สรุปผลบอล ยูซีแอล 12 เมษายน รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกสอง

จบการแข่งขันกันไปแล้ว สำหรับศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย เลกสอง เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา โดยมีด้วยกัน 4 คู่ ซึ่งเป็นการโรมรัน ระหว่างยอดทีมจากทวีปยุโรป ซึ่งทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA พร้อมจัดเต็มกับการ สรุปผลบอล ยูซีแอล 12 เมษายน รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกสอง แบบจัดเต็มทุกคู่ มาฝากเพื่อนๆ กันครับ

สรุปผลบอล ยูซีแอล 12 เมษายน รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกสอง

เรอัล มาดริด 2 – 3 เชลซี

“ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เกือบตกรอบ เปิดสนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ณ กรุงมาดริด แพ้คาบ้านให้กับ แชมป์เก่า “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ด้วยสกอร์ 2-3 ช่วงต่อเวลาพิเศษ แบบสุดดราม่า ยังเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 5-4

โดยเกมนี้ เริ่มมาถึงไม่ทันไร ทีมเยือน เชลซี ก็ทำเกมได้ดีกว่า จนมาได้ประตูขึ้นนำจาก เมสัน เมาท์ มิดฟิลด์ตัวเก่งของทีม ซัดด้วยเท้าขวา ในนาทีที่ 15

หลังจากนั้น เจ้าบ้านยังทรงไม่ดี ยังดูตั้งเกมไม่ได้ และ กลายเป็นทีมเยือนที่ได้ประตูแรกไปแล้ว ก็ยิ่งฮึกเหิม บดต่อเนื่อง แต่ครึ่งแรกก็ไม่มีสกอร์เพิ่มเติม เชลซี นำไปก่อนหนึ่งลูก

ครึ่งหลัง เจ้าบ้านยังไม่ทันได้ทำอะไร กลายเป็น เชลซี ที่มาได้ประตูที่ต้องการ จากการโหม่งสุดสวยจาก อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ยอดกองหลังจอมถล่มประตูของทีม ในนาทีที่ 51 ทำให้ เชลซี นำ เรอัล มาดริด 2-0 แถมสกอร์รวมสองนัดกลายเป็น 3-3 ตอนนี้โอกาสเข้ารอบเปิดกว้างสำหรับสองทีม

หลังจากนั้น เชลซี บุกอย่างต่อเนื่อง และมีจังหวะที่ มาร์กอส อลอนโซ่ ทำประตูได้ แต่ถูก Var จับว่าแฮนด์บอล หลังจากนั้นทีมเยือนยังทำได้ดีกว่า แม้เจ้าบ้านจะมีโอกาส แต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก และในที่สุดประตูที่ เชลซี ต้องการก็มาถึง เมื่อ ติโม แวร์เนอร์ หลุดไปทำประตูอย่างสุดสวย ในนาทีที่ 75 ทำให้ เชลซี นำห่าง 3-0

เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ เชลซี ที่สกอร์รวมนำอยู่ 4-3 แต่สุดท้าย ทีมเจ้าบ้าน เรอัล มาดริด ก็มาได้ประตูที่ต้องการ จาก โรดดริโก้ ดาวยิงตัวสำรอง ในนาทีที่ 83 ทำให้สกอร์เป็น 1-3 สกอร์รวม เป็น 4-4 เท่า เสมอกันไปต้องต่อเวลาพิเศษ

ช่วงต่อเวลาพิเศษกลายเป็นเจ้าบ้านที่ทำได้ดีขึ้น ดูเหมือนทีมเยือนจะเสียกำลังใจไปพอสมควร และในที่สุดเจ้าบ้านก็มาได้ประตูสำคัญในนาทีที่ 96 จากการโหม่งของ คาริม เบนเซม่า สกอร์อยู่ที่ 2-3 สกอร์รวมอยู่ที่ เรอัล มาดริด นำ 5-4

ช่วงเวลาหลังจากนี้ เจ้าบ้านเล่นอุ่นใจมากขึ้นและเน้นผลการแข่งขันเต็มที่ ยันรักษาสกอร์ไว้ให้ได้ ส่วนทีมเยือน เชลซี ก็พยายามแล้วพยายามเล่า แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จบเกม กลายเป็น เรอัล มาดริด ที่แพ้ 2-3 เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 5-4 แซง เชลซี เข้ารอบได้อย่างสุดยอด

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม

เรอัล มาดริด : 4-5-1 : ติโบต์ กูร์ตัวส์ (ประตู) : ดาเนี่ยล คาร์บาฆัล, นาโช่ เฟอร์นานเดซ, ดาวิด อลาบา, แฟร็กลอง เมนดี้, เฟเดริโก้ บัลเบรเด้, ลูก้า โมดริช, คาเซมิโร่, โทนี่ โครส, วินิซิอุส จูเนียร์, คาริม เบนเซม่า

เชลซี : 4-4-2 : เอดูอาร์ด เมนดี้ (ประตู) : รีซ เจมส์, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, มาร์กอส อลอนโซ่, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มัตเตโอ โควาซิซ, เมสัน เมาท์, ไค ฮาเวิร์ตซ์, ติโม่ แวร์เนอร์

สถิติเกมนี้

อัตราการครองบอล : เรอัล มาดริด 44 เชลซี ครองบอล56%

โอกาสทำประตู : เรอัล มาดริด 10 ครั้ง เชลซี 28 ครั้ง

เตะมุม : เรอัล มาดริด 1 ครั้ง เชลซี 10 ครั้ง

ทำฟาวล์ : เรอัล มาดริด 17 ครั้ง เชลซี 20 ครั้ง

ล้ำหน้า : เชลซี 1 ครั้ง

บาเยิร์น มิวนิค 1 – 1 บียาร์เรอัล

“เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมจากบุนเดสลีกา เยอรมัน เปิดสนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า ทำได้เพียงแค่เสมอกับ “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาร์เรอัล ทีมจากลาลีกา สเปน ด้วยสกอร์ 1-1 รวมผลสกอร์สองนัด บียาร์เรอัล ชนะ 2-1 เข้ารอบได้อย่างหักปากกาเซียนอีกครั้ง

โดยเกมนี้ บาเยิร์น มิวนิค จัดเต็ม ไล่ตั้งแต่แนวรุกนำโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โคตรกองหน้าตัวหมายระดับเบอร์ต้นๆ ของโลก นำทัพ ซึ่งตั้งแต่เริ่มเกมมา เจ้าบ้าน โหมเกมรุกบุกหนักแบบไม่มีพักไม่มีผ่อน ส่วนทีมเยือนก็เน้นขึ้นเกมกันตั้งแต่ผู้รักษาประตู ส่วนเกมรับยังเหนียวแน่นเหมือนเกมนัดแรก

ซึ่งเกมนัดนี้คล้ายกับนัดแรก แต่เจ้าบ้านก็ยิ่งเพิ่มดีกรีเกมรุกบุกใส่ต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สามาำพาบอลเข้าประตูไปได้เลย ส่วนทีมเยือนเล่นอย่างชวนอึดอัด ไม่ได้ก็ไม่เสีย รอจังหวะโต้กลับ ครึ่งแรก สกอร์ยังเสมออยู่ 0-0

ครึ่งหลังเจ้าบ้านแก้เกมมาใหม่ แล้วก็มาได้ประตูที่ต้องการจนได้ในนาทีที่ 52 และไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือเจ้าเก่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ซัดตุงตาข่าย สกอร์ตอนนี้ บาเยิร์น มิวนิค นำ 1-0 สกอร์รวม เสมออยู่ที่ 1-1

หลังจากนั้นเจ้าบ้านบุกต่อเนื่อง แต่ทีมเยือนยังไม่เสียทรง ยังยันเอาไว้ แต่ก็เกือบจะยวบเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สุดดราม่าก็เกิดขึ้น เมื่อทีมเยือน บียาร์เรอัล ได้จังหวะสวนกลับ และกลายเป็น ซามูเอล ชุควูเซ่ ได้ยิงเต็มข้อตุงตาข่ายในนาทีที่ 89 ซึ่งเป็นนาทีบาปเหลือเกิน ทำให้ บียาร์เรอัล ตีเสมอ บาเยิร์น มิวนิค เป็น 1-1

หลังจากนั้นไม่มีทีมไหนทำประตูได้ กลายเป็น บาเยิร์น มิวนิค จอดแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ทำได้เพียงแค่เสมอกับ บียาร์เรอัล 1-1 สกอร์รวม บียาร์เรอัล แซงเข้ารอบด้วยสกอร์ 2-1 แบบเหลือจะเชื่อ

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม

บียาร์เรอัล : 4-3-2-1 : เคโรนีโม่ รูยี่ (ประตู) : ฮวน ฟอยธ์, ราอูล อัลบิโอน, เปา ตอร์เรส, เปร์วิส เอสตูปินญาน, ดานี่ ปาเญโฆ่, ฟรานซิส ก็อกโกแลง, เอเตียน กาปู, โจวานนี่ โล เซลโซ่, อาเนาท์ ดานยูม่า, เคราร์ด โมเรโน่

บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์ (ประตู) : เบ็นจาแม็ง ปาวาร์, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, ลูคัส เอร์น็องเดซ, อัลฟอนโซ่ ดาวี่ส์, จามาล มูเซียล่า, โจชัว คิมมิช, คิงสลี่ย์ โกม็อง, โธมัส มูลเลอร์, แซร์จ กนาบรี้, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

สถิติเกมนี้

อัตราการครองบอล : บาเยิร์น มิวนิค ครองบอล 68% บียาร์เรอัล ครองบอล 32%

โอกาสทำประตู : บาเยิร์น มิวนิค 23 ครั้ง บียาร์เรอัล 4 ครั้ง

เตะมุม : บาเยิร์น มิวนิค 6 ครั้ง บียาร์เรอัล 0 ครั้ง

ทำฟาวล์ : บาเยิร์น มิวนิค 11 ครั้ง บียาร์เรอัล 8 ครั้ง

ล้ำหน้า : บาเยิร์น มิวนิค 5 ครั้ง บียาร์เรอัล 1 ครั้ง

Posted in บทความฟุตบอล


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *