คู่ชิงยูโร

ใกล้จะจบแล้วสำหรับฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป แต่ก่อนที่รอบชิงชนะเลิศ ศึกยูโร 2020 จะเกิดขึ้น วันนี้ทีมงาน ufa.soccer จะพาย้อนเวลาไปดู คู่ชิงยูโร เกมนัดชิงชนะเลิศของรายการฟุตบอลระดับชาติ ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ว่ามีใครกันบ้าง ใครได้แชมป์บ้าง โดยบทความนี้สนับสนุนโดย ufabet เวปพนันออนไลน์ ที่มั่นคง ปลอดภัย มากที่สุด พร้อมบริการตลอด 24 ชั่วโมง

คู่ชิงยูโร ที่ผ่านมามีใครกันบ้าง

ยูโร 1960

เป็นการจัดการแข่งขันครั้งแรก โดยประเทศฝรั่งเศส รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ใช้ชื่อว่า ฟุตบอลยูโรเปี้ยน เนชั่นส์ คัพ มี 4 ชาติเข้าร่วมการแข่งขัน การแข่งขันรอบแรกใช้รูปแบบแข่งเจอกันแบบเหย้า-เยือน ก่อนต่อมาในรอบรองชนะเลิศ ใช้ระบบ น็อกเอาต์ ซึ่งแชมป์ในปีนั้น คือ สหภาพโซเวียต เอาชนะ ทีมยูโกสลาเวีย 2-1

ยูโร 1964

สำหรับการแข่งขันปีนี้ ทีมชาติสเปน เป็นเจ้าภาพ ยังใช้ชื่อ ฟุตบอลยูโรเปี้ยน เนชั่นส์ คัพ ยังมีเพียงแค่ 4 ทีมที่ได้เข้มาทำการแข่งขันและยังใช้ระบบเหมือนปี 1960 นั่นก้คือ รอบแรกใช้ระบบเหย้า-เยือน ส่วนรอบรองชนะเลิศและนัดชิงชนะเลิศใช้ระบบน็อคเอ้าท์ ทีมชาติสเปน เจ้าภาพ คว้าแชมป์ หลังจากเอาชนะ สหภาพโซเวียต แชมป์เก่า 2-1

ยูโร 1968

เจ้าภาพคือประเทศอิตาลี ปีนี้เปลี่ยนชื่อการแข่งขันเป็น ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 8 สาย โดยนำเอาแชมป์กลุ่มทั้ง 8 กลุ่ม จะได้เข้ารอบ ต่อมาต้องแข่งขัน 2 นัดก่อนจะเข้าสู่รอบต่อไป โดยนัดชิงชนะเลิศไม่ได้ใช้ระบบต่อเวลาพิเศษ ต้องแข่งกันใหม่ โดยเกมแรก ทีมชาติอิตาลี และ ทีมชาติยูโกสลาเวีย เสมอกัน 0-0 แต่เกมต่อมา ทีมชาติอิตาลี เอาชนะ ทีมชาติยูโกสลาเวีย 2-0

ยูโร 1972

ประเทศ เบลเยี่ยม รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ใช้ระบบการแข่งขันในปี ยูโร ปี 1968 และยังใช้ชื่อ ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ โดยแชมป์รอบนี้ตกเป็นของ ทีมชาติเยอรมันตะวันตก สามารถถล่มเอาชนะ สหภาพโซเวียต ท่วมท้น 3-0

ยูโร 1976

รอบนี้ประเทศ ยูโรสลาเวีย เป็นเจ้าภาพ ยึดระบบเหมือนยูโร ปี 1968 และ 1972 ใช้ชื่อรายกา่รแข่งขันเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้มีการใช้ระบบดวลจุดโทษตัดสิน หากเสมอกันในเวลาปกติ โดย เช็กโกสโลวาเกีย ดวลจุดโทษเอาชนะ ทีมชาติเยอรมันตะวันตก ด้วยสกอร์รวม 5-3 หลังจากเสมอในเวลาปกติ 2-2

ยูโร 1980

ประเทศ อิตาลี ได้เป็นเจ้าภาพอีกครั้งหลังจากที่เคยได้เป็นมาแล้วในปี 1968 โดยรอบนี้เปลี่ยนระบบการแข่งขันใหม่ โดยมี 8 ทีมที่จะได้เข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายและแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม ซึ่งแชมป์กลุ่ม จะได้เข้ามาเล่นในรอบชิงชนะเลิศ ผลกรากฏว่า ทีมชาติเยอรมันตะวันตก เฉือนชนะ ทีมชาติเบลเยี่ยม 2-1

ยูโร 1984

ประเทศ ฝรั่งเศส ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ได้เปลี่ยนระบบการแข่งขันอีกครั้ง โดยให้ 4 ทีมที่มีคะแนนดีที่สุดของทั้งสองกลุ่ม เข้ามาเล่นในรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศ ทีมชาติฝรั่งเศส เจ้าภาพ สามารถเอาชนะ ทีมชาติสเปน ไปได้ 2-0

ยูโร 1988

รอบนี้ ทีมชาติเยอรมนีตะวันตก แชมป์ 2 สมัยได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพกันบ้าง โดยยังใช้ระบบการแข่งขันเหมือนปี 1984 แต่สุดท้ายแล้ว ทีมชาติฮอลแลนด์ สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ โดยเอาชนะ สหภาพโซเวียต แบบชิลล์ๆ ด้วยสกอร์ 2-0

ยูโร 1992

ประเทศ สวีเดน รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพกันในรอบนี้ โดยปีนี้ก็ยังใช้การแข่งขันเหมือนปี 1984 และ 1988 โดยปีนี้ ทีมชาติเดนมาร์ก ที่ได้สิทธิ์เข้ามาแทน ทีมชาติยูโกสลาเวีย ที่ถูกติดสิทธิ์เนื่องจากมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ สุดท้ายแล้ว ทีมชาติเดนมาร์ก สร้างตำนานบทใหม่ เอาชนะ ทีมชาติเยอรมัน 2-0 คว้าแชมป์ไปในที่สุด

ยูโร 1996

ครั้งนี้ ทีมชาติอังกฤษ ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพกันบ้าง ได้เปลี่ยนชื่อเป็นศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งขาติยุโรป ส่วนรูปแบบการแข่งขัน ได้เปลี่ยนมาเป็น 16 ทีม ที่จะได้เข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย แบ่งเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม โดยนำเอา 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่มมาเตะรอบ 8 ทีมสุดท้าย นอกจากนี้ยังเอากฏ โกลเด้นโกล์ มาใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งกฏระบุไว้ว่า ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังจากเสมอกันในเวลาปกติ ทีมไหนทำประตูได้จะชนะทันที ซึ่งแชมป์ในปีนี้คือ ทีมชาติ เยอรมัน เอาชนะ ทีมชาติเช็กโก 2-1 ซึ่งเวลาปกติเสมอกัน 1-1 แต่ช่วงต่อเวลาพิเศษ เยอรมัน ทำประตูได้และคว้าแชมป์ทันที ตามกฏ โกลเด้นโกล์

ยูโร 2000

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีสองชาติเป็นเจ้าภาพร่วม นั่นก็คือ ประเทศเบลเยี่ยมและประเทศฮอลแลนด์ โดยใช้การแข่งขันรูปแบบเดียวกับปี 1996 โดยแชมป์ตกเป็นของ ทีมชาติฝรั่งเศส สามารถเอาชนะ ทีมชาติอิตาลี 2-1 ด้วยกฏโกลเด้นโกล์ หลังจากเสมอกันในเวลาปกติ 1-1

ยูโร 2004

ประเทศโปรตุเกส รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ การแข่งขันครั้งนี้ได้ยกเลิกกฏโกลเด้นโกล์ หากเสมอกันในเวลา 90 นาที จะต่อเวลาพิเศษ ครึ่งละ 15 นาที ถ้ายังเสมอกันอีก จะทำการดวลลูกจุดโทษเพื่อตัดสิน โดยครั้งนี้มีประวัติศาสตร์เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจาก เดนมาร์ก เคยทำได้ในปี 1992 โดย ทีมชาติกรีซ หักปากกาเซียน สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ โดยเอาชนะ ทีมชาติโปรตุเกส เจ้าภาพไปได้ 1-0

ยูโร 2008

ครั้งนี้เป็น ประเทศออสเตรียและประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ใช้ระบบเดียวกับปี 2004 โดยการแข่งขันปีนี้สนุกตื่นเต้นเร้าใจอย่างมาก สุดท้ายแล้ว ทีมชาติสเปน เป็นแชมป์ หลังจากเอาชนะ ทีมชาติเยอรมัน ไปได้ 1-0

ยูโร 2012

หลังจากประสบความสำเร็จในการมีเจ้าภาพร่วม ครั้งนี้ ประเทศโปแลนด์และประเทศยูเครน รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ โดยแชมป์ก็ยังเป็น ทีมชาติสเปน ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง ถล่มชนะ ทีมชาติอิตาลี 4-0 เป็นชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดในรอบชิงชนะเลิศ

ยูโร 2016

ประเทศฝรั่งเศสรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพแด่เพียงผู้เดียว โดยเปลี่ยนระบบการแข่งขัน เพิ่มมาเป็น 24 ทีมจาก 16 ทีม แบ่งเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม โดยนำเอาสองอันดับแรกแต่ละกลุ่ม ผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไปและนำเอาสามอันดับที่ดีที่สุด 4 ทีมเข้ารอบไปด้วย โดยทีมชาติโปรตุเกส สามารถล้มเจ้าภาพ ทีมชาติฝรั่งเศส 1-0 โดยได้ประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษ คว้าแชมป์ไปครอง

Posted in บทความฟุตบอล


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *