กัปตันทีมชาติ

ปัจจัยของการเป็นกัปตันทีม มีหลายอย่าง ทั้งการมีภาวะความเป็นผู้นำ ความมีประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลอย่างโชกโชนและสามารถเป็นศูนย์รวมใจของทีม รับมือได้กับทุกสถานการณ์ นี่คือสิ่งที่กัปตันทีมควรจะมีเป็นอย่างน้อย แต่คำถามที่ว่า กัปตันทีมระดับสโมสร กับ กัปตันทีมชาติ มีความแตกต่างกันอย่างไรนั้น

ในวันนี้ ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพาทุกท่าน ที่สนใจเรื่องฟุตบอล ที่มากกว่าฟุตบอล มารู้ข้อมูล อ่านกันแบบเพลิดเพลินไปด้วยกันครับ

กัปตันทีมชาติ มีการเลือกต่างจาก กัปตันสโมสร อย่างไร

สำหรับกัปตันระดับสโมสร ก็มีตัวเลือกอย่างมากมาย และปัจจัยดังกล่าว ที่มีคุณสมบัติพอ ที่จะเป็นกัปตันทีมสโมสร ที่ทีมนึงจะรวบรวม และมีแข้งหลากหลายเชื้อชาติด้วยกันอยู่

โดยแข้งที่จะเป็นกัปตันทีมได้นั้น ก็จะมีทั้ง การเลือกผู้เล่นที่เป็นสตาร์ของทีม มีความเป็นตัวความหวัง ของทีมได้มากที่สุด หรือจะเป็นผู้เล่นที่มีสัญชาติเดียวกันกับสโมสร และเป็นนักเตะที่มาจากอคาเดมี่ของสโมสร

ซึ่งเขาจะมีความผูกพัน และรู้วัฒนธรรมประเพณีของสโมสรได้ดีที่สุด หรือจะเป็นแข้งที่มีเชื้อชาติเดียวกันกับสโมสรและเป็นแข้งที่เป็นตัวหลัก เป็นหนึ่งในหัวใจหลักของทีม ก็เข้าข่ายเช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่น กัปตัน 4 คนของสโมส รบาร์เซโลน่า แทบทุกชุด คนที่จะได้รับสวมปลอกแขนกัปตันทีม จะต้องเป็นเด็กปั้น ของสโมสรเท่านั้น หรือบางสโมสร ก็จะให้ปลอกแขนกัปตันทีม กับแข้งที่อยู่กับทีมนานที่สุด โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นเชื้อชาติใด

โดยกฏแบบนี้ ก็จะมีหลากหลายสโมสร นิยมใช้กันแพร่หลาย ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่าง เรอัล มาดริด ที่มักจะให้แข้งที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน สวมปลอกแขนกัปตันทีม

ถ้ามาดูในพรีเมียร์ลีก แต่ละทีม ก็มีวิธีเลือกกัปตันทีม ที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เลือกให้ แฮร์รี่ แม็คไกว์ กองหลังทีมชาติอังกฤษ เป็นกัปตันทีม แม้จะย้ายมาอยู่กับทีมได้สักพัก แต่ไม่นานเท่า ดาบิด เด เกอา ที่อยู่กับทีมร่วมสิบปี ก็ยังไม่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม

ทีนี้มาดูในส่วนของคุณสมบัติ ของกัปตันระดับทีมชาติ แน่นอนว่าการที่จะเป็น กัปตันของชาติ อันดับแรกเลยนั้น ต้องเป็นนักเตะที่เป็นตัวหลัก เป็นหัวใจสำคัญของทีมชาติ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงบ่อยๆ อยู่แล้ว

ต่อมา เขาคนนั้น ต้องเป็นนักเตะ ที่ได้รับการยอมรับ จากเพื่อนร่วมชาติ มากที่สุด ตามมาด้วยคุณสมบัติเบื้องต้น อย่างการเป็นผู้นำ มีภาวะผู้นำ รับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาต้องจัดการให้อยู่

เพราะภาระ ที่พวกเขาต้องรับนั้น หนักอึ่งเลยทีเดียว เพราะไม่ใช่แค่ เพื่อนร่วมชาติเท่านั้น แต่ยังมีแฟนบอลของชาติ ต่างตั้งความหวังว่าจะให้ชาติของตนเองนั้น ทำผลงานได้ดีที่สุด ถ้าเกิดว่าควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ รับมือกับความกดดัน และไม่มีความเป็นมืออาชีพ มีความเป็นผู้นำมากพอ

รับรองว่าเขาเหล่านั้น โดนด่าเละกระจุย สภาพจิตใจกระเจิงเป็นแน่แท้ ดังนั้น กัปตันทีมชาติแทบทุกชาติ เมื่อเราเห็นหน้าตา ของพวกเขาแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่า พวกเขาเหล่านั้น มีความมุ่งมั่นมากแค่ไหน มีออร่าความเป็นผู้นำมากเพียงใด

ในส่วนของหลากหลายชาติ ก็จะมีวิธีการเลือกกัปตันทีมชาติ และมีวัฒนธรรม เป็นแบบแผนของตัวเอง บางชาติก็ปฏิบัติกันมาโดยช้านาน มีทั้งเลือกผู้เล่นที่เป็น เดอะแบก สตาร์ของชาติ ที่พร้อมจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง และเป็นความหวังของชาติอยู่เสมอ

หรือจะเป็นวัฒนธรรมยอดฮิต ที่มักมอบให้กับแข้งที่ติดทีมชาติเยอะที่สุด หรือแข้งวัยเก๋า อายุพอตัว ที่ผ่านประสบการณ์ระดับชาติ และสโมสรมาอย่างโชกโชน ก็จะได้รับหน้าที่สวมปลอกแขน พาลูกทีมสู้เพื่อชาติ

ส่วนตำแหน่งรองกัปตันทีม ก็จะเป็นแข้งที่รับใช้ชาติ น้อยลงมาจากกัปตันทีมตัวจริง โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็จะมี ทีมชาติสเปน ที่จะให้โอกาสกั บแข้งที่ลงสนามมากที่สุด เป็นกัปตันทีมชาตินั่นเอง หรืออย่างสุดท้าย ก็จะเป็นหน้าที่ของเฮ้ดโค้ช ในการตัดสินใจ ว่าจะให้ใครเป็นกัปตันทีม

ยกตัวอย่างใกล้ตัวอย่างเช่น อากิระ นิชิโนะ อดีตกุนซือทีมชาติไทย ที่วาง ศิวลักษณ์ เทศสูงเนิน ผู้รักษาประตูจอมเก๋า ของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้เป็นกัปตันทีม เนื่องจากประสบการณ์ และความนิ่ง รวมไปถึงเจ้าตัว เป็นตัวเลือกแรก ในตำแหน่งของตัวเอง ก็เลยได้ตำแหน่งนี้ไป

สุดท้ายแล้ว ความแตกต่าง ของกัปตันทีมชาติและกัปตันสโมสร ก็ไม่มากนัก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเพณี และวัฒนธรรม ของแต่ละชาติ หรือแต่ละสโมสร ว่าจะมีการจัดการกันอย่างไร

แต่ก็เคยมีประเด็นฮาๆ ของสโมสรอาร์เซนอล ในยุคที่ อูไน เอเมอรี่ เทรนเนอร์ชาวสเปน เป็นนายใหญ่ โดยเขาวางกัปตันทีมไว้ถึง 5 คน โดยจะมีการสับเปลี่ยน ตามความเหมาะสม ซึ่งถ้าหากจำกันได้ ในยุคนั้น มีแต่คนถามว่า ทำไปเพื่ออะไร

Posted in บทความฟุตบอล


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *