ยูโรเปียน ซูเปอร์ลีก

แฟนบอลหลายคนคงจะได้ยินประเด็นดราม่าที่จะเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังไปอีกแสนนาน แม้ระยะเวลาความดุเดือดจะอยู่เพียงนานก็ต้องมีอันต้องผ่านพ้นไป แต่ครั้งนี้จะทำให้อนาคตของโลกฟุตบอลหลังจากนี้เปลี่ยนไปเช่นกัน เหตุการณ์การครั้งนี้มีจุดเริ่ม และจุดจบอย่างไร วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ “ยูโรเปียน ซูเปอร์ลีก” ลีกฟุตบอลในฝันที่โดนตีตราว่าเป็นกบฎ

จุดเริ่มต้นโปรเจกต์ ยูโรเปียน ซูเปอร์ลีก

แผนการจัดตั้งไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหม่อะไรนัก มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปต่างมีคำถามในใจว่า ยูฟ่า จัดการแบ่งรายได้ให้กับพวกเขาอย่างไม่ยุติธรรม และองค์กรยังมีเรื่องคอรัปชั่นซุกอยู่ใต้พรมไม่สามารถตรวจสอบได้ การแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้บรรดาสโมสรชั้นนำทั่วโลกต่างพบกับปัญหาทางด้านการเงินจนเอาตัวแทบไม่รอด พวกเขาจึงต้องการสร้างลีกใหม่ที่คาดว่าเม็ดเงินจะไหลเข้าสู่สโมสรมากกว่ารายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นเท่าตัว แนวคิดการจัดตั้งลีกที่รวมตัวกันของสโมสรระดับท็อปจึงโดนเร่งให้เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แถลงการณ์อย่างเป็นทางการได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2564 จาก 12 สโมสรชั้นนำ ได้แก่ อาร์เซนอล, เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์, เอซี มิลาน, แอตเลติโก มาดริด, บาร์เซโลนา, อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส และ เรอัล มาดริด รายระเอียดการแข่งขันระบุว่า ยูโรเปียน ซูเปอร์ลีก จะประกอบไปด้วย 20 สโมสร แบ่งเป็นสโมสรที่เรียกตัวเองว่า “ผู้ก่อตั้ง” 15 ทีม ประกอบด้วย 12 ทีมที่แถลงการณ์ และอีก 3 ทีมที่ยังไม่เผยรายชื่อ ส่วนอีก 5 ทีมที่เหลือจะได้รับการคัดเลือกเข้ามาร่วมลีกอีกครั้งในแต่ละปี ด้านผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานคนแรกของซูเปอร์ลีกคือ ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานของสโมสรเรอัล มาดริด และรองประธานซูเปอร์ลีกคือ อันเดรีย อันเญลลี ประธานสโมสรยูเวนตุส “พวกเรา 12 สโมสรผู้ก่อตั้ง เป็นตัวแทนของแฟนบอลนับพันล้านคนทั่วโลก และครองถ้วยสโมสรยุโรป 99 ใบ ที่พวกเรามาร่วมกันวันนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะปฏิรูปการแข่งขันฟุตบอลของยุโรป นำพาเกมฟุตบอลที่เรารักให้ก้าวเดินไปอย่างยั่งยืนในอนาคตอันแสนไกล” คือคำประกาสกร้าวแสดงเจตนารมณ์ของ อันเดรีย อันเญลลี

ผลตอบรับล้มหลาม

หลังจากออกแถลงการณ์ได้เพียงไม่นาน ก็เริ่มเกิดกระแสปรากฎบนหน้าสื่อทุกหนแห่งทั่วโลก มีแฟนบอลมากมายต่างออกมาแสดงความคิดเห็น มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไปดูเหมือนฝั่งไม่เห็นด้วยจะเอาชนะได้แบบเอกฉันท์ โดยเฉพาะ 6 ทีมจากพรีเมียร์ลีก ที่โดนด่าแบบจัดหนักจัดเต็มตลอด 3 วันจากทั่วทุกสารทิศ แฟนบอลระดับท้องถิ่นของสโมสรออกมารวมตัวกันประท้วงทีม บ้างก็มีการขับไล่ผู้บริหารที่เห็นด้วยกับโครงการ ออกจากสโมสร ด้านนักเตะ และผู้จัดการทีมส่วนใหญ่ของสโมสรก่อตั้งก็ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน เพราะพวกเขาก็เพิ่งจะได้ทราบเรื่องจากต้นสังกัดเช่นกัน ส่วนบรรดาสโมสรระดับกลาง-เล็ก ของเวที พรีเมียร์ลีก, ลาลีกา, กัลโช่ เซเรีย อา ก็รวมตัวกันออกมาประนามการกระทำครั้งนี้เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าการรวมตัวจัดตั้งลีกใหม่ถือเป็นการละทิ้งเพื่อนร่วมลีกทั้งหมดเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเท่านั้น ทางด้านสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ก็ออกมาแสดงท่าทีต่อต้านแบบไม่ต้องสงสัยยืนกรานชัดเจนว่า จะไม่รับรองการแข่งขันรายการนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังขู่ว่าจะแบนนักเตะของสโมสรที่ลงเล่นรายการ ซูเปอร์ลีก ให้ไม่ได้ลงเล่นเกมการแข่งขันในนามทีมชาติทั้งฟุตบอลโลก หรือฟุตบอลระดับทวีปอย่างแน่นอน ยิ่งนานวันเข้ากระแสทางลบเริ่มลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นได้อย่างชัดเจนว่า “การปฎิวัติ” ครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ

ตื่นจากฝัน

เมื่อภาพลักษ์ของสโมสรป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี หลายสโมสรจึงต้องสละเรือเพื่อเข้าฝั่งเอาตัวรอดกันไป โดยเฉพาะทีมจากอังกฤษที่มีกระแสแฟนบอลออกมาประท้วงหน้าสนามนั้นต้องดับไฟด้วยการออกแถลงการณ์ถอนตัว เริ่มจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมแรก หลังจากนั้นอีก 5 ทีมทั้ง อาร์เซนอล, เชลซี, ลิเวอร์พูล,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ก็ตามกันมาติดๆ ด้านสโมสรจากลีกอื่นๆก็ไม่อาจทนความเปล่าเปลี่ยวได้ทั้ง อินเตอร์ มิลาน, เอซี มิลาน และแอตเลติโก มาดริด ต่างถอนตัวออกจากการแข่งขันเช่นกัน แน่นอนว่าหลังบรรดาผู้ร่วมก่อตั้งหายไปไม่เหลือ ทำให้ อันเดรีย อันเญลลี ต้องออกมายอมรับถึงความล่มสลายเมื่อวันที่ 21 เมษายน หรือ 2 วันหลังออกแถลงการณ์รวมตัวกันก่อตั้งลีกเท่านั้นเอง

ยังไม่ถึงตอนจบ

ณ เวลานี้ไฟความร้อนแรงเริ่มมอดหายลงไปมากแล้ว แต่ยังคงหลงเหลือซากปรักหักพังให้เห็นอย่างชัดเจน เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหาร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องรับผิดชอบประกาศลาออกจากตำแหน่งทัน ด้าน ลิเวอร์พูล ก็เสียหายโดน ไทรบัส แบรนด์นาฬิกาชื่อดังของสวิตเซอร์แลนด์ประกาศถอนตัวจากการเป็นสปอนเซอร์ ทาง อาร์เซน่อล ก็ไม่จบง่ายๆ บรรดากูนเนอร์ได้ทีรวมตัวกันประท้วงกดดันหนักให้ครอบครัว โคเอนเก้ ขายสโมสรทิ้ง ด้านผลกระทบในแง่ของตำแหน่งในพรีเมียร์ลีก บรรดาผู้บริหารของ “บิ๊กซิกซ์” ทั้ง บรูซ บัค(เชลซี), เฟร์ราน โซเรียโน่(แมนเชสเตอร์ ซิตี้), เวนคาเตชาม(อาร์เซน่อล), ทอม แวร์เนอร์(ลิเวอร์พูล), เอ็ด วู้ดเวิร์ด(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ต้องสละเก้าอี้ในองค์กรพรีเมียร์ลีกที่นั่งอยู่ทั้งหมด อย่างไรก็การรวมตัวกันครั้งนี้ที่ทำได้เพียงไม่กี่วันก็ส่งแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการฟุตบอลอย่างมาก ทาง ยูฟ่า ที่รับบทเสือนอนกินจากกีฬาฟุตบอลมานานเริ่มต้องออกแอ็คชั่นระดมทุนหาเงินรางวัลเพิ่มให้กับสโมสรที่เข้าร่วมหารแข่งขันในรายการต่างๆ รวมไปถึงต้องพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันใหม่ และการบริหารอาจจะต้องทำกันอย่างโปร่งใสขึ้นด้วยเช่นกัน แม้ครั้งนี้อายุขัยของ ยูโรเปียน ซูเปอร์ลีก จะอยู่ได้เพียงไม่นาน แต่แนวคิดการจัดตั้งลีกที่รวมตัวกันของสโมสรชั้นนำยังคงไม่หายไปไหน มีแฟนบอลทั่วโลกอีกไม่น้อยที่อยากจะเห็น และมีสปอนเซอร์ที่พร้อมจะอัดฉีดเงินสนับสนุน เพียงแค่ต้องไปปรับวิธีการให้รอบคอบกว่าเดิมเท่านั้น เราจะเห็นได้ว่าทั้ง เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส และ บาร์เซโลน่า ยังคงยืนหยัดต่อสู้ หรือสโมสรที่ถอนตัวออกไปนั้นก็ไม่ได้ทำโดยสมัครใจเพียงแต่ต้องรับผิดชอบกับความวู่วามของตนเท่านั้น ใครจะไปรู้ ซักวันหนึ่งในอนาคต การกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของสโมสรยักษ์ใหญ่อาจจะทำภารกิจ “ปฎิวัติ” วงการฟุตบอลได้สำเร็จก็เป็นได้

Posted in วิเคราะห์บอลวันนี้


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *