ดวลจุดโทษ ทีมชาติอังกฤษ

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 ได้รูดม่านปิดฉากลงไปแล้ว จบลงด้วย พลพรรค “อัซซูรี่” ทีมชาติอิตาลี จากทีมเต็ง 7 ผงาดก้าวมาเป็นแชมป์ได้สำเร็จ หลังจากชนะในการ ดวลจุดโทษ ทีมชาติอังกฤษ ด้วยสกอร์ 3-2 หลังจากเสมอกันในเวลาปกติรวมช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-1 โดยชนะได้ถึง เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม สนามในถิ่นลอนดอน ประเทศอังกฤษ กันเลยทีเดียว เรียกว่าหลังจากจบเกมฮูลิแกนแผลงฤทธิ์กันยับ

แต่วันนี้ทีมงาน วิเคราะห์บอล UFA จะพูดถึง การดวลจุดโทษของอังกฤษ ซึ่งพวกเขาไม่ค่อยจะสมหวังเท่าไหร่นัก เรามาดูกันว่า รายการทัวร์นาเม้นต์สำคัญ อังกฤษ ผลงานการดวลจุดโทษของทีมชาติอังกฤษเป็นอย่างไรกันบ้าง

ผลงาน ดวลจุดโทษ ทีมชาติอังกฤษ

ถือว่าน่าผิดหวังสุดๆ หากดูสถิติ ดวลจุดโทษ ทีมชาติอังกฤษ เมื่อผลงาน 10 ครั้งที่ผ่านมา พวกเขาดวลจุดโทษชนะเพียงแค่ 3 ครั้ง แต่แพ้ไปถึง 10 ครั้งด้วยกัน โดยเราจะขอย้อนสถิติสำหรับรายการใหญ่ๆ ด้วยกัน 7 ครั้ง ทั้งรายการ ฟุตบอลโลก ฟุตบอลยูโร และ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก

ฟุตบอลโลก 1998

อริตลอดกาลอีกหนึ่งชาติ สำหรับ อังกฤษ นั่นก็คือ เยอรมัน ซึ่งดราม่าคนสงสัยว่าทำไมสองชาตินี้ไม่ค่อยถูกกัน เหตุการณ์มันเกิดจากตอนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งทำให้ทั้งคู่ต่างมองว่าเป็นศัตรูของกันและกัน แต่ปัจจุบันก็ได้เพลาๆ ลงไปเยอะแล้ว เพราะ อังกฤษ แพ้ เยอรมัน มากกว่านั่นเอง ครั้งนี้ก็เช่นกัน ในศึก ยูโร 1996 ที่ อังกฤษ เป็นเจ้าภาพ ดวล เยอรมัน รอบรองชนะเลิศ อังกฤษ นำโดย อลัน เชียร์เรอร์, พอล อินซ์, พอล แกซคอยน์, โทนี่ อดัมส์, เท็ดดี้ เชอร์ริ่งแฮม, รอบบี้ ฟาวเลอร์ และ แกเร็ธ เซาธ์เกต ส่วน เยอรมัน ตอนนั้นมี มาร์คุส บับเบิ้ล, อันเดรส โมลเลอร์, เมห์เม็ต โชล และ สเตฟเฟน ฟรอนด์ โดยเกมนี้ อังกฤษ นำไปก่อนจาก อลัน เชียร์เรอร์ แต่ต่อมา สเตฟเฟ่น คุนซ์ ตีเสมอได้สำเร็จ ก่อนที่ทั้งสองทีมจะทำอะไรกันไม่ได้ทั้งเวลาปกติและช่วงต่อเวลาพิเศษ จึงต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ผลปรากฏว่าดวลกันสนุก สุดท้ายแล้ว เยอรมัน เอาชนะ อังกฤษ 7-6 โดยคนที่ยิงพลาดคนเดียว นั่นก็คือ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษ ซัดพลาดคนเดียว เป็นตราบาปกันไปเลย

ฟุตบอลยูโร 1996

อังกฤษ ดวลกับ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยขุนพลทรีไลอ้อนส์ ชุดนั้น ประกอบไปด้วย นักเตะชั้นนำมากมาย ทั้ง อลัน เชียร์เรอร์, ไมเคิ่ล โอเว่น ที่กำลังมาแรง, เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, แกรี่ เนวิลล์ และ แกเร็ธ เซาท์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษ คนปัจจุบัน ส่วน อาร์เจนติน่า มี กาเบรียล บาติสตูต้า, ดิเอโก้ ซิเมโอเน่, เซบานเตียน เวรอน, ฮาเวียร์ เซเน็ตติ, เอร์นาน เคสโป และ โรเบร์โต้ อยาล่า โดยเกมเวลาปกติมีดราม่ามากมาย บาติสตูต้า ทำประตูให้ อาร์เจนติน่า นำไปก่อน ทว่า อังกฤษ ได้สองประตูรวดจาก เชียร์เรอร์ และ โอเว่น ซัดคนละตุง ทว่าท้ายครึ่งแรก เซเน็ตติ ทำประตูตีเสมอ ส่วนครึ่งหลัง เบ็คแฮม โดนใบแดงถูกไล่ออกจากสนาม หลังจากนั้นทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ รวมต่อเวลาพิเศษ จึงต้องตัดสินด้วยการดวลลูกจุดโทษ ผลปรากฏว่า อาร์เจนติน่า เอาชนะ อังกฤษ ไปได้ 6-5 ในการดวลลูกจุดโทษ

ฟุตบอลยูโร 2004

โปรตุเกส กับ อังกฤษ เกมนี้คือจุดเริ่มต้นของความดราม่าเช่นกัน ในศึกยูโร 2004 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย อังกฤษ ชุดนี้เต็มเปี่ยมด้วยสตาร์ดัง นำโดย เวร์น รูนี่ย์, ไมเคิ่ล โอเว่น, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, พอล สโคลล์, เดวิด เบ็คแฮม เป็นต้น ส่วน โปรตุเกส นำโดย หลุยส์ ฟีโก้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เดโก้, คอสตินญ่า, รุย คอสต้า และ เดเนี่ยล คาวัลโญ่ โดยเกมนี้ อังกฤษ นำไปก่อนจาก ไมเคิ่ล โอเว่น ส่วน โปรตุเกส ตีเสมอจาก เอลเดอร์ ปอสติก้า จบเวลาปกติเสมอ 1-1 ช่วงต่อเวลาพิเศษ โปรตุเกส นำได้จาก รุย คอสต้า ส่วนอังกฤษ ไล่เสมอจาก จอห์น เทอร์รี่ จบเวลาต่อเวลาพิเศษ ต้องดวลจุดโทษ ผลปรากฏว่า ดวลกันสุดมัน โดย โปรตุเกส ชนะ อังกฤษ 8-7 เป็นอีกครั้งที่ อังกฤษ ต้องพบความผิดหวัง ทั้งที่มีนักเตะระดับสตาร์เต็มทีมไปหมด

ฟุตบอลโลก 2006

รอบนี้ อังกฤษ มีคิวดวลกับ โปรตุเกส รอบ 8 ทีมสุดท้าย เกมนี้ดราม่าอีกแล้ว อังกฤษ ชุดนี้ มีนักเตะดังๆ ประดับทีมคับคั่ง นำโดย เวร์น รูนี่ย์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, เดวิด เบ็คแฮม, ไมเคิ่ล โอเว่น, ริโอ เฟอร์ดินาน, จอห์น เทอร์รี่, แกรี่ เนวิลล์ และ แอชลี่ย์ โคล รวมถึง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ก็ติดทัพ ดวลกับ โปรตุเกส นำโดย หลุยส์ ฟีโก้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เมนิเช่, เดเนี่ยล คาวัลโญ่, เปาเลต้า, เดโก้ และ ซิเมา โดยทั้งเกม 90 นาทีและช่วงต่อเวลาพิเศษไม่มีทีมไหนทำประตูกันได้ แต่ในเกมใส่กันยับ มีดราม่าเกิดขึ้นเมื่อ เวร์น รูนี่ย์ โดนใบแดงถูกไล่ออกจากสนาม แถมมีภาพว่า โรนัลโด้ เพื่อนร่วมสโมสรยิ้มอย่างรู้ใจให้กับเพื่อนร่วมชาติ ตอนนั้นมีข่าวหนักหน่วงว่าทั้งคู่บาดหมางกันในๆ ในตอนกลับไปรับใช้สโมสร เข้าเรื่องกันต่อ ผลสุดท้ายต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งโปรตุเกส เอาชนะ อังกฤษ 3-1 โดย อังกฤษ ยิงเข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ตกรอบแบบเซ็งๆ

ฟุตบอลยูโร 2012

อังกฤษ ในชุดนี้เริ่มเป็นชุดเปลี่ยนถ่ายสายเลือดใหม่ รอบ 8 ทีมสุดท้าย อังกฤษ พบ อีตาลี โดย อังกฤษ นำโดย เวร์น รูนี่ย์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล และ แดนนี่ เวลเบ็ค ส่วน อิตาลี จัดเต็ม ขุมกำลังดูดีกว่า นำโดย มาริโอ บาโลเตลลี่, อันเดรีย ปิร์โล่, เด รอสซี่, จานลุยจิ บุฟฟ่อน, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ และ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ โดยเกมนี้ อิตาลี เหนือกว่า อังกฤษ อย่างมาก แต่ทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ ทั้งเวลาปกติ 90 นาทีและช่วงต่อเวลาพิเศษ ผลสุดท้ายต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษกัน ซึ่งแน่นอนว่า อิตาลี เอาชนะ อังกฤษ ไปได้ 4-2 เรยีกว่า อิตาลี เป็นเต้ยในการดวลจุดโทษกันอยู่แล้ว อีกครั้งที่ อังกฤษ ต้องอกหักปาดน้ำตาตกรอบกันไป

ฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2018/19

เป็นศึกชิงอันดับที่ 3 โดยเกมนี้ ทีมชาติอังกฤษ พบ กับทีมชาติสวิตเซอร์แลนต์ อังกฤษ ในยุคสายเลือดใหม่ นำโดย แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ริ่ง, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แฮร์รี่ แม็คไกว์ เป็นต้น ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ นี่ก็คือชุดที่ดีที่สุดของพวกเขา นำโดย เซอร์ดาน ชากีรี่, กรานิต ชาก้า, ฮาริส เซเฟโรวิช, ยานน์ ซอมเมอร์ ผลปรากฏว่าทั้งเวลาปกติ 90 นาทีและช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งสองทีมสู้กันอย่างสูสี กินกันไม่ลง เสมอกันไป 0-0 จึงต้องตัดสินด้วยการดวลลูกจุดโทษ ซึ่ง ครั้งนี้ อังกฤษ ทำได้ เอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ไปได้ 6-5 โดย อังกฤษ ยิงไม่พลาดเลยแม้แต่คนเดียว ดูเหมือนว่ายุคใหม่ของพวกเขากำลังไปได้ดีในการดวลลูกจุดโทษ

ฟุตบอลยูโร 2020

ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ กับความเจ็บปวดที่รวดร้าวสุดแสนสาหัส ของ อังกฤษ รวมถึงดราม่าน่ารังเกียจมากมายหลังจบการแข่งขันนี้ อังกฤษ ที่เพรียบพร้อมทุกอย่าง บททุกอย่างที่ผ่านมา ดูเหมือนจะทำให้พวกเขาน่าจะก้าวสู่ตำแหน่งแชมป์ ทั้งนัดชิงที่ได้เล่นในบ้านเกิดของตัวเอง ทว่าเกมนี้ พวกเขา เจอกับ อิตาลี ทีมมาแรงแซงทางโค้ง ด้วยสไตล์การเล่นเน้นเกมรุก สุดเร้าใจ ขุนพลของ อังกฤษ นำโดย แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ริ่ง, ลุค ชอว์, คาลวิน ฟิลิปป์, แฮร์รี่ แม็คไกว์ เป็นต้น ส่วน อิตาลี นำโดย ชิโร่ อิมโมบิเล่, จอร์จินโญ่, มาร์โก้ แวร์รัตติ, จอร์จิโอ คิเอลเลนี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชิ และ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เกมนี้ อังกฤษ เปิดตัวได้สวย ได้ประตูนำไวจาก ลุค ชอว์ ทว่า อังกฤษ ยิ่งเล่นยิ่งแผ่ว อิตาลี มาแรงกว่า จนได้ประตูตีเสมอจาก โบนุชชี่ จบเกม 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ช่วงเวลาต่อพิเศษ ทั้งสองทีมก็ทำอะไรไม่ได้จึงต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ผลปรากฏว่า อิตาลี พลิกมาชนะ อังกฤษ 3-2 โดย สามคนหลังของอังกฤษ มาร์คัส แรซฟอร์ด, จาดอน ซานโช่ และ บูกาโย่ ซาก้า ยิงพลาดหมด เรียกได้ว่าโคตรดราม่า อังกฤษ ก็ยังไม่สามารถเป็นแชมป์ยูโรได้เลยสักครั้ง ผิดหวังกันทั้งประเทศ

Posted in บทความฟุตบอล


Leave a Comment:

Your email address will not be published. Required fields are marked *