ว่าใครอยู่ทีมไหน อย่างไร

โดยระบบนี้ จะให้นักเตะที่ลงทะเบียนกับสโมสรต่างๆ ได้เพียงทีมเดียวตลอดฤดูกาลการแข่ง หากผู้เล่นคนไหนไม่ได้ส่งรายชื่อ ก็จะไม่มีสิทธิ์ลงสนามได้ เช่นเดียวกับผู้เล่นที่ส่งรายชื่อไปแล้ว ก็ไม่สามารถลงเล่นให้ทีมอื่น นอกจากทีมที่ลงชื่อไว้แล้วเท่านั้น

ต่อมาได้เกิดช่องโหว่ขึ้น เพราะนักเตะที่ลงชื่อต่อฤดูกาล สามารถย้ายไปอยู่ทีมไหนก็ได้ จึงเกิดปัญหาระหว่างสโมสร และตัวนักเตะขึ้น ทำให้ทีมที่การเงินคล่องมือ สามารถกล้าจ่ายค่าเหนื่อยแพงๆ ให้กับนักเตะ ดูดแข้งฝีเท้าดีไว้ได้ แตกต่างจากสโมสรที่ การเงินปกติไปค่อนข้างแย่ ก็ไม่สามารถรั้งตัวนักเตะไว้ได้

ดังนั้นทางสมาคมได้แก้กฏใหม่ ให้นักเตะที่ลงชื่อกับสโมสรนั้นๆ ไม่สามารถไปลงชื่อกับทีมอื่นๆ ได้อีก แม้จะจบฤดูกาลไปแล้ว แต่ก็เกิดปัญหา เพราะนักเตะไม่สามารถย้ายไปเล่นทีมอื่นได้เลย มีสัญญาที่ไม้่ได้รับค่าเหนื่อยเพิ่ม ถูกกดขี่ต่างๆ อย่างไม่เป็นธรรม แต่วิธีเดียวที่จะย้ายได้ ก็คือการซื้อตัวผู้เล่นจากทีมนึงสู่ทีมนึง จุดนี้จึงน่าจะเป็นการซื้อขายนักเตะ ช่วงแรกๆ ของโลกนี้

ในช่วงเวลาต่อมา จึงเกิดการซื้อ-ขายนักเตะขึ้นอย่างแพร่หลาย สำหรับสโมสรทั่วเกาะอังกฤษ ทำให้จุดนี้เกิดความยุติธรรมมากขึ้น การซื้อตัวและขายนักเตะ ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างสองสโมสร จะตกลงค่าตัวเท่าไหร่ก็ว่ากันไป ซึ่งช่วงนั้นแน่นอนว่า ยังไม่มีเอเย่นต์ช่วยเจรจาในการซื้อขาย จะใช้ระบบพูดคุยกันโดยตรงกันอีกที

แต่ก็มีบันทึกว่า มีการแอบพูดคุยตกลงกับตัวนักเตะ ก่อนที่จะไปคุยกับสโมสรต้นสังกัด ซึ่งต่อมาก็ได้พัฒนาระบบการซื้อขายนักเตะเรื่อยๆ รวมถึงมีดราม่าหลายอย่าง ทั้งเพดานค่าเหนื่อย ที่ตอนแรกสมาคมได้กำหนดเพดานไว้ต่ำเกินไป จนมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น เนื่องจากตัวนักเตะไม่พอใจ ที่จะได้รับค่าเหนื่อยที่เขารู้สึกว่า ไม่คุ้มค่า มีการขึ้นศาลแล้วก็เคลียร์กันได้สำเร็จ กฏก็ปรับปรุงกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งการซื้อขายนักเตะ ได้รับความนิยม และเริ่มกระจัดกระจายใช้ระบบนี้ สำหรับวงการฟุตบอลทั่วทั้งโลก

ส่วนจุดสำคัญอีกจุดนึง นั่นคือกฏบอสแมนสุดฮิต เกิดขึ้นในปี 1990 เมื่อ ฌอง มาร์ค บอสแมน กำลังจะหมดสัญญากับสโมสรต้นสังกัด ซึ่งเขาได้รับโอกาสลงสนามน้อยเกินไป จึงต้องการหาทีมใหม่ เพื่อการลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ จนมีสโมสรใหม่ติดต่อเข้ามา

แม้สัญญาเจ้าตัวจะหมดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถย้ายทีมได้ เนื่องจากกฏตอนนั้น หากสโมสรต้นสังกัดไม่ยินยอม เจ้าตัวก็ไม่สามารถย้ายไปไหนได้ แถมทางสโมสรก็ยังเรียกค่าตัวอีกด้วย ทั้งที่สัญญาหมดไปแล้ว จนในที่สุดการย้ายตัวก็ไม่เกิดขึ้น แถม บอสแมน โดนลดค่าเหนื่อย และลดตำแหน่งจากนักเตะ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ในสโมสรเท่านั้น

สุดท้าย บอสแมน จึงต้องพึ่งศาล โดยได้ทำการฟ้องร้องกับ สมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม และ ยูฟ่า ซึ่งเจ้าตัวต่อสู้อย่างยาวนาน ชีวิตแทบพังทลาย เสียเวลาและครอบครัวก็หย่าร้าง และในปี 1995 เขาก็ชนะคดี และได้พลิกโฉมประวัติศาสตร์ ของวงการฟุตบอล ได้มีการแก้กฏให้นักเตะสามารถย้ายทีมได้อย่างอิสระ หากหมดสัญญากับต้นสังกัด โดยเรียกว่า กฏบอสแมน

ซึ่งทำให้ระบบการซื้อขายนักเตะ เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล หลังจากนั้นเอเย่นต์นักฟุตบอล ก็เริ่มมีอาชีพนี้ขึ้น นักเตะต้องการหา ผู้ที่มีความรู้เรื่องกฏหมาย มาดูแลพวกเขา ดูแลสิทธิต่างๆ เช่นค่าเหนื่อย การต่อรองเจรจากับทีมใหม่ เป็นต้น

ต่อมา ปกติการซื้อขายนักเตะ จะซื้อขายกันได้ตลอด ไม่มีช่วงเว้นวรรคพักแต่อย่างใด เพียงแต่สโมสรต้องส่งรายชื่อให้ทัน ไม่ว่าจะรายการไหนก็ตาม ซึ่งทำให้ช่วงนั้น การซื้อขายเกิดขึ้นได้โดยง่าย และมีความวุ่นวายพอสมควร

สุดท้ายแล้วจึงเกิดระบบ ตลาดการซื้อขาย ช่วงซัมเมอร์และช่วงหน้าหนาว โดยได้รับความร่วมมือจากลีกชั้นนำทั่วยุโรป ได้ปรึกษาหารือ และยินดีที่จะใช้กฏนี้ ซึ่งต่อมายูฟ่าก็ได้ทำการอนุมติให้มันเกิดขึ้น เพื่อความเป็นระบบที่ดีมากขึ้น และคอยควบคุมไม่ให้เกิดปัญหาวุ่นวายตามมา

ซึ่งก็ได้ใช้ระบบตั้งแต่ฤดูกาล 2002/03 ซึ่งช่วงตลาดซัมเมอร์ จะเปิดทำการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม จนถึง 1 กันยายน จึงเป็นระบบที่ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน ยังไม่รวมกฏที่ว่านักเตะที่เหลือสัญญา 6 เดือนสามารถคุยเจรจากับทีมใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านสโมสร

แม้จะมีดราม่าหลายอย่าง แต่ตลาดการซื้อขายฟุตบอล ยังคงเป็นมาจนถึงทุกวันนี้ และมีข่าวลือเรื่องราวการซื้อขายนักเตะให้ทุกท่านติดตามกันอยู่เสมอ

Posted in บทความฟุตบอล


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *