ดาวซัลโว ยูโร

ตั้งแต่การแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี ศ.ส. 1960 จนถึงปัจจุบัน การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป กลายเป็นทัวร์นาเม้นต์ที่ได้รับความสนใจและความนิยม เป็นรองเพียงแค่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเท่านั้น ด้วยความที่มหาอำนาจชาติลูกหนังส่วนใหญ่ อยู่ทวีปยุโรปทั้งหมด ทั้งการแข่งขันที่ตื่นเต้นเร้าใจ ชาติใหญ่ๆ เจอกันตั้งแต่รอบแรก ยิ่งทำให้น่ารับชมเข้าไปกันใหญ่ วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA ได้รวบรวมข้อมูล ดาวซัลโว ยูโร ทุกรอบตั้งแต่ ปี 1960 ถึง การแข่งขันปี 2016 ว่าใครกันบ้างเป็นดาวซัลโวของการแข่งขันรอบนั้น

ก่อนที่จะพาไปรู้ข้อมูล วันนี้ทีมงานขอแนะนำเวปไซต์ Ufabet เวปพนันออนไลน์ที่ครบวงจรที่สุดในประเทศไทย ฝาก-ถอน ง่าย จ่ายจริง การันตีคุณภาพ รวมถึงมีการเปิดรับแทงว่าใครจะได้เป็นดาวซัลโวในการแข่งขัน ยูโร 2020 ให้ได้ลุ้นกันอีกด้วยครับ

ทำเนียบ ดาวซัลโว ยูโร รอบสุดท้าย

ยุคแข่งขันกัน 4 ทีม

1. ยูโร 1960 – การแข่งขันครั้งแรกนี้ มีดาวซัลโวร่วมกันถึง 5 รายด้วยกัน ขอเริ่มจาก มิลาน กาลิช ศูนย์หน้าจากยูโกสลาเวีย สมัยนั้นค้าแข้งให้กับสโมสรปาร์ติซาน ที่ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ประเทศโครเอเชีย ตามด้วย ฟร็องซัว อ็อตต์ ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศส ที่ใช้เวลาทั้งชีวิตในการค้าแข้งภายในประเทศฝรั่งเศส, วาเลนติน อีวานอฟ ศูนย์หน้าสัญชาติสหภาพโซเวียต เป็นหนึ่งแข้งระดับตำนาน คว้ารางวัลส่วนตัวมากมายในการค้าแข้งให้กับทีมชาติและสโมสรระดับประเทศ, ดราซาน แยร์โควิช แข้งตำนานของสโมสร ดินาโม ซาเกร็บ และ ทีมชาติยูโกสลาเวีย หลังแขวนสตั๊ดเคยมีบทบาทเป็นผู้จัดการทีมอีกด้วย ปิดท้ายกับ วิคตอร์ โพเนเดลนิค อีกหนึ่งตำนานแข้งสหภาพโซเวียต พร้อมผลงานที่ยอดเยี่ยมกับสโมสรและทีมชาติ โดย 5 แข้งนี้ ทำประตูได้ 2 ลูกเท่ากันหมด

2. ยูโร 1964 – ปีนี้ มีดาวซัลโวซัดเท่ากัน 3 ราย ซึ่งยิงได้ 2 ประตูตลอดทัวร์นาเม้นต์ นำโดยสองแข้งจากทีมชาติฮังการี เดซโซ โนวัก ประสบความสำเร็จกับสโมสรในประเทศและเคยรับตำแหน่งผู้จัดการทีมมาแล้วด้วย, ฟีเรนซ์ เบเน แข้งตำนานเบอร์ต้นของประเทศก็ว่าได้ กับศูนย์หน้ารายนี้ กวาดรางวัลระดับสโมสรเป็นว่าเล่น พร้อมกับรางวัลส่วนตัวที่กวาดมาแล้วนับไม่ถ้วน รายสุดท้าย เฆซุส เปเรด้า ตำนานมิดฟิลด์ที่เคยค้าแข้งให้กับ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า พร้อมกวาดสถิติและรางวัลระดับสโมสรได้อย่างมากมาย

3. ยูโร 1968 – รอบนี้ดาวซัลโวมีเพียงรายเดียว จากประเทศยูโกสลาเวีย นั่นก็คือ ดราแกน จายิช แข้งระดับตำนานของชาติ ปีกซ้ายสายจี๊ดเบอร์ต้นๆ ของโลกในยุคนั้น คว้ารางวัลระดับสโมสรกับเร้ด สตาร์ เบลเกรดร่วมสิบโทรฟี่ โดยทัวร์นาเม้นต์นี้ซัดไป 2 ประตู เหมารางวัลเจ้าเดียวไม่แบ่งใคร

4. ยูโร 1972 – นี่คือรายการแจ้งเกิดของ แกร์ด มุลเลอร์ โคตรกองหน้าตำนานเบอร์ 1 สำหรับกองหน้า ของประเทศเยอรมันและสโมสร บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งสมัยนั้น ยังเป็น ทีมชาติเยอรมันตะวันตก โดยศูนย์หน้ารายนี้ซัดไป 4 ประตู นี่ยังไม่รวมถึงโทรฟี่ระดับสโมสรที่คว้าได้อย่างมากมายและเคยพาทีมชาติคว้าแชมป์โลกมาแล้วอีกด้วย

5. ยูโร 1976 – ดาวซัลโวยังตกเป็นของทีมชาติเยอรมันตะวันตกอีกเช่นเคย คราวนี้เป็น ดีเทอร์ มุลเลอร์ ศูนย์หน้าตัวกลาง ซัดไป 4 ประตู คว้ารางวัลเดี่ยวๆ แบบไม่แบ่งใคร และยังเป็นตำนานแข้งของสโมสร โคโลญจน์ อีกด้วย

ยุคแข่งขันกัน 8 ทีม

6. ยูโร 1980 – ก็ยังอยู่ที่เยอรมันเช่นเคย กับรางวัลดาวซัลโว กับ เคลาส์ อัลลอฟส์ ศูนย์หน้าที่ซัดไป 3 ประตูกับทัวร์นาเม้นต์นี้ โดยเจ้าตัวเป็นหนึ่งแข้งระดับตำนานของ ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ เคยคว้ารางวัลกับสโมสรและรางวัลส่วนตัวพอสมควร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอยู่ในบอร์ดสโมสรอีกด้วย

7. ยูโร 1984 – รางวัลนี้ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาจะตกเป็นของกองหน้า แต่รอบนี้ตกเป็นของมิดฟิลด์กันบ้าง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน มิเชล พลาตินี่ คนนี้นี่เอง มิดฟืลด์ตัวรุกโคตรตำนานของประเทศฝรั่งเศส ซัดไปถึง 9 ประตู ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดที่ปัจจุบันยังไม่มีใครยิงเทียบเท่าหรือมากกว่าเขาตลอดทัวร์นาเม้นต์รอบสุดท้าย เกียรติประวัติส่วนตัวคว้ารางวัลมาอย่างมากมาย เคยได้รับตำแหน่งประธานสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรปหรือ ยูฟ่า มาแล้ว

8. ยูโร 1988 – ครั้งนี้ รางวัลดาวซัลโวตกเป็นของ มาร์โก้ ฟาน บาสเท่น อีกหนึ่งโคตรกองหน้าที่ดีที่สุดของประเทศฮอลแลนด์และสโมสร เอซี มิลาน รวมถึง อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ศูนย์หน้าร่างขนาดพอดี ซัดไป 5 ประตู รับรางวัลคนเดียวไม่แบ่งใคร ส่วนผลงานระดับสโมสร กวาดแชมป์เป็นว่าเล่น เคยคุมทีมชาติฮอลแลนด์, อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และเคยรับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ของฟีฟ่า

9. ยูโร 1992 – การแข่งขันครั้งนี้ มีดาวซัลโวร่วมกัน 4 ราย ทำได้ 3 ประตูเท่ากัน เริ่มจาก เดนนิส เบิร์กแคมป์ กองหน้าสายคลาสสิค ผู้กลัวเครื่องบินเป็นชีวิตจิตใจ อีกหนึ่งกองหน้าตำนานของฮอลแลนด์และอาร์เซน่อล คว้าแชมป์ระดับสโมสรได้มากมาย ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของสโมสรอัลเมเร่ ซิตี้ ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี, โทมัส โบรลิน กองหน้าร่างหนาจากประเทศสวีเดน พเนจรค้าแข้งให้กับหลายสโมสร อาทิ เช่น ปาร์ม่า และ ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นต้น ไปที่ไหน ส่วนมากจะประสบความสำเร็จที่นั่น, เฮนริก ลาร์เซ่น มิดฟิลด์ตัวรุกที่พาเดนมาร์กคว้าแชมป์ได้ในปีนั้น ส่วนมากค้าแข้งให้กับลีกบ้านเกิดและประสบความสำเร็จพอสมควร ปิดท้ายท้ายกับ คาร์ล ไฮนซ์ รีดเล่ กองหน้าร่างเล็กชาวเยอรมัน เคยพาทีมชาติคว้าแชมป์โลกมาแล้ว รวมถึงประสบความสำเร็จกับสโมสรอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นแข้งจอมพเนจร เคยค้าแข้งให้กับ ลาซิโอ, ลิเวอร์พูล และ ฟูแล่ม มาแล้ว

10. ยูโร 1996 – รอบนี้หลายท่านน่าเคยได้ชมผ่านตามาบ้าง ดาวซัลโวครั้งนี้ นำเดี่ยว ได้รับคนเดียวไปเลย กับ “เดอะ ฮ็อตช็อต อลัน เชียร์เร่อร์ โคตรศูนย์หน้าชาวอังกฤษและสโมสร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จัดหนักไป 5 ประตู แม้ไม่สามารถพาทีมชาติได้คว้าถ้วยแชมป์ก็ตาม

ยุคแข่งขันกัน 16 ทีม

11. ยูโร 2000 – การแข่งขันปีนี้ เชื่อว่าท่านที่อ่านอยู่น่าจะเคยได้รับชมทัวร์นาเม้นต์นี้ผ่านฟรีทีวีกันมาแล้ว รางวัลดาวซัลโว มีด้วยกัน 2 คน ทำได้ 5 ประตูเท่ากัน คนแรกคือ ซาโว มิโลเซวิช ศูนย์หน้าทีมชาติยูโกสลาเวีย นักเตะที่มีประสบการณ์ในการค้าแข้งระดับ พรีเมียร์ลีก, กัลโช่ เซเรีย อา และ ลาลีกา สเปน พร้อมกวาดแชมป์ระดับสโมสรภายในประเทศกับ ปาร์ติซาน เบลเกรด มาพอสมควร รวมถึงเคยคุมสโมสรปาร์ติซาน เบลเกรด มาแล้ว กับอีกหนึ่งราย ส่งตรงจากเนเธอร์แลนด์ ทัวร์นาเม้นต์แจ้งเกิดของเขา แพทริค ไคลเวิร์ต กองหน้าชาวฮอลแลนด์ ที่ผลงานเด่นทั้งกับทีมชาติและสโมสร เริ่มต้นค้าแข้งให้กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, เอซี มิลาน, บาร์เซโลน่า รวมถึง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในช่วงสั้นๆ

12. ยูโร 2004 – เทพนิยายกรีซ การแข่งขันรอบนี้ ที่ผู้รักษาประตูบ่นกันอุบว่าลูกบอลที่ใช้ในการแข่งขัน มีความส่ายเสียเหลือกัน ดาวซัลโว ตกเป็นของ มิลาน บารอส ศูนย์หน้าจากสาธารณรัฐเช็ก จัดหนักไป 5 ประตู คว้าดาวซัลโวแบบเดี่ยวๆ อีกหนึ่งตำนานแข้งของ เช็ก และสโมสร ลิเวอร์พูล

13. ยูโร 2008 – สำหรับทัวร์นาเม้นต์นี้ นับว่าเป็นการแข่งขันที่สนุกมากพอสมควร จำบรรยากาศกระแสในช่วงนั้นได้ดีครับ บูมที่ไทยอย่างมาก โดยรางวัลดาวซัลโว ตกเป็นของ ดาวิด บีย่า กองหน้าร่างเล็กของทีมชาติสเปน ที่นอกจากพาทีมชาติคว้าแชมป์ได้แล้ว ยังซัดไปได้อีก 4 ประตู โดย บีย่า เองเป็นแข้งตำนานของสโมสรบาเลนเซีย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า กวาดแชมป์อีกมากมาย

14. ยูโร 2012 – รอบนี้พิเศษใส่ไข่ มีนักเตะยิงได้สูงสุด 3 ประตูเท่ากันจำนวนถึง 6 ราย ซึ่งรายชื่อที่จะบอกไปนี้ คุ้นหูกันอย่างแน่นอนครับ เริ่มตั้งแต่ อลัน ซาโกเยฟ แข้งเคยดังจากทีมชาติรัสเซีย ตำนานมิดฟิลด์ตัวรุกของสโมสรซีเอสเคเอ มอสโกว์, มาริโอ มานด์ซูคิช กองหน้าจมูกไว ทีมชาติโครเอเชีย ประสบความสำเร็จแทบจะทุกสโมสรที่ค้าแข้งให้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แข้งตัวรุกที่ดีที่สุดคนนึงของโลกลูกหนัง ซึ่งปัจจุบันยังคงรักษาสภาพร่างกายในการเล่นฟุตบอลระดับสูงได้อย่างดี, มาริโอ โกเมซ ศูนย์หน้าชาวเยอรมัน ช้าแต่โคตรคม หนึ่งแข้งระดับตำนานของบาเยิร์น มิวนิคและ สตุ๊ตการ์ท, เฟอร์นานโด ตอเรส กองหน้าฉายา เอลนินโญ่ พาสเปน คว้าแชมป์ยูโรได้สองสมัยติด แต่น่าเสียดายที่จุดพีคในการค้าแข้งกับสโมสรต่างๆ ผ่านไปไวเหลือเกิน ปิดท้ายกับ มาริโอ บาโลเตลลี่ อดีตวอนเดอร์คิดส์ ของทีมชาติอิตาลี ช็อตดีใจเปิดเสื้อเบ่งกล้ามหน้าท้องยังติดตามาจนถึงทุกวันนี้

ยุคแข่งขันกัน 24 ทีม

15. ยูโร 2016 – รอบนี้ได้รับรางวัลดาวซัลโวคนเดียวไปเลย สำหรับ อ็องตวน กรีซมันน์ ที่ซัดไปถึง 6 ประตู แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวและเพื่อนร่วมชาติไม่สามารถพาทีมชาติฝรั่งเศส ก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์ หลังจากพ่ายให้ โปรตุเกส ในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่ง ฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพในครั้งนั้นด้วย ปัจจุบัน กรีซมันน์ ก็เป็นหนึ่งกำลังสำคัญกับยูโร 2020 โดยชาติของพวกเขาเป็นเต็งหนึ่งในครั้งนี้อีกด้วย

บทสรุป

ก็ครบกันไปแล้วสำหรับดาวซัลโว ยูโร รอบสุดท้าย ที่ผ่านมา หลายแข้งก็ล้วนแต่เป็นนักเตะระดับตำนานมากมาย บ้างก็ยังมีชีวิตอยู่ บ้างก็ลมหายตายจากกันไปแล้ว แต่ผลงานคือหนึ่งประวัติศาสตร์อยู่ตลอดกาลครับ

ส่วน ยูโร 2020 นี้ ดาวซัลโวจะเป็นใคร เราคอยติดตามกันนะครับ แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหน อยากทายผลนักเตะที่คิดว่าจะมีโอกาส ติดดาวซัลโว ทัวร์นาเม้นต์นี้ สามารถเข้าไปเดิมพันกับ ufabet ได้เลยครับ ได้ลุ้นกันสนุกๆ แถมยังมีโอกาสได้กำไรอีกด้วย อย่าพลาดเชียว

Posted in บทความฟุตบอล


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *