ซื้อถูกขายแพง

อาร์แซน เวนเกอร์ คือยอดกุนซือสัญชาติฝรั่งเศส ที่เขาเป็นกุนซือที่สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับระดับโลก ในการพา “ปืนใหญ่อาร์เซนอล เฉิดฉาย คว้าแชมป์ได้อย่างมากมายมาประดับสโมสร นอกจากนี้ในตำแหน่งผู้จัดการทีม ในการบริหารจัดการเรื่องภายนอกสโมสรต่างๆ เช่นการมีส่วนร่วมในการพูดคุยกับบริหาร ผลักดันการสร้างสนามใหม่ รวมถึงการมีส่วนสำคัญในการซื้อ-ขาย ต่างๆ โดยอาศัยการ ซื้อถูกขายแพง ทำผลกำไรให้สโมสรมากมาย

โดยวันนี้ วิเคราะห์บอล UFA จะมาพูดถึง การซื้อ-ขาย ของ อาร์เซน เวนเกอร์ ว่าส่งผลดี-ผลเสีย กับ อาร์เซน่อล อย่างไรบ้าง

ซื้อถูกขายแพง ของ อาร์แซน เวนเกอร์

อ่านหัวข้อของบทความนี้ อาจจะยังสงสัย ว่าทำไม มันต้องเป็นหัวข้อแบบนี้ เรามีคำตอบให้ครับ แต่ขอเกริ่นเรื่องราวกันก่อน อาร์แซน เวนเกอร์ เข้ามาคุมทีม อาร์เซน่อล ในปี ค.ส. 1996 – 2018 รวมเวลาถึง 22 ปี

โดยช่วงเวลาเหล่านั้น เวนเกอร์ ได้สรรค์สร้างให้ ไอ้ปืนใหญ่ คว้าแชมป์อย่างมากมายและทำให้มีชื่อเสียงกระฉ่อนไประดับโลก รวมถึงเป็นเจ้าแรกที่นำสไตล์การเล่นต่อบอล แบบ เท้าสู่เท้า นำเข้ามาสู่พรีเมียร์ลีก ตาถึงในการเลือก หาผู้เล่นเข้ามาปลุกปั้น

ซึ่งนักเตะหลายคนผ่านการปลุกปั้นจากเข้า ส่วนมากจะโด่งดัง แจ้งเกิด เป็นแข้งระดับโลกได้หลายราย นำแข้งฝีเท้าดีจากต่างประเทศ ตบเท้าเข้ามาเล่นในอังกฤษ ซึ่งบางทีชุดผู้เล่นตัวจริงของเขา มีนักเตะอังกฤษเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

เพราะเจ้าตัวชอบไปแต๊บเด็กเยาวชนฝีเท้าดี เข้ามาอเคเดมี่กันแต่อ้อนแต่ออด นำมาบ่มเพาะจนเห็นแวว ดึงขึ้นมาทีมชุดใหญ่ได้หลายราย ซึ่งนักเตะในคาถาของเขา พร้อมกันช่วยสร้างฟอร์มตื่นตาตื่นใจ ให้ทุกทีมประหลาดใจ รวมถึงให้ความสนใจ ที่จะดึงนักเตะเหล่านั้นไปร่วมทีม

ซึ่ง เวนเกอร์ เป็นคนที่ไม่ค่อยหวงของอยู่แล้ว หากจะรั้งไว้ ก็มักทำสัญญาใจกันว่า อยู่ช่วยกันสักปี แล้วพี่จะปล่อยไป อะไรทำนองนั้น ซึ่งสอดคล้องกับบทความของเรานี่เอง นี่มันเป็นดาบสองคมชัดๆ

แม้ว่า อาร์แซน เวนเกอร์ และทีมแมวมองของเขา ที่พยายามเสาะหานักเตะ ที่เข้าตา น่าปลุกปั้น หรือ แข้งโนเนม ที่เข้ากับแผนการเล่นของเขา ซื้อตัวมาอยู่กับทีม แต่เมื่อเวลาที่นักเตะเหล่านั้นได้แจ้งเกิด พร้อมกับโชว์ฟอร์มได้อย่างประทับใจ จนยึดเป็นตัวหลัก เป็นแข้งคนสำคัญของทีมในระยะยาว

แต่เมื่อถึงเวลาที่ทีมอื่นให้ความสนใจอย่างจริงจัง หยิบยื่นข้อเสนอต่างๆ มาให้ นักเตะ และสโมสรได้พิจารณาแล้ว ส่วนมาก นักเตะเหล่านั้น จะได้ย้ายทีมสมใจอยาก แถมราคาที่ขายนั้น อาร์เซนอล ได้กำไรมหาศาลเลยทีเดียว

โดยเหตุการณ์แบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากที่ อาร์เซน่อล ได้สนามรังเหย้าใหม่มาแล้วอย่างที่ใครคิด ขอย้อนไปตอนที่ เวนเกอร์ ยังคุมทีมได้ไม่นาน แต่พาทีมประสบความสำเร็จอย่างมาก นักเตะหลายรายอย่าง นิโคล่า อเนลก้า ที่ตอนนั้นเลือดร้อนอยากพิสูจน์ตัวเอง เมื่อ เรอัล มาดริด ยื่นข้อเสนอที่ตื่นตาตื่นใจ ทางสโมสรก็ไม่รอช้าที่จะปล่อยตัว

หรือจะเป็น เอมมานูเอล เปอตีต์ และ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส แพ็คคู่ใส่กล่องไปให้ บาร์เซโลน่า ซึ่งช่วงนั้นก็มีอะไรแบบนี้แล้ว ต่อมาอย่างที่กราบกันดี หลังจากสโมสรได้สร้างสนามใหม่ ภาระค่าใช้งาน ในการกู้ยืมเงินมาทำสนาม ก็มีมากยิ่งขึ้น ทำให้พวกเขา ต้องปั้นนักเตะขายกิน ซึ่งเป็นวลีที่แฟนบอลต่างนิยมให้กับพวกเขา

ทีนี้มันเป็นดาบสองคมอย่างไร อันดับแรกเลย นักเตะเก่งๆ ทำผลงานได้ดีกับทีม พอจบฤดูกาล ขายไป 2-3 ราย ทีมก็มีปัญหาแล้ว ทำให้หลังจากนั้น ทีมคว้าแชมป์ไม่ได้เลย มีแต่เด็กดาวรุ่ง เต็มทีมไปหมด บวกกับแข้งที่ไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะเป็นแชมป์ รุ่นพี่ก็เริ่มโรยรา อยากย้ายไปเจอประสบการณ์ใหม่ๆ อะไรประมาณนี้ครับ

ทีนี้ได้เงินมาก็จริง แต่ก็ต้องเอาเงินไปโปะนี่ค่าสนาม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าวงในเขาคุยกันอย่างไร มีการจัดบริหารงบกันอย่างไร แต่ในช่วงตั้งแต่ทำสนามเป็นต้นมา อาร์เซนอล ไม่ได้ทุ่มซื้อนักเตะอีกเลย เน้นไปที่การควานหาดาวรุ่ง หรือแข้งโนเนม ที่ราคาถูกแต่ดีมากกว่า หรือไม่ก็ดึงแข้งพอมีประสบการณ์แต่ก็ไม่ได้เป็นแข้งเกรดเอ ซึ่งราคาก็ถูกตามนั้น

พอแข้งรายไหนเล่นได้ดี มีแวว ทีมที่ดูใหญ่กว่าพวกเขาก็คว้าตัวไปกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้เจ้าของสโมสรใหม่ ต้องการจะทำให้ทีมก้าวขึ้นไปในระดับโลก ก็มาซื้อนักเตะ อาร์เซน่อล ไปหลายราย ไล่ตั้งแต่ เอมมานูเอล อเดบายอร์, โคโล่ ตูเร่, ซามีร์ นาสรี่, กาเอล กลิชี่ หรือ จะเป็น บาการี่ ซานญ่า นี่ก็คือตัวหลักของ อาร์เซน่อล ในช่วงนั้นทั้งหมด

แม้ในช่วงหลังประมาณปี 2010 ขึ้นไป พวกเขาจะคว้านักเตะดีๆ มาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่นักเตะที่จะสามารถพาทีมไปถึงฝั่งฝัน ไล่ล่าความสำเร็จถึงบั้นปลายได้เลย แม้กระทั่ง การเสีย เชส ฟาเบรกัส เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญ หัวใจหลักของทีม ไปให้กับ บาร์เซโลน่า

หรือจะเป็น โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ โคตรดาวยิงที่เป็นทุกอย่างของทีมในช่วงนั้นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาก็กล้าที่จะขาย เรียกว่าขอกำเงินเอาไว้ก่อน ยังดีที่ปี 2013 ดูเหมือนหนี้สโมสรจะบางลง หลังจากนั้น เวนเกอร์ เลยเริ่มทุ่มเงินซื้อมากขึ้น

แต่อย่างที่เห็นกัน มันไม่ทันแล้วครับ สโมสรอาร์เซน่อล เปลี่ยนไปจากเดิม จากทีมที่เป็นตัวเต็งคว้าแชมป์ แต่พวกเขาทำได้เพียงแรงต้นหมดปลาย กลายเป็นที่มใหญ่ทีมนึง แต่ไม่ได้ดึงดูดให้ นักเตะระดับท็อป หรือ ดาวรุ่งที่มีแวว ตบเท้าเข้ามาร่วมงานกับพวกเขา

เห็นได้ชัดว่าในช่วงที่หลายทีม มีชื่อเสียง ที่แทบจะการันตีความสำเร็จได้มากกว่า นักเตะเหล่านั้น ต่างย้ายไปกันหมด ผลสุดท้ายแล้ว จากการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างภายในสโมสร ทำให้ เวนเกอร์ ตัดสินใจอำลาทีมออกไป

ซึ่งความเป็นจริง จะไปว่า ขงเบ้งเมืองน้ำหอม ก็คงไม่ได้ หากย้อนดูทุกอย่างที่เขาทำให้เพื่อทีม เขาสมควรมีรูปปั้นหน้าสโมสรเสียด้วยซ้ำ เพราะชายผู้นี้ได้ทำทุกอย่างและวางรากฐานเพื่อให้สโมสรแข็งแรง เชื่อว่า เหล่า สาวก กูนเนอร์ส รู้กันดี

แต่สิ่งที่ควรตำหนิ คือเจ้าของสโมสรที่ไม่เคยแสดงถึงความสนใจของสโมสรนี้อย่างจริงจัง มาหวังเพียงแค่กำไร เอาไปโปะธุรกิจในมือของเขาเพียงเท่านั้น ลองคิดดูว่า ถ้ามีเจ้าของสโมสรที่รักทีมแบบจริงจัง เหตุการณ์แบบนี้อาจไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้

แต่ความจริงก็คือความจริง อดีตก็ต้องปล่อยไป แม้จะเคยมีช่วงเวลาที่ดีและร้ายเกิดขึ้น แต่เราควรโฟกัสกับปัจจุบัน อ้าว! ทำไมมันย่ำแย่กว่าเดิม ประโยคนี้ไม่ได้หมายถึง อาร์เซนอล นะครับ

Posted in บทความฟุตบอล


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *